สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (15ธันวาคม 2565)-------TSE ปลื้ม หลังได้รับคัดเลือกผ่านเกณฑ์คุณสมบัติรอบแรกเกือบ 50 โครงการ กำลังการผลิตรวมประมาณ กว่า 400 เมกะวัตต์ จากการประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านคุณสมบัติรอบแรก สำหรับการเปิดประมูลขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจำนวน 5,203 เมกะวัตต์

ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นคำเสนอซื้อขายไฟฟ้าของบริษัทฯ และกลุ่มบริษัทฯ ที่ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้เปิดประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง ประเภทโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) (10 – 90 MW) และประเภทโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) (<10 MW) โดย TSE ได้รับเลือกในส่วนของการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนพื้นดินกว่า 40 โครงการ และพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System: BESS) อีก 1 โครงการ กำลังการผลิตรวมประมาณกว่า 400 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความพร้อมในทุกด้าน เพราะได้ทำการศึกษาและเตรียมงานมานานกว่า 6 เดือนก่อนการประมูล โดยได้มีการเตรียมความพร้อมด้านที่ดินที่ใกล้กับสายส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ) ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย รวมทั้งการตรวจสอบทำเลที่ตั้งของที่ดินตามผังเมืองและได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้และเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงในการรับแสงแดดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนเงินลงทุนจากสถาบันการเงินชั้นนำในประเทศสำหรับการก่อสร้างโครงการในอนาคตที่จะเกิดขึ้น พร้อมรอลุ้นฟังข่าวดีจากการประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือก ในวันที่ 22 มีนาคม 2566

ด้านผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ สำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 มีรายได้รวม (รวมส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้า) 1,498 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 1,725 ล้านบาท รายได้ที่ลดลงเป็นผลสืบเนื่องมาจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยที่ประเทศญี่ปุ่นในไตรมาส 3/2564 และไตรมาส 1/2565 รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้นจำนวน 21.74 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีรายได้ชดเชยเพิ่มเข้ามาจากโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำเอกชน โครงการ “สยาม ธารา โฟลทติ้ง” ขนาดกำลังผลิตติดตั้งและเสนอขาย 8 เมกะวัตต์ จังหวัดปราจีนบุรี ที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว (COD) ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 อีกทั้ง ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการซื้อโซลาร์ฟาร์มใหม่ โครงการ “ซอยล์กรีต” ขนาดกำลังผลิตติดตั้งและเสนอขาย 8 เมกะวัตต์ จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถบริหารต้นทุนขายและบริการ รวมทั้งควบคุมต้นทุนทางการเงินให้ลดลงจากปีก่อน สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2565 มีต้นทุนขายและบริการจำนวน 663 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 799 ล้านบาท สาเหตุจากการลดลงของต้นทุนเกิดจากการจำหน่ายโรงไฟฟ้าออกไป และจากราคาของต้นทุนเชื้อเพลิงของกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่ปรับตัวลดลงจากปีก่อน และมีต้นทุนทางการเงินจำนวน 231 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 252 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากการที่บริษัทฯ จัดสรรเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยที่ประเทศญี่ปุ่นมาชำระคืนเงินกู้และชำระคืนเงินต้นรายการอื่นที่ครบตามกำหนด

----จบ---