Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: 7 เทพหุ้น ถอดรหัส DTAC

1,088

 


 
 
 

     HotNews: 7 เทพหุ้น
        ถอดรหัส DTAC   

  สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(  31  มกราคม  2561)--------  7 เทพหุ้น  ถอดรหัส DTAC     หลังประกาศงบปี60 ด้วยผลกำไรสุทธิ 2.11 พันลบ.  โต 1.4% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.08  พันลบ.  พร้อมแจกปันผลในอัตราหุ้นละ 0.24 บาท   ขึ้น XD  15 ก.พ. 61   ขณะที่แผนปี61  DTAC   คาดรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน คาดEBITDA (ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นคู่ค้ากับทีโอที) ใกล้เคียงกับปีก่อน ปี61 วางเงินลงทุน 15,000 - 18,000 ลบ.

  บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) DTAC  รายงานผลดำเนินงานปี 2560มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 2,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,085 ล้านบาท โดยมีปัจจัยจากรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายที่สามารถทรงตัวได้จากปีก่อน รวมทั้งมีค่าธรรมเนียมและส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลงและมีการควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขยายโครงข่ายปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทาให้กาไรสุทธิเพิ่มขึ้น 
 นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลประจำปี 60 ในอัตราหุ้นละ 0.24 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 15 ก.พ. 2561 และจ่ายปันผล วันที่ 4 พ.ค.2561
พร้อมกันนี้ DTAC   เปิดเผยถึงแนวโน้มปี 2561  ว่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศไทยสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องอันเป็นผลจากปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น แต่สภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมยังคงอยู่ในระดับสูงเช่นกัน นอกจากนี้ รายได้จากการให้บริการเสียงที่ลดลงและใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ซึ่งมีราคาสูงได้ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยยังสามารถเติบโตและมีกำไรได้ อีกทั้งยังมีโอกาสที่หลากหลายในการสร้างรายได้เพิ่มเติม
ในปี 2561 ดีแทคจะพัฒนาภาพลักษณ์องค์กรดิจิทัลอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นแบรนด์ดิจิทัลอันดับ 1 ในประเทศไทยภายในปี 2563 โดยบริษัทจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการดำเนินงานซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมทั้งสามารถนาเสนอบริการได้เฉพาะเจาะจงเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายมากขึ้น ในขณะเดียวกันสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการลดจานวนช่องทางการขายและให้บริการรูปแบบเดิม ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าลูกค้าจะใช้บริการดิจิทัลซึ่งรวมถึงช่องทางดิจิทัลมากขึ้นเนื่องจากใกล้หมดอายุสัญญาสัมปทาน บริษัทจึงมีความมุ่งมั่นที่จะจัดหาคลื่นความถี่เพื่อพัฒนาความจุของโครงข่ายเพื่อส่งมอบบริการดิจิทัลที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ทั้งนี้ ประมาณการเงินลงทุนของบริษัทในปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 15,000-18,000 ล้านบาท
ในปี 2561 บริษัทคาดว่าทั้งรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายและ EBITDA (ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นคู่ค้าของทีโอทีในการให้บริการบนโครงข่ายคลื่นความถี่ 2300MHz) จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2560 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานรวมทั้งรักษาสถานะทางการเงินให้มีความคล่องตัวในช่วงก่อนสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน
ขณะที่บริษัทคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลโดยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิของบริษัท ขึ้นอยู่กับฐานะทางการเงินและแผนการประกอบธุรกิจของบริษัทในอนาคต โดยบริษัทมีเป้าหมายจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลทุกครึ่งปี
ทั้งนี้ในปี 2560 บริษัทมี EBITDA เติบโต 9.1% จากปีที่แล้วและมีรายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย) ที่สามารถทรงตัวได้จากปีก่อน สอดคล้องตามประมาณการที่คาดไว้ ในขณะที่บริษัทใช้เงินลงทุนอยู่ที่ระดับประมาณ 16,534 ล้านบาท ซึ่งอยู่ที่ประมาณการช่วงต่ำที่คาดไว้เนื่องจากการเป็นคู่ค้าของทีโอทีในการให้บริการบนโครงข่ายคลื่นความถี่ 2300MHz อยู่ระหว่างขั้นตอนการขออนุมัติอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรในปี 2560 อยู่ที่ระดับ 2,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% จากปีก่อน อันเป็นผลจากการเติบโตของ EBITDA และได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุน
EBITDA (ก่อนรายการอื่น) อยู่ที่ 30,446 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% จากปีก่อนซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของปี 2560 ที่คาดไว้ โดยการเติบโตของ EBITDA มีปัจจัยจากค่าธรรมเนียมและส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลง การควบคุมการให้ส่วนลดค่าเครื่อง และกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพต่างๆ ทั้งนี้ EBITDA margin เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 38.9% จากเดิมอยู่ที่ระดับ 33.8% เมื่อปีก่อน โดยหากไม่รวมผลจากการจาหน่ายเครื่องโทรศัพท์และชุดเลขหมายแล้ว EBITDA margin จะอยู่ที่ระดับ 48.3% เพิ่มขึ้นจากระดับ 43.3% จากปีก่อน
กำไรสุทธิ อยู่ที่ 2,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยจากรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายที่สามารถทรงตัวได้จากปีก่อน รวมทั้งมีค่าธรรมเนียมและส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลงและมีการควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขยายโครงข่ายปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทาให้กาไรสุทธิเพิ่มขึ้น
ขณะที่ในปี 2560 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 78,275 ล้านบาท ลดลง 5.1% จากปีก่อน เนื่องจากมีรายได้จากค่าเชื่อมต่อโครงข่ายและรายได้จากการจาหน่ายเครื่องโทรศัพท์ลดลง ในขณะที่รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายอยู่ที่ 64,821 ล้านบาท ทรงตัว 0.2% จากปีก่อน สอดคล้องกับประมาณการของปี 2560 เนื่องจากบริการข้อมูลและบริการระบบรายเดือนที่เติบโตถูกชดเชยด้วยความท้าทายในตลาดบริการระบบเติมเงินและรายได้จากการให้บริการเสียงที่ลดลง ทั้งนี้ รายได้จากบริการระบบรายเดือนอยู่ในระดับที่สูงกว่ารายได้บริการระบบเติมเงินเป็นครั้งแรกในปีนี้ นอกจากนี้ รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายในไตรมาส 4/2560 อยู่ที่ 16,234 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1.7% จากไตรมาสก่อนโดยมีปัจจัยจากบริการระบบรายเดือนและปัจจัยเชิงฤดูกาล

บล.บัวหลวง  ออกบทวิเคราะห์หลักทรัพย์  แนะนำ ซื้อ  บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC )  ราคาเป้าหมาย 75 บาท/หุ้น  ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 4/60 ออกมาสูงกว่าที่เราคาดอย่างน่าประทับใจ และตามด้วยการประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2560 ที่ 0.24 บาท/หุ้น เราเชื่อว่าเป้ารายได้บริการปี 2561 ของบริษัทที่ทรงตัวถือว่าอนุรักษ์นิยมมากเกินไป และเรามองว่าการคาดการณ์การลดลงของ EBITDA ในปี 2561 เป็นเพียงแค่ปัจจัยลบในระยะสั้นซึ่งจะตามมาด้วยผลประโยชน์ในระยะยาวจากการได้เข้าใช้คลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซ ซึ่งเรายังคงคาดว่าสัญญาดีลคลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซมีแนวโน้มเซ็นอย่างเป็นทางการภายในไตรมาส 1/61 DTAC ยังคงเป็นหุ้นที่เราชื่นชอบมากที่สุดในกลุ่มไอซีที จากปัจจัยหนุนในแง่ของมูลค่าหุ้นที่ถูกมาก ซึ่งมีอัตราส่วน EV/EBITDA สำหรับปี 2561 อยู่เพียงแค่ 4.9 เท่า 
DTAC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/60 ที่ 542 ล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 1,702% YoY แต่ลดลง 10% QoQ ถ้าหากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 4/60 ซึ่งได้แก่ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 16 ล้านบาท สำรองผลประโยชน์เงินเกษียณอายุสำหรับพนักงาน 178 ล้านบาท ผลประโยชน์ด้านภาษีจากงบลงทุนในสินทรัพย์ถาวร 230 ล้านบาท และสำรองด้อยค่าที่ดิน 6 ล้านบาท กำไรหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 204% YoY และ 3% QoQ กำไรสุทธิและกำไรหลักสูงกว่าคาด 45% และ 35% ตามลำดับ กำไรหลักที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดYoY ได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้บริการที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง ขาดทุนจากธุรกิจขายเครื่องโทรศัพท์ที่ลดลง (จากเงินอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์ที่ลดลง) และค่าใช้จ่ายด้านกฎระเบียบรวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ลดลง EBITDA ในไตรมาสนี้เติบโตแข็งแกร่ง 16% YoY และ 1% QoQ รายได้บริการ (ที่ไม่รวมไอซี) เติบโตแข็งแกร่งเช่นกัน โดยพลิกกลับมาเพิ่มขึ้น 1.3% YoY และ 1.7% QoQ (ดูรายละเอียดได้ในหน้าที่ 4) 
  สำหรับในปี 2561 บริษัทตั้งเป้ารายได้บริการ (ที่ไม่รวมไอซี) และ EBITDA (ที่ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับดีลคลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซ) ทรงตัว และงบลงทุนที่ 1.5-1.8 หมื่นล้านบาท เป้ารายได้บริการที่ทรงตัวได้คำนวณผลกระทบของรายได้ที่อาจจะหายไปจากลูกค้า 2 จีปัจจุบันในช่วงระหว่างการโอนย้ายลูกค้าก่อนที่สัญญาสัมปทาน 850 เมกะเฮิร์ซและ 1.8 กิกะเฮิร์ซจะสิ้นสุดลง และได้คำนวณรวมผลกระทบของรายได้ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเข้าใช้คลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซเข้าไปแล้ว และเนื่องจากความไม่แน่นอนของลูกค้า 2 จีที่อาจจะหายไปในช่วงที่เข้าใกล้อายุสัญญาสัมปทานที่จะสิ้นสุดลง เราจึงเชื่อว่าเป้ารายได้บริการของบริษัทที่ทรงตัวถือว่าอนุรักษ์นิยมมากเกินไป เราคาดว่าEBITDA ในปี 2561 มีแนวโน้มลดลง YoY ถ้าหากคำนวณค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับคลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซ เข้าไปใน
ประมาณการ แต่เราคิดว่าผลกระทบทางลบระยะสั้นจาก EBITDA ที่ลดลงดูแล้วจะคุ้มกับผลกระทบทางบวกต่อ DTAC ในระยะยาวสำหรับการได้เข้าใช้คลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซที่มีจำนวนมากถึง 60 เมกะเฮิร์ซ เป้างบลงทุนในปี 2561 ที่ต่ำมากในกรอบ 1.5-1.8 หมื่นล้านบาทได้คำนวณรวมงบลงทุนสำหรับการอัดแน่นโครงข่ายคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ซ และงบลงทุนใหม่ในโครงข่ายคลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซ เราเชื่อว่าการอัดแน่นโครงข่ายคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ซสามารถที่จะช่วยบรรเทาปัญหาการสูญเสียความครอบคลุมของโครงข่ายที่จะสูญหายไปจากการไม่มีคลื่นความถี่ต่ำได้ส่วนหนึ่ง (ล่าสุดกสทช.มีแนวโน้มที่จะยกเลิกการประมูลคลื่นความถี่ต่ำ 900 เมกะเฮิร์ซสำหรับการประมูลที่จะมาถึง)   
ทั้งกสทช. และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ได้ทำการอนุมัติดีลคลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซไปแล้ว เหลือเพียงแค่การรออนุมัติจากสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งถ้าอนุมัติก็จะเปิดทางให้ทีโอทีทำการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับ DTAC เรายังคงมุมมองเดิมว่าการเซ็นสัญญาดังกล่าวอย่างเป็นทางการมีแนวโน้มเกิดขึ้นได้อย่างเร็วที่สุดในไตรมาส 1/61 หรือในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ซึ่งจะส่งผลให้ DTAC ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหรือจำเป็นต้องชนะการประมูลคลื่นความถี่ 1.8 กิกะเฮิร์ซของกสทช.ที่คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือนพ.ค.นี้   
 

ยังมีต่อ.......... 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

น้ำขึ้นให้รีบตัก By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดบวก หุ้นขึ้น วันนี้ น้ำขึ้นให้รีบตัก หรือเทขายกำไรไว้ก่อน ด้วยพรุ่งนี้ ตลาดเรา ...........

งบท่องเที่ยว By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ยังคงแกว่งตัว ในกรอบแคบๆ ส่วนการเก็งกำไรนั้น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้