AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งออกข้าง
เลือกหุ้นที่ปัจจัยบวกเฉพาะตัว

Market Strategy
คาด SET Index แกว่งตามกรอบ 1405 -1425 จุด จากปัจจัยแวดล้อมที่ยังขาดแรงหนุน โดยฝั่งสหรัฐฯเห็นการแกว่งผันผวนในกรอบแคบทั้งในส่วนตลาดหุ้น ตราสารหนี้และ Dollar Index จากการรอรายเงินเฟ้อฯ เดือน ธ.ค. ที่ตลาดคาดเงินเฟ้อฯ ทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานคาดขยายตัว 3.2%YoY และ 3.8%YoY หากออกมาทิศทางข้างต้นตีความเป็นบวกต่อทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังมีทิศทางปรับลง หนุนความเชื่อนโยบายการเงินของ FED ที่ผ่านจุดสูงสุดและเตรียมปรับลดดอกเบี้ยฯในปีนี้ โดยอิง FEDWATCH TOOL ล่าสุดยังให้โอกาส 65% ต่อการปรับลดดอกเบี้ยฯ ครั้งแรกในเดือน มีค. 0.25% มาทื่ 5.25% และดอกเบี้ยฯ ณ ปลายปีจะลงมาที่ 4% ด้วยความน่าจะเป็น 37%

ด้านปัจจัยในประเทศวานนี้ กกพ. เผยอัตราค่าไฟฟ้าเดือน ม.ค. – เม.ย.67 ที่ 4.18 บาท มองค่าไฟที่ออกมาใกล้ขอบบนที่รัฐบาลเคยเปิดเผยไว้ที่ 4.20 บาท เป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP อย่าง GPSC และ BGRIM ที่ช่วงก่อนหน้าปรับลงจากความไม่ชัดเจนของทิศทางค่าไฟ ด้านทิศทาง Fund Flow ต่างชาติยังเป็นทิศทางชะลอตัว กลยุทธ์การลงทุนเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Summary
SET Index วานนี้ปรับลง -0.03% กลุ่มที่ Underperform กลุ่ม ธ.พ. -1.6% จากความกังวลเรื่องหุ้นกู้และทิศทางดอกเบี้ยฯ กลุ่มรับเหมาฯ ปรับลง -1.6% จาก ITD ที่ -12% บนความกังวลต่อการผิดนัดชำระหุ้นกู้ ส่วนกลุ่มที่ Outperform นำโดยกลุ่ม ร.พ. ที่ปรับขึ้น +1.6% นำโดย BH ที่ +3% กลุ่มยานยนต์ที่ปรับขึ้น AH +3% นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -1.8 พันล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ ITC TOP

TOP ทิศทาง GRM อยู่ระดับที่ดี
ความตึงเครียดในทะเลแดงที่ส่งผลต่อการขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันจากฝั่งเอเชียและตะวันออกเพื่อเข้าสู่ยุโรปทำได้ยากขึ้น และ Saudi Aramco ประกาศปรับลดราคาขายเฉลี่ย (OSP) Arab Light เดือน ก.พ. ลง 1.5-2 เหรียญฯเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด ประเมิน2 ปัจจัยข้างต้นจะส่งผลต่อค่าการกลั่น (GRM) ยังทรงตัวระดับสูง โดยเราคาดค่าการกลั่นปีนี้อยู่ที่ 7 เหรียญต่อบาร์เรลซึ่งจะเป็นบวกต่อ TOP
เราได้มีการปรับประมาณการกำไรปี 67E ขึ้น 55% และเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 60 บาท สะท้อนต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันรั่วไหลที่ลดลง (จาก 2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็น 1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล)
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60.00 บาท

ITC Outlook ยังดูสดใส
ทิศทางรายได้ 4Q66E ที่เชื่อว่าจะดีขึ้นจากสัญญาณ Restocking ที่ยังมีต่อเนื่องจาก 3Q66 ขณะที่ GPM ยังน่าจะต่อจากประโยชน์ของต้นทุนวัตถุดิบทูน่าที่ลดลงเชื่อว่าจะหนุนกำไร 4Q66E ขยายตัว QoQ จากงวด 3Q66
ผลประกอบการปี 2567 ที่บริษัทตั้งเป้าเติบโตจากการขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในสหรัฐฯ จีนและยุโรป ขณะที่ลูกค้าเดิมเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ขณะที่ประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับลงจะเป็นปัจจัยช่วยหนุนการเติบโตของกำไร โดยอิง Bloomberg Consensus คาดกำไร 67E กลับขยายตัว 35%YoY จากปีก่อนที่กำไรหดตัว
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22.00 บาท

KEY FACTOR
แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะยังโดน Fund flow ขายต่อเนื่อง แต่พลิกกลับมาอยู่ในกลุ่มที่ Outperform ลบน้อยกว่าภูมิภาค ซึ่งพบว่ามีการฟื้นตัวในระหว่างวันหลังมีความชัดเจนการกำหนดค่าไฟฟ้าช่วงเดือน ม.ค.–เม.ย. ที่ระดับ 4.18 บาท/หน่วย ก็หนุน sentiment หุ้นโรงไฟฟ้ากลับมาพยุงดัชนี สะท้อนภาวะตลาดที่ตอบรับความกังวลต่างๆ ทั้งความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ และความกังวลต่อนโยบายเศรษฐกิจและสถานะทางการคลังไปมากพอสมควร และพร้อมจะฟื้นตัวหากประเด็นต่างๆ คลี่คลายชัดเจนมากขึ้น

ในวันนี้ ประเด็นที่น่าจะมีน้ำหนักต่อ Risk sentiment ติดตามการรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน ธ.ค.โดย Consensus คาดขยายตัว +3.2% YoY และ +0.2% MoM (ใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านมาที่ +3.1% YoY และ +0.1% MoM) ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) คาด +3.8% YoY ลดลงเล็กน้อยจาก +4.0% YoY และ +0.3% MoM ทรงตัว ซึ่งตัวเลขที่ออกมาระดับดังกล่าว น่าจะทำให้ตลาดคงมุมมองให้น้ำหนักดอกเบี้ยขาลงเริ่มในช่วง มี.ค. 67

Eyes on
11 ม.ค. เงินเฟ้อสหรัฐฯ
12 ม.ค. ดัชนี PPI สหรัฐฯ, เงินเฟ้อจีน, ส่งออกและนำเข้าของจีน

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ