ผลประกอบการ 3Q23 เติบโต และคาดกำไร 4Q23F จะทำนิวไฮต่อเนื่อง
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จาก 1) กำไรสุทธิ 3Q23 เติบโตต่อเนื่อง 2) คาดกำไร 4Q23F จะเพิ่มขึ้นจากช่วง high season รวมถึงเวียดนามที่ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยไลน์ผลิต “เบนโตะ”ทั้ง 3 ไลน์ ติดตั้งเสร็จครบ พ.ย.23 นี้แล้ว และไลน์ผลิตแบรนด์ “เจเล่” คาดติดตั้งเสร็จสิ้นปีนี้ เริ่มรับรู้รายได้ปีหน้า เราปรับประมาณการลดลงเล็กน้อยสะท้อนผลประกอบการของรายได้ในประเทศและส่งออก และอัตราทำกำไรของ 9 เดือน คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 16% (CAGR3y)
กำไรสุทธิ 3Q23 เติบโต YoY และทรงตัว QoQ
SNNP ประกาศกำไรสุทธิ 3Q23 ที่ 160 ล้านบาท (+13%YoY, +2%QoQ) เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด แต่รายได้รวมจากยอดขายในประเทศต่ำกว่าที่คาดและอัตราทำกำไรมากกว่าที่คาดไว้ รายได้รวมอยู่ที่ 1,486 ล้านบาท (+1%YoY, +1%QoQ) โดยยอดขายในประเทศทรงตัว YoY และลดลง -3% QoQ (สัดส่วนรายได้ 72%) จากช่วง low season หน้าฝน สำหรับยอดส่งออกเพิ่มขึ้น +4%YoY และ +14% QoQ (สัดส่วนรายได้ 28%) โดยกลุ่ม CLMV ยอดขายเพิ่มจากประเทศเวียดนามเป็นหลัก แต่กัมพูชาลดลงจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รายได้เพิ่มขึ้นจากกลุ่ม snack เป็นหลัก โดยเฉพาะสินค้า “เบนโตะ” ที่ยอดขายเพิ่มขึ้น และการเริ่มผลิตโรงงานใหม่ และในส่วน “โลตัสขาไก่” ที่ได้เริ่มโรงงานเฟส 1 ตั้งแต่ 4Q22 มียอดขายเพิ่ม อัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นและกลุ่มสินค้า snack ที่มีมาร์จิ้นดีกว่ากลุ่มเครื่องดื่มเจเล่ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย 15.6% ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากการทำการตลาดของสินค้าใหม่
ปรับประมาณการลงสะท้อนรายได้และอัตราทำกำไร คาดกำไรเติบโตเฉลี่ย 16% (CAGR3Y)
เราคาดแนวโน้มผลประกอบการ 4Q23F จะเพิ่มขึ้นทำนิวไฮต่อเนื่อง จากสินค้าใหม่ของเจเล่ เบนโตะ และขนมปังอบแท่งโลตัสขาไก่ที่เข้ามาหลาย SKU และต่างประเทศโรงงานผลิตในเวียดนาม แบรนด์ “เบนโตะ” เริ่มรับรู้ยอดขายจากไลน์ผลิตใหม่เริ่มดำเนินงาน สำหรับโรงงานแบรนด์ “เจเล่” คาดเสร็จ 4Q23F และจะเริ่มรับรู้รายได้ปีหน้า เราปรับประมาณปี 2023-24F ลดลงเล็กน้อย สะท้อนผลประกอบการ 9M23 จากคาดรายได้ลดลงจากคาดเดิมแต่ยังเติบโตจากการออกสินค้าใหม่เพิ่ม SKU ต่อเนื่อง สำหรับส่งออก CLMV เติบโต โดยเฉพาะเวียดนามจากการขยายไลน์ผลิตใหม่ 3 เฟสเสร็จสิ้นปีนี้ และประเทศอื่นๆ คาดเพิ่มขึ้นปีละ 10% ยกเว้นประเทศกัมพูชาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบและการขนส่งทางเรือที่เริ่มปรับลดลงช่วยเพิ่มอัตราทำกำไรและจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ คาดกำไรสุทธิปี 2023-24F ที่ 636 ล้านบาท (+23%YoY) และ 747 ล้านบาท (+17%YoY)
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว มูลค่าเหมาะสมปี 2024 ที่ 24 บาท ด้วยการประเมินมูลค่าด้วยวิธี PER froward ย้อนหลังเฉลี่ยที่ 31X แบบอนุรักษ์นิยม จากเดิม PER+1.5Stdev ที่ 37X จากแนวโน้มการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่ยั่งยืน โดย PER24F อยู่ที่ 21.3X, Div.Yield 24F ที่ 2.8% ปัจจัยเสี่ยง 1) สภาวะเศรษฐกิจ 2) ยอดขายไม่เป็นไปตามคาด