Today’s NEWS FEED

News Feed

ฟิทช์ คงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทไทยรับประกันภัยต่อที่ ‘A-’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

268

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(24 มกราคม 2567)------ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (Insurer Financial Strength Rating: IFS Rating) ของบริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE ที่ ‘A-’ (หรืออยู่ในระดับ “แข็งแกร่ง”) และมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

การประกาศคงอันดับเครดิตของ THRE สะท้อนถึงระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โครงสร้างบริษัทประกันภัยที่ยังแข็งแรง (Favorable Company Profile) และการคาดการณ์ของฟิทช์ว่ากำไรของบริษัทจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในปี 2567

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
ผลประกอบการที่มีเสถียรภาพมากขึ้น: ฟิทช์คาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะปรับตัวขึ้นมามีเสถียรภาพมากขึ้นในปี 2567 โดยมีอัตราส่วนค่าสินไหมทดแทนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Combined Ratio) อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 100% การเติบโตด้านธุรกิจน่าจะมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจประกันภัยด้านอุบัติเหตุและสุขภาพ (Accident and Health line) และธุรกิจการรับประกันภัยต่อ (Conventional business) จากสภาวะแวดล้อมของตลาดที่เอื้อต่อผู้รับประกัน (Hard Market) ทั้งนี้ อัตราส่วนค่าสินไหมทดแทนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Combined Ratio) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ได้ปรับตัวดีขึ้นมาที่ 98% จากเดิม 112% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของค่าสินไหมทดแทนสำหรับประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับโควิท-19 ในปี 2566 ฟิทช์คาดว่าอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on equity) จะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในปี 2567 ที่ประมาณ 4-6% ทั้งนี้อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 5% โดยประมาณในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 เทียบกับ -9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565

ฟิทช์คาดว่าบริษัทน่าจะยังคงรักษาเกณฑ์และเงื่อนไขการรับประกันภัยที่รัดกุมต่อเนื่อง และแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อในส่วนของค่าสินไหมทดแทน น่าจะถูกชดเชยด้วยการปรับอัตราเบี้ยการรับประกันภัย

ระดับเงินกองทุนที่เข้มแข็ง: จากการประมาณการระดับเงินกองทุนด้วยแบบจำลอง Prism Factor-Based Capital Model (Prism FBM) ของฟิทช์นั้น เงินกองทุนของ THRE อยู่ในกลุ่มที่ “แข็งแกร่งมากที่สุด” (‘Extremely Strong’) ในปี 2566 และมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของผลประกอบการ จากผลกระทบของประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับโควิท-19 ในปี 2566 และฟิทช์คาดว่าระดับเงินกองทุนของบริษัทจะคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2567 THRE มีระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามกฎหมาย (Risk-based capital ratio) ณ สิ้นเดือน กันยายน 2566 ที่ 338% ปรับตัวจาก 364% ณ สิ้น 2565 (2564: 275%) และสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้ที่ 140% อย่างมีนัยสำคัญ

โครงสร้างบริษัทที่แข็งแรง: ฟิทช์ประเมินโครงสร้างบริษัทของ THRE ที่ระดับแข็งแรง (Favorable) เนื่องจากบริษัทมีโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีบรรษัทภิบาลที่ดี เมื่อเทียบกับบริษัทประกันภัยอื่นภายในประเทศไทย โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการที่ THRE เป็นบริษัทประกันภัยต่อรายเดียวในประเทศและมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่มั่นคงที่ระดับ 30%-40% ของเบี้ยประกันภัยต่อภายในประเทศ ถึงแม้บริษัทจะมีขนาดของธุรกิจที่ค่อนข้างเล็ก นอกจากนี้ บริษัทยังมีประเภทผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมทั้งความสามารถในการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า

การเปลี่ยนแปลงการลงทุนเพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่ดีขึ้น: บริษัทมีกลยุทธ์การลงทุนและบริหารสินทรัพย์ที่ระมัดระวัง แต่ฟิทช์เชื่อว่า THRE จะมีการเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึง การลงทุนในหุ้น เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีขึ้นในปี 2024 ทั้งนี้บริษัทมีสัดส่วนการลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้มากกว่า 80% ของเงินลงทุนทั้งหมด และมีอัตราส่วนสินทรัพย์เสี่ยง (risky asset ratio) อยู่ที่ระดับ 35% ณ สิ้นเดือน กันยายน 2566 ซึ่งต่ำกว่าระดับที่หลักเกณฑ์การพิจารณาอันดับเครดิตของฟิทช์ (criteria guideline) ได้กำหนดไว้สำหรับกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งทางการเงินระดับ ‘A’ ค่อนข้างมาก

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
- การปรับตัวลดลงของความสามารถในการทำกำไรซึ่งสะท้อนจากอัตราส่วนรวมค่าสินไหมทดแทนและค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน (Combined Ratio) ที่สูงกว่า 103% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง
- การปรับตัวลดลงของระดับเงินกองทุนที่วัดจากอัตราส่วนเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (RBC) มาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 280% และการปรับตัวลดลงของระดับเงินกองทุนของบริษัทซึ่งวัดจากแบบจำลอง Prism FBM มาอยู่ต่ำกว่าระดับบนของกลุ่ม “แข็งแกร่ง” (‘Strong’) เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
- การปรับตัวเพิ่มขึ้นของความสามารถในการทำกำไรซึ่งสะท้อนจากอัตราส่วนรวมค่าสินไหมทดแทนและค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน (Combined Ratio) ที่ต่ำกว่า 96% ในขณะที่สามารถรักษาอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on equity) ไว้ในระดับสูงกว่า 10% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง
- บริษัทมีโครงสร้างบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งรวมไปถึงขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นและมีการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจเชิงภูมิศาสตร์ (geographical diversification) ที่ดีขึ้น
- การรักษาไว้ซึ่งระดับเงินกองทุนที่เข้มแข็ง

การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) หากไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนนี้ แสดงว่าบริษัทมีระดับคะแนนความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต ไม่เกินระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของบริษัท ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของบริษัทก็ตาม ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ ESG หาได้จาก https://www.fitchratings.com/esg

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

TMILL ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผู้ถือหุ้นโหวตรับปันผลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น

TMILL ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผู้ถือหุ้นโหวตรับปันผลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น

ไปไม่ไกล By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ ภาพรวมหุ้นไทย คงวิ่งไม่ไกล ไม่แรง ด้วยทั่วโลก จับตา ประธานเฟด แถลงผลประชุม 1พ.ค.67 ...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้