Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

226


หลายปัจจัยสร้างแรงกดดันต่อตลาด
ผลการประชุม Fedเมื่อคืนนี้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.5% ตามคาด แต่ให้มุมมองว่าการประชุมรอบเดือน มี.ค.67 อาจไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ผลดังกล่าวสะท้อนผ่าน Fed Watch Tool โดย 64% คาดคงดอกเบี้ยในการประชุมรอบเดือน มี.ค.67 ประเด็นดังกล่าวสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในบ้านเรา ธปท. ออกมาให้มุมมองเศรษฐกิจเชิงลบ โดยคาดว่าจะเห็นการปรับลด GDP Growth ทั้งในปี 2566 และ 2567 หลังจากที่ Indicatorหลายตัวส่งสัญญาณเติบโตช้ากว่าที่คาด ภาพดังกล่าวน่าจะสอดคล้องกับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนใน SET ที่มองเห็นพื้นที่ในการปรับลดประมาณการลงทั้งปี 2566 และ 2567 อีกเรื่องที่สำคัญคือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นว่า แนวทางการแก้ไข ป.อาญา ม. 112 ของ พรรคก้าวไกลเป็นปฎิปักษ์ต่อการปกครองฯ ซึ่งเปิดช่องทางไปสู่การยุบพรรค และตัดสิทธ การเมืองภาพรวมของปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐาน ทั้ง 3 เรื่องที่กล่าวถึง ถือว่ามีผลทางลบต่อทิศทางตลาด และทำให้SET Index ไม่สามารถพ้นจากช่วงของการปรับฐานวันนี้ประเมินกรอบ 1353 –1370 จุด หุ้น Top Pickเลือก AOT, BEMและTISCO

 

FED คงดอกเบี้ยตามคาด แต่ส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยนานขึ้นกดดันสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น
แม้ว่า FED จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด 5.25%-5.50% อย่างไรก็ตามวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลง 0.8%-2.4% ตามที่ FED ส่งสัญญาณว่ายังไม่มีแผนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ววัน เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ2% โดยทางประธานเฟดได้กล่าวว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อมีข้อมูลยืนยันว่าเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้แล้ว แต่เมื่อพิจารณาจากการประชุมในครั้งนี้ ไม่คิดว่าคณะกรรมการ FOMC จะมีความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ได้ภายในการประชุมนโยบายการเงินเดือนมี.ค.67

ประเด็นดังกล่าว ทำให้ FED WATCH TOOL มีการปรับโอกาสคงดอกเบี้ยมากขึ้นในการประชุมเดือน มี.ค.67 เป็น 64% ซึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้FED WATCH TOOL ให้โอกาสที่จะคงดอกเบี้ยไว้เพียง 53% เท่านั้น อย่างไรก็ตามการประชุมครั้งถัดๆไปFED WATCH TOOL คาดว่าจะทยอยปรับลดดอกเบี้ย 6 ครั้ง ครั้งละ 0.25% จน ณสิ้นปี 2567 คาดดอกเบี้ยจะอยู่ระดับ 4.0%


สรุป การส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยนานขึ้นของ FED ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงแรงวานนี้ ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็น่าจะได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET index ไว้ที่ระดับ 1353 -1370 จุด

ภาพเศรษฐกิจไทยสร้าง Downside ต่อกำไรบริษัทจดทะเบียน
ตัวเลขที่สำคัญทางเศรษฐกิจไทยที่ทยอยออกมากในช่วง 4Q66 เริ่มแสดงให้เห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวลง เฉพาะอย่างยิ่งในเดือน ธ.ค.66 สะท้อนผ่านหลาย Indicators เริ่มจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) -6.27%YoY ขณะที่ในปี 2566 ดัชนี MPI -5.11%เศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้า และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

นอกจากนี้ ธปท.ยังเผยว่าเศรษฐกิจไทยในเดือน ธ.ค.66 ขยายตัวชะลอลงตามรายรับภาคการท่องเที่ยวและมูลค่าการส่งออกไม่รวมทองคำที่ชะลอลงจากอุปสงค์โลกที่ฟื้นตัวช้า อีกทั้งเศรษฐกิจไทยยังโตต่ำและฟนตัวชากวาประเทศเพื่อนบาน ทั้งมิติ GDPและการสงออกสินคา ซึ่งเปนผลจากทั้งปจจัยเชิงวัฏจักรระยะสั้นและเชิงโครงสราง

 

ภาพรวมเศรษฐกิจและการเงินของไทยในเดือน ธ.ค.66 และ 4Q66 ที่ดูไม่ค่อยสดใสอาจเป็นปัจจัยที่หนุนให้ ธปท. ปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ไทย ปี 2566-67 และมีโอกาสจะเห็น Gap คาดการณ์ GDP ของ ธปท. และรัฐบาลที่แคบลง ซึ่งต้องติดตามทิศทาง กนง. ในการประชุมนัดแรกของปีวันที่7 ก.พ. นี้
เศรษฐกิจไทยที่เริ่มเห็น DOWNSIDE ดังเนื้อหาข้างต้น ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนก็มีโอกาสเห็นการทยอยปรับลดคาดการณ์ลง หรือเป็น DOWNSIDE ก่อนการรายงานรายบริษัท ซึ่งหากอ้างอิงจากประมาณการเดิม กำไรงวด 4Q66 ต้องแตะระดับ 2.92 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 28% ถึงจะทำให้คาดการณ์ทั้งปีอยู่ระดับ1.06 ล้านล้านบาทได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากพอควร โดยปัจจุบัน BLOOMBERG คาดกำไร 4Q66 ราว 2.63 แสนล้านบาท


ซึ่งการปรับประมารการลงไม่เพียงแต่ปรับลดของปี 2566 แต่รวมถึงปี 2567 ด้วย โดยล่าสุด EPS67F จาก BLOOMBERG CONSENSUS เหลือ 98.7 บาท/หุ้น ส่วนมุมมองของฝ่ายวิจัยฯ เบื้องต้นเห็น DOWNSIDE จาก EPS67F ราวๆ 3 – 4% หรือEPS67F จะลดลงมาอยู่ที่ 96 – 97 บาท/หุ้น ภายใต้ MEYG ที่ระดับ 3.3% อิง P/E17.24 เท่า จะได้กรอบดัชนีเป้าหมายบริเวณ 1650 –1670 จุด


สรุป ภาพรวมเศรษฐกิจและการเงินของไทยในเดือน ธ.ค.66 และ 4Q66 ที่ดูไม่ค่อยสดใส อาจเป็นปัจจัยที่หนุนให้ ธปท. ปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ไทย ปี 2566-67 และอาจนำไปสู่การปรับลดประมาณการ EPS Growth และะกรอบดัชนีเป้าหมายSET Index

การเมืองกดดัน SET Index ขยับขึ้นยาก
อีกหนึ่งประเด็นภายในประเทศที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ พัฒนาทางการเมืองหลังวานนี้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและสั่งการให้เลิกการกระทำ การพิมพ์ การโฆษณา เพื่อให้ยกเลิก ม. 112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไข ม. 112 ด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการถัดๆ ไปได้แก่ กกต. อาจพิจารณายื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นได้ (ตาม พ.ร.ปพรรคการเมืองมาตรา 92) ขณะเดียวกันทางฝั่ง ปปช. ก็สามารถพิจารณาว่าผิดต่อหลักจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่(ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 219 วรรค 2, มาตรา 235) ซึ่งหากศาลวินิจฉัยแล้วว่าผิดจริง โทษสูงสุด คือ การตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต

ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุดเช้านี้ (1 ก.พ.) เวลา 10.00 น. สมาชิกพรรคพลังประชารัฐจะมีการยื่นเรื่องให้กกต. ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการยุบพรรคก้าวไกล ฐานล้มล้างการปกครอง ตามความผิดในมาตรา 91 (1) โดยจะมีโทษถึงขั้นยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางด้านการเมืองกรรมการบริหารพรรค 10 ปีทั้งนี้ หากประเด็นดังกล่าวถูกหยิบยกขึ้นมา อาจสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อ SET ให้ฟื้นตัวได้ช้า พร้อมกับ FundFlow ชะลอการไหลเข้า


สรุป นอกจากเศรษฐกิจไทยที่ชะลอ ยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เข้ามาเป็นปัจจัยกดดันให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนในช่วงนี้ได้ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันรอบด้าน จะวางแผนลงทุนอย่างไรดี?ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงกดดันรอบทิศทาง ดังนี้

• การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายทางการเงินโลกที่ผ่อนคลาย อาจช้าลงหลัง Fed ส่งสัญญาณยังไม่ลดดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ รอเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมายที่2% (เงินเฟ้อสหรัฐล่าสุดเดือน ธ.ค. 3.4%) กดดันตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงทุกแห่งในวานนี้ -0.8% ถึง -2.2%

• เศรษฐกิจจีนยังฟื้นตัวช้ากว่าที่ตลาดคาด โดย PMI จีน เดือน ม.ค.67ออกมา 49.2 จุด ต่ำกว่าตลาดคาด 49.3 จุด แม้จะสูงกว่าเดือนก่อน 49 จุดแต่กดดันหุ้นจีนตก -1.4% ในวานนี้ อาจเป็นแรงกดดันมาที่ตลาดหุ้นไทยเนื่องจากจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย

• การเมืองไทยที่กลับมาร้อนแรง หลังศาล รธน. ชี้ ก้าวไกล “ล้มล้างการปกครอง” และวันนี้ เรืองไกร สส.พปชร เข้าร้องกกต. ยุบพรรคก้าวไกลเวลา10.00 น. ในวันนี้

ภาพปัจจัยภายนอกและภายในประเทศที่กดดันตลาดหุ้นรอบทิศทาง กลยุทธ์การลงทุนแนะนำถือเงินสดบางส่วน 10 – 20% ของพอร์ต ส่วนหุ้นเด่นเอนเอียงน้ำหนักไปกับหุ้น 3 ธีม มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว น่าจะ Outperform ตลาดได้ในช่วงนี้

• หุ้นปันผลสูง (หลบความผันผวนต่อตลาดได้ดี) แนะ AP, INTUCH, MAJOR,PTTEP
• หุ้นคาดหวังดอกเบี้ยขยับลง (และ Bond Yield 10 ปี สหรัฐลงมาเร็ว ล่าสุดต่ำ4%) แนะ TIDLOR, SAWAD, TISCO
• หุ้นอิงการท่องเที่ยว (ฟรีวีซ่าไทย-จีน ถาวร เริ่มมี.ค. 66 นี้) แนะ AOT MINT


RESEARCH DIVISION
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้