Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KCS Daily Strategy

327

 


"เข้าสู่วงจรการลงทุนหุ้นไทยรอบใหม่"

KCS Daily Strategy : คาดตลาด "จุดฟื้นตัวของ SET" ต้าน 1385/1390จุด รับ 1350/1347 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯทำจุดสูงใหม่ของปีต่อเนื่อง หลังผลประชุม Fed เป็นบวก มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25-5.5% และปรับลด Dot Plot ดอกเบี้ยสิ้นปี 2024 สู่ 4.6% (เดิม 5.1%) เท่ากับคาดว่าจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ทำให้ปี 2024 เข้าสู่วงจรดอกเบี้ยขาลง ขณะที่คาด GDP ปี 2024-25 +1.4%y-y, +1.8%y-y บ่งชี้ภาพ "Goldilocks" ปัจจัยดังกล่าวจะหนุน EM Asia เข้าสู่รอบของการลงทุนครั้งใหม่ จับตาภาคการผลิตเอเชียที่เร่งตัวขึ้น ส่วนภาพภายใน KCS คาดตลาดหุ้น จะเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง จาก 1) GDP Growth ไทยปี 2024 จะขยายตัวกว่าศักยภาพที่ 3.4%(ยังไม่รวม Digital wallet) 2) SET อยู่ในจุด Deep Value ทั้ง Equity Risk Premium 3.25% > avg 3.06%(ตลาดหุ้นไทยน่าสนใจกว่าผลตอบแทนพันธบัตรแล้ว), PBV ใกล้ Avg – 2 S.D. และ PER23-24 เหลือ 16.2 และ 13.9 เท่า vs avg. 17.3 เท่า 4) ต่างชาติลดสถานะหุ้นไทยที่ซื้อมาต้นปี 2022-ปัจจุบัน เหลือเพียง 4.1 พันล้านบาท คาดหนุน LT-Funds ในประเทศจะเริ่มขับเคลื่อนตลาด กลุ่มเด่น คือกลุ่มได้อานิสงค์ Yield พีค (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ ชิ้นส่วน Growth กลุ่มที่มีหนี้สูง) แนะนำ CPALL, GPSC, SAWAD

 

Daily outlook : "จุดฟื้นตัวของ SET" ต้าน 1385/1390 จุด รับ 1350/1347 จุด

What happened around the world ?

• (*/+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นแรง Dow jones +1.4%, S&P500 +1.37%, Nasdaq +1.37% หนุนจาก Fed คงอัตราดอกเบี้ยฯ และส่งสัญญาณลดในปี 24 มากกว่ารอบก.ย.23 ทุก Sector ใน S&P500 ปรับขึ้น กลุ่มนำคือ Utilities, Real Estate, Health Care

• (*/+) Fed meeting : ผลประชุม Fed ออกมา Dovish มติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยฯที่ 5.25-5.5% ตามที่ตลาดและเราคาด Key สำคัญคือ 1) Dot plot คาดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ปลายปี 2024 ที่ 4.6% (ลดลง 50 bps จาก Dot Plot รอบล่าสุด ก.ย. คาดที่ 5.1%) สะท้อนจะมีการลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง vs รอบที่แล้วคาดลด 2 ครั้ง ส่วนปลายปี 2025 คาดดอกเบี้ยจะลงอีก 100 bps มาที่ 3.6% (ลดลงจาก Dot Plot รอบล่าสุด ก.ย. คาดที่ 3.9%) และสิ้นปี 2026 ดอกเบี้ยจะลดลงอีกราว 75 bps ที่ 2.9% สะท้อนมุมมองวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นสิ้นสุด และสอดคล้องกับ KCS ที่คาดจะเห็นการเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2024 เริ่มครั้งแรกปลาย 1Q23 เป็นต้นไป 2) คาดการณ์เศรษฐกิจ : ตลาดแรงงานมองแข็งแกร่งอยู่ในภาวะสมดุลตามเดิมไม่แตกต่างจากการประชุมรอบ ก.ย. คือคาดอัตราการว่างงาน สิ้นปี 2024-2025 ที่ 3.8%, 4.1% แต่ปี 2026 ปรับเพิ่มเล็กน้อยที่ 4.1% จาก 4.0% สอดคล้องกับคาด GDP Growth ใกล้เคียงจากรอบก่อน แต่ประเมิน GDP สหรัฐเติบโตเป็นขั้นบันไดในทางขึ้น อิงปี 2024 คาด 1.4%y-y (VS. 1.5%รอบ ก.ย.23) และปี 2025 คาดที่เดิม 1.8%y-y และปี 2026 คาดที่ 1.9%y-y ส่วนคาดเงินเฟ้อมองเป็นขาลงและลดลงจากคาด รอบก.ย. คาดสิ้นปี 2024 -2026 ที่ 2.4%, 2.1% และ 2.0%(เป้าหมายของ Fed) ตามลำดับ KCS ประเมินมุมมองจาก Fed เศรษฐกิจประคองโตได้ ผสานเงินเฟ้ออ่อนตัวบ่งชี้ภาวะ "Goldilocks" บวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงระยะกลาง-ยาว

• (*) To monitors : วันนี้ฝั่งยุโรปประชุม ECB MUFG และตลาดคาดคง Main Refinancing Rate 4.5% ฝั่งจีน 15 ธ.ค.ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจจีน พ.ย. 1) การผลิตภาคอุตสาหกรรมตลาดคาด +5.7%y-y vs prev. 4.6%y-y, 2) ดัชนีค้าปลีก คาด +12.4%y-y vs prev. +7.6%y-y 3)การลงทุนสินค้าคงทนคาด +3%y-y ytd vs prev +2.9%y-y ytd

• (*/+) US Bond & Dollar : แนวโน้มระยะสั้นปรับลงแรงรับ Fed ส่งสัญญาณ Dovish Bond yields อายุ 10 ปีสหรัฐ พลิกปรับลง -19 bps อยู่ที่ 4.02% เช่นเดียวกับ 2 ปี ปรับลง -30 bps อยู่ที่ 4.43% จิตวิทยาบวกต่อการเงิน SAWAD, JMT อิเล็กทรอนิกส์ KCE, HANA กลุ่มTech consult BBIK BE8 ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่าแรงบริเวณ 102.6+/- จุด

• (*/+)Oil : ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวหลังจากปรับลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ อิง Brent +1.91% ปิดที่ US$ 74.64/barrel, West Texas +1.25% ปิดที่ US$ 69.47/barrel ระยะสั้นเป็นเพียงจิตวิทยาบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ และโรงกลั่น PTT, PTTEP วันนี้ แต่ระยะกลาง-ยาวยังมองเป็นภาพแกว่งตัวลง

• (*/+) Gold : ราคาทองคำ +2.43% ปิดที่ 2027.74 US$/Oz หนุนจาก Dollar ที่อ่อนค่าแรง บวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจทองคำ AURA

• (*/+)Crypto Curency: ราคา Bitcoin +4.64% ปิดที่ 4.3 หมื่น USD ทดสอบบริเวณ High ปี 2023 บริเวณ 4.3-4.4 หมื่น USD จิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิง Crypto อาทิ JTS, ZIGA

What happened in Thailand?

• (*/-) SET: SET ปรับลง-1.16% แรงกว่าภูมิภาค กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (PTTEP, GPSC) PTTEP จิตวิทยาลบจากราคาน้ำมันปรับลงแรงราว -3.5% ส่วน GPSC จิตวิทยาลบค่าเงินบาทอ่อนค่าระยะสั้นต่อ กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC) กลุ่มหนุน คือ กลุ่มรับเหมา (CK) รีบาวน์หลังจากวานนี้ปรับฐานแรงจากจิตวิทยาลบการปรับขึ้นค่าแรงวานนี้

• (*) Flow : เงินทุนต่างชาติไหลเข้า ขายหุ้น -15.2 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +96 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Short ที่ 2,655 สัญญา เงินบาทแข็งค่าสู่บริเวณ 35.1 +/- บาท หลัง Fed ส่งสัญญาณ Dovish

• (*/+) TH Bond: วานนี้นักลงทุนต่างชาติสลับกลับซื้อพันธบัตรราว 3.4 พันล้านบาท หลังจากสเข้ลับขายเล็กน้อยวันที่ 12 ธ.ค. ทั้งนี้ ล่าสุด TH Bond Yield อายุ 10ปี ทรงตัวต่ำ 2.82% ทำให้ Equity Risk Premium (ERP) ของ SET ปัจจุบันสูงราว 3.25% มากกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 3.06% มองเป็นโซนทยอยสะสมหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและปัจจัยหนุนหุ้นระยะถัดไป กลุ่ม Yield ผ่านพีคเน้น GPSC, BGRIM, BE8 ผสานกลุ่มหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว SCGP, IVL, PTTGC, AOT, CPALL, CPAXT

• (*) Utilities: การประชุม ก.พ.ช. ยังไม่มีข้อสรุปค่าไฟงวด ม.ค. - เม.ย. 24 เนื่องจากมีข้อมูลบางส่วนที่ต้องนำไปผ่าน มติ ครม. ก่อน อย่างไรก็ตาม สำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 บาทต่อหน่วย จำนวน 17 ล้านครัวเรือน มีแนวโน้มที่จะตรึงค่าไฟที่ 3.99 บาทต่อหน่วย ส่วนคนที่ใช้ไฟเกิน 300 บาทต่อหน่วย ให้จ่ายอัตราไม่เกิน 4.2 บาทต่อหน่วย โดยนายกฯประเมินระดับ 4.1 บาทต่อหน่วย แนวโน้มดังกล่าวยังถือเป็น Upside ต่อประมาณการของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยเฉพาะกลุ่มที่มีลูกค้าอุตสาหกรรมสูง อาทิ GPSC, BGRIM

• (*/+) TH Tourism: กระทรวงท่องเที่ยวรายงานจำนวนนักท่องเที่ยว 4-10 ธ.ค. อยู่ที่ 6.55 แสนคน +10.4%w-w หนุนจากการจัดคอนเสิร์ตเจย์ โจว ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน +31%w-w สูงสุดรายสัปดาห์เป็นอันดับ 2 รองจากช่วง Golden Week ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสะสม YTD ถึง 10 ธ.ค. ล่าสุดอยู่ที่ 25.7 ล้านคน ยังมองกรอบทั้งปีใกล้ 28 +/- ล้านคน นอกจากนี้ นายกฯ เปิดเผยหลังมอบนโยบายเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ 1) ส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง 2) ส่งเสริมให้ไทยเป็น Hi Season ตลอดทั้งปี 3) ช่วยพัฒนาบริการข้อมูลนักท่องเที่ยวให้ดีขึ้น และ 4) เพิ่มการจับจ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว เราทิศทางดังกล่าวเป็นกรอบพัฒนาภาคท่องเที่ยวไทยดีขึ้นกว่าปัจจุบัน หนุนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เน้น AOT, ERW, CENTEL

• (*/+) BOT: วานนี้ในงาน Monetary Policy Forum 4Q23 ที่จัดโดย BOT มีประเด็นน่าสนใจ ที่มองสร้างความเชื่อมั่นตลาดได้สูงขึ้น คือ 1) BOT กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยปัจจุบันยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว เพียงแต่แรงขับเคลื่อนยังเข้าไม่ครบ อาทิ ภาคผลิตและส่งออก อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตัวเลขชี้นำ อาทิ PMI ผลิตหลายประเทศที่ทยอยฟื้นตัว ผสาน สัญญาณวงจรเอเชียที่กำลังดีขึ้น เราเชื่อว่าเครื่องยนต์ดังกล่าวจะทยอยกลับมในระยะถัดไป 2) ความเห็นในส่วนโครงการ Digital Wallet อาจเพิ่มภาระทางการคลังในระดับหนึง แต่ยังอยูในกรอบเพดานที่กำหนดไว้ หากมีการออก พ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้านบาทได้จริง ขณะที่เสถียรภาพการคลังจะมีอยู่ หากเศรษฐกิจไทยยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องตามประมาณการ

• (*/+) Japan Visit: นายกฯ มีกำหนดเดินทางร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น เน้นเชิญชวนญี่ปุ่นเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจไทย และนำเสนอศักยภาพการลงทุนที่น่าสนใจในประเทศไทย โครงการสำคัญ คือ Landbridge โดยล่าสุดมี 19 บริษัทญี่ปุ่นลงทะเบียนรับฟังโครงการ จิตวิทยาบวกต่อกลุ่มนิคม WHA, AMATA และหุ้นอิงการค้าระหว่างประเทศ SJWD, WICE

• (*/+) SET EPS: กำไรตลาดปี 2023-24 อิง BB Consensus คาดการณ์ล่าสุดอยู่ที่ 83.7 และ 97.4 บาท โดยจุดน่าสนใจล่าสุดอยู่ที่ กำไรที่ถูกปรับลดมาตลอดตั้งแต่ต้นปี 2023 มีฐานนิ่งบริเวณดังกล่าวตั้งแต่ช่วงปลาย พ.ย. ที่ผ่านมา เรามองลดแรงกดดันต่อ SET และเริ่มสะท้อนภาพผลบวกการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้ หากมองภาพดังกล่าวเป็นโซนฐานแล้ว จะหนุนให้ PER23F และ PER24F อยู่ที่ 16.2 และ 13.9 เท่า ไม่แพงเทียบค่าเฉลี่ย 17.3 เท่า

 

Daily Strategy : CPALL, GPSC, SAWAD

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาดเป็นจุดฟื้นตัวของ SET แรงขับเคลื่อนหลัก 1) Fed ส่งสัญญาณวงจรดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง 2) เศรษฐกิจไทยระยะถัดไปมีโอกาสเติบโตสูงกว่าศักยภาพ 3) SET อยู่ในโซนลงทุนในทุกมิติ และ 4) ต่างชาติลดสถานะที่ซื้อหุ้นไทยในปี 2022 ไปมากจนเหลือเพียง 4.1 พันล้านบาท บนโครงสร้างดังกล่าวมองหุ้นนำใน 1) กลุ่มที่ได้ประโยชน์ Yield พีค อาทิ โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ Growth และชิ้นส่วนฯ 2) กลุ่มที่มีหนี้สินสูง

 

หุ้นได้รับประโยชน์มาตรการฟรี วีซ่าจีน รัสเซีย ไต้หวัน อินเดีย (CPALL, CPAXT, ERW, ADVANC, ERW, CRC)
หุ้นกลุ่มเก็งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ Digiial Wallet+E-Refund, เร่ง FDI และ สร้าง S Curve จาก Soft Power (CPALL, CPAXT, CRC, DOHOME, GLOBAL, ADVANC, WHA, AMATA, MAJOR)
หุ้น China Plays ที่เริ่มเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแรงขึ้นและเริ่มเห็นการฟื้นตัวภายใน (PTTGC, IVL, SCGP, DOHOME, GLOBAL, AOT, ERW)
หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกเริ่มฟื้น และพอประคองได้ (HANA, KCE, IVL)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยสิ้นสุด และ Bond Yield เป็นปลายทาง (GULF, GPSC, BE8, MTC, KCE, HANA)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์น้ำมันแกว่ง 80 +/- เหรียญฯ ภายใต้ภาพความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มโตแผ่ว จีนค่อยๆฟื้นตัว ขณะที่การคุมซัพพลายต่อเนื่อง (CPALL, CPAXT, SCGP, GULF, IVL, TASCO)

• DEC23 Best Picks: AOT, CPALL, BGRIM, GPSC, IVL, SCGP, SAWAD

• 4Q23 Stock Picks : AOT, ERW, CPAXT, BCH, WHA, SCB, KCE, PTT, SCGP, IVL, JMT Mid-Small Cap Play : SPA, BE8, GLOBAL, TNP

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้