Uncertainty lingers on the credit cost cycle
กำไรสุทธิ 3Q23 เท่ากับ 11.3 พันล้านบาท (+6.7% y-o-y; +2.6% q-o-q) ดีกว่า Bloomberg consensus และที่เราคาดไว้ราว 10% จากรายได้ NII เพิ่มมาก และ C/I ratio ตํ่ากว่าที่ประเมินไว้ทั้งนี้การเพิ่มขึ้น y-o-y มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิสูงขึ้นโดยหลัก คือ NIM กว้างขึ้นและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตซึ่งมาจากกำไรตีมูลค่ายุติธรรมตราสารการเงิน กำไรจากการลงทุน และส่วนแบ่งกำไรบ.ร่วมที่เพิ่มขึ้นส่วนการเพิ่ม q-o-q มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโต และค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง
สินเชื่อ ณ สิ้น 3Q23 หดตัว -1.6% y-o-y, -0.6% q-o-q, -2.3% YTD เพราะธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว และมีการปรับโครงสร้างหนี้ ขาย NPL ตัดหนี้สูญ มากขึ้นด้วย
ในสิ้น 3Q23 NPL ลดลง -3.7% q-o-q เป็น 89 พันล้านบาท โดย NPL ratio ลดเป็น 3.11% (จาก 3.20% ในสิ้น 2Q23) ธนาคารตั้งสำรอง ECL ใน 3Q23 เท่ากับ 12.8bn (+28.6% y-o-y; +0.1% q-o-q) ทำให้ coverage ratio เพิ่มเป็น 145% ในสิ้น 3Q23 (จาก 138% ณ สิ้น 2Q23)
เงินกองทุนแข็งแกร่ง โดยมี CAR 19.62% เป็นส่วนของ Tier 1 ratio สูงที่ 17.65% เทียบกับขั้นตํ่าที่ธปท.กำหนดไว้ที่ 12.00% และ 9.50% ตามลำดับ
แนวโน้ม : ธนาคารจะตั้งสำรอง ECL ในระดับสูงต่อใน 4Q23F และในปี 24F เพื่อให้งบดุลแข็งแกร่งขึ้นแต่ Credit cost ของปี 24F จะตํ่ากว่าปี 23F ส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานปีนี้อาจจะตํ่ากว่าเป้าเมื่อพิจารณางวด 9M23 ที่เกิดขึ้นรายได้ Fee ยังอ่อนแอต่อใน 4Q23F (ทั้งปี 23 อาจจะติดลบ)
คงคำแนะนำถือ เนื่องจากกังวลถึงความไม่แน่นอนของการด้อยค่าในคุณภาพสินทรัพย์และการตั้งสำรอง ECL แต่ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 141 บาท จากการเลื่อนไปอิงกับ P/BV ปี 24F ที่ 0.6 เท่า (Mean ย้อนหลัง 5 ปี – 1SD)
นักวิเคราะห์ : ธนินี สถิรเรืองชัย : thaninees@th.dbs.com : Tel. 02 857 7837