Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: SCGP กำไรปี66 วูบ10% ปันผล 0.30บ./หุ้น

1,097

 

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(23 มกราคม 2567)---- SCGP เผยกำไรปี66 ที่ระดับ5,248 ล้านบาท ลดลง10% เมื่อเทียบกับปีก่อน เหตุปริมาณและราคาขายลดลงขณะที่แผนปี 67 วางกลยุทธ์รุกสร้างรายได้และทำกำไรให้ธุรกิจ ตั้งเป้าหมายรายได้จากการขาย 150,000 ล้านบาท


บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)SCGP เปิดเผยว่าสรุปผลการดำเนินงานของ SCGP ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 129,398 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายได้จากการขายลดลงจากปีก่อน มีสาเหตุหลักมาจากปริมาณและราคาขายที่ลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มกระดาษบรรจุภัณฑ์และเยื่อกระดาษ ท่ามกลางความล่าช้าของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระดับโลกและระดับภูมิภาค


กำไรสำหรับปีเท่ากับ 5,248 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไร 5,800 ล้านบาท และมี Net profit margin อยู่ที่ร้อยละ4 โดย กำไรสำหรับปีลดลงจากปีก่อน มีสาเหตุหลักจากปริมาณและราคาขายที่ลดลงซึ่งเป็นไปในทางเดียวกันกับรายได้จากการขาย อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรโดยรวมยังอยู่ในระดับทรงตัว เนื่องจากความพยายามในการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องและความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน


EBITDA เท่ากับ 17,769 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีEBITDA margin อยู่ที่ร้อยละ 14


ในปี 2566 อุปสงค์ของบรรจุภัณฑ์มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคเช่น อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคในชีวิตประจำวัน โดยมีแรงขับเคลื่อนมาจากการบริโภคภายในประเทศของภูมิภาคอาเซียน การฟื้นตัวของภาคการบริการและกิจกรรมท่องเที่ยว การเปิดประเทศของประเทศจีนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยบรรเทาปัญหาการชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน ประกอบกับความต้องการในสินค้าจำเป็นทั่วโลกและผลกระทบจากการห้ามส่งออกสินค้าเกษตรกรรมในบางประเทศ ช่วยสนับสนุนให้ภาคการส่งออกของภูมิภาคอาเซียนในบางอุตสาหกรรมมีการเติบโตดีขึ้น เช่น อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง อาหารแปรรูป ผลไม้สด และข้าว

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ช้ากว่าคาด อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรป ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และการส่งออกจากภูมิภาคอาเซียนชะลอตัวลงโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าคงทน เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า และรองเท้าโดยอุตสาหกรรมกระดาษบรรจุภัณฑ์มีการแข่งขันที่รุนแรง ซึ่งเป็นผลจากอุปทานส่วนเกินของกระดาษบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาค ส่งผลให้มีแรงกดดันด้านราคาขาย โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ราคาขายในภูมิภาคของเยื่อกระดาษและกระดาษบรรจุภัณฑ์ทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออกนั้นได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเริ่มเห็นแนวโน้มการปรับราคาขึ้นในช่วงปลายปี 2566 ในขณะที่ราคาขายบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค (Consumer Packaging)ยังทรงตัวอยู่ในระดับที่ดีเนื่องจากความต้องการบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าที่ใช้อุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันยังมีการเติบโตที่ดี

ในด้านต้นทุนหลักนั้นมีการปรับตัวในทางที่ดีขึ้น ประกอบด้วยค่าขนส่งซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนตู้ขนส่งสินค้าในห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบหลักและพลังงานที่ปรับตัวลงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางในช่วงปลายปีที่ผ่านมาส่งผลให้เกิดความผันผวนของต้นทุนค่าขนส่งและการจัดการเส้นทางเดินเรือทั่วโลก


จากผลการดำเนินงานของปี 2566 คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท โดยบริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลงวดระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.30 บาทในวันที่ 22 เมษายน 2567 ตามรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 3 เมษายน 2567 โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 2 เมษายน 2567


นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานบริษัทฯ ปี 2566 มีรายได้จากการขาย 129,398 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11 จากปีก่อน มี EBITDA 17,769 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 จากปีก่อน และมีกำไรสำหรับปี 5,248 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10 จากปีก่อน โดยมีอัตรา EBITDA Margin ปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 14 จากปีก่อนที่ร้อยละ 13 จากการมุ่งเน้นบริหารต้นทุนและการผลิตสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ มียอดขายบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังแข็งแกร่ง แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมกระดาษบรรจุภัณฑ์ปีที่ผ่านมามีการแข่งขันด้านราคาสูงขึ้น และมีปัจจัยอัตราเงินเฟ้อและภาวะดอกเบี้ยซึ่งส่งผลกระทบกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ทั้งนี้ปัจจุบันสถานการณ์ราคาขายกระดาษบรรจุภัณฑ์และเยื่อกระดาษในภูมิภาคผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของความต้องการซื้อในภูมิภาคอาเซียนและประเทศจีน

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 มีรายได้จากการขาย 31,881 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ส่วน EBITDA 4,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และมีกำไรสำหรับงวด 1,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 171 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้และต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น โดย EBITDA และกำไรสำหรับงวดที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขายในเกือบทุกกลุ่มสินค้า และการเสริมประสิทธิภาพการบริหารต้นทุน โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่โรงงานในประเทศไทย การมีเครือข่ายจัดหาวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลที่ครอบคลุม ช่วยลดผลกระทบด้านราคาและเพิ่มความมั่นคงด้านการจัดหาวัตถุดิบ รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนใช้พลังงานชีวมวล


ทั้งนี้ ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภคที่ได้รับปัจจัยบวกจากการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่และการท่องเที่ยว การฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศเวียดนามและประเทศอินโดนีเซีย สินค้าส่งออกโดยเฉพาะอาหารแช่แข็งและอาหารสัตว์เลี้ยงที่ฟื้นตัวดี ส่วนสินค้าคงทนยังทรงตัว

จากผลการดำเนินงานของปี 2566 คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท โดยบริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลงวดระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท ในวันที่ 22 เมษายน 2567 ตามรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 3 เมษายน 2567 โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 2 เมษายน 2567

นายวิชาญ กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ปี 2567 มีแนวโน้มฟื้นตัว โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียน เช่น ประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงประเทศจีน โดยมีปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวและการส่งออกที่คาดว่าจะฟื้นตัว อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มลดลงจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ในขณะที่ราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลมีแนวโน้มทรงตัวจนถึงเพิ่มขึ้น และการปรับค่าระวางเรือขนส่งสินค้าที่อาจเกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง

SCGP พร้อมสร้างการเติบโตเพื่อบรรลุเป้าหมายรายได้ปี 2567 ที่ 150,000 ล้านบาท ด้วยงบลงทุนรวม 15,000 ล้านบาท ผ่านกลยุทธ์การขยายในธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูง อย่างธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ บรรจุภัณฑ์อาหาร และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ Bio-Solutions ที่เป็นเมกะเทรนด์ การพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำธุรกิจ และการบริหารจัดการต้นทุน ควบคู่ไปกับการยกระดับการทำงานสู่ความเป็นเลิศ (Operational Excellence) ผ่านการใช้เทคโนโลยี รวมถึงการขับเคลื่อน ESG เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือก พร้อมทั้งดำเนินงานเพื่อก้าวสู่เป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593

///จบ///

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้