Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews:กูรูทิสโก้ แจก5ธีมหุ้นเด็ด ครึ่งเดือนหลัง ก.ย.

4,684

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(16กันยายน 2565)-------กูรูทิสโก้ แจก5ธีมหุ้นเด็ด ครึ่งเดือนหลัง ก.ย.หุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (2) หุ้นส่งออกได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า(3) หุ้นซ่อมแซมจากเหตุน้ำท่วม(4) หุ้นมีโอกาสเข้า SET50 Index จากการผ่อนเกณฑ์ Turnover จาก 5% เป็น 2% และ(5) หุ้นที่กำไรกลับมาเทียบเท่าหรือสูงกว่าช่วงก่อนระบาด COVID ปี 2019

 

บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า คงมุมมองแนวโน้มตลาดหุ้นเดือน ก.ย. แกว่งพักฐาน จับตาผลการประชุม FED 20-21 ก.ย. นี้ เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ส.ค. ที่สูงกว่าคาด สร้างความกังวลเกี่ยวกับการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในช่วงที่เหลือของปีนี้ Jefferies ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของเรามองว่ามี Upside Risk ที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ +75 / +50 / +25 bps ในการประชุม 20-21 ก.ย. / พ.ย. / ธ.ค. เป็น +75 / +75 / +50 bps มาปิดสิ้นปีนี้ที่ระดับ 4.5% จากเดิมคาดจะอยู่ที่ 4% ซึ่งจะขึ้นอยู่กับผลการประชุม FED ในสัปดาห์เป็นสำคัญ! ทั้งคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ และแนวโน้มระดับดอกเบี้ยในอนาคต (Dot Plot) อย่างไรก็ดี ไม่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นไปแตะระดับสูงสุด (Terminal Rate) ที่ 4% หรือ 4.5% ในช่วงต้นปี 2023F แต่อาจค้างอยู่ในระดับที่สูงดังกล่าวจนถึงไตรมาส 3 ปีหน้าเป็นอย่างน้อย

เพราะฉะนั้นในระยะสั้นตลาดหุ้นจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้น อิงจากการศึกษาความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงที่มีการประกาศเงินเฟ้อและเงินเฟ้อออกมาตามคาดหรือสูงกว่าคาด มักจะกดดันให้ผลตอบแทนหุ้นสหรัฐฯ ติดลบสูงสุดที่ประมาณ 7-8% ในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งอาจแสดงนัยถึง Downside ของ S&P500 Index ระยะสั้น (ชั่วคราว) ที่ระดับ 3800 จุด ส่วนตลาดหุ้นไทยจากสถิติในอดีตมักจะปรับตัวลงน้อยกว่า โดยจะร่วงสูงสุดราว -4% ในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า หรือจะคิดเป็น Downside ของ SET Index ระยะสั้นที่ประมาณ 1600 จุดต้น ๆ

ในเชิงกลยุทธ์ เรามองหาก SET Index พักตัวลงปิดต่ำกว่าระดับ 1650 จะเป็นสัญญาณเตือนทางลบ มีโอกาสแกว่งลงต่อทดสอบโซน 1630-35 และ 1610-20 ตามลำดับ มองเป็นโซนในการทยอยสะสม (โดยเฉพาะโซน 1610-20) ซึ่งปรับขึ้นจากเดิมก่อนหน้านี้ที่เราประเมินไว้ที่ 1570-1600 เนื่องจากตลาดครึ่งเดือนแรก ก.ย. ปรับตัวในทิศทางที่ดีกว่าคาด โดยส่วนหนึ่งมาจากการปรับตัวขึ้นของหุ้น DELTA ทำให้ภาพ SET Index มีความคลาดเคลื่อนจากที่เราประเมินไว้ อนึ่ง ถ้าไม่รวมการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น DELTA ในเดือนนี้ (MTD) SET Index ครึ่งเดือนแรกจะปรับตัวลงเล็กน้อย vs ปัจจุบันที่ +3 จุด

สำหรับการเกิด Window Dressing สำหรับไตรมาสนี้ มองมีโอกาสค่อนข้างน้อย เนื่องจากไตรมาส 3/2022 จนถึงปัจจุบัน (QTD, วันที่ 15 ก.ย.) SET Index ฟื้นกลับมาปรับตัวสูงขึ้นราว +5% ถือว่าเป็นผลตอบแทนรายไตรมาสที่ดีที่สุดในรอบ 1 ปีครึ่ง ดังนั้นเราจึงมองไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำราคาปิดหุ้นในช่วงสิ้นเดือนนี้ ประกอบกับข้อมูลเขิงสถิติในอดีตที่บ่งชี้ว่า โอกาสเกิด Window Dressing ในไตรมาส 3 อยู่ต่ำที่สุดเพียง 38% เท่านั้น และมักให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ -0.6% เทียบกับไตรมาส 1, ไตรมาส 2 และ 4 ที่มีโอกาสเกิด Window Dressing อยู่ที่ระดับ 71%, 64% และ 62% ขณะที่ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยเป็นบวกอยู่ที่ +1.2%, +1.1% และ +0.1% ตามลำดับ

การเทรดดิ้งระยะสั้น แนะควรจำกัดหรือลดวงเงินการเทรดดิ้งลง และเลือกลงทุนเป็นรายตัว เน้นการตั้งรับช่วงตลาดอ่อนตัว เรามองธีมหุ้นที่มีน่าสนใจในระยะสั้นดังนี้ (1) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ชอบ BBL, SCB, BLA, TLI (2) หุ้นส่งออกได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า เด่น MEGA, SAPPE (3) หุ้นซ่อมแซมจากเหตุน้ำท่วม - DOHOME, GLOBAL, HMPRO, TASCO (4) หุ้นมีโอกาสเข้า SET50 Index จากการผ่อนเกณฑ์ Turnover จาก 5% เป็น 2% – BJC, DELTA รวมทั้ง COM7, RATCH มีโอกาสยกชั้นจาก SET100 Index เป็น SET50 Index (5) หุ้นที่กำไรกลับมาเทียบเท่าหรือสูงกว่าช่วงก่อนระบาด COVID ปี 2019 แนวโน้มกำไรปีหน้ายังเติบโตต่อ และราคายังมี Upside สูง ชอบ BEC, JWD, III, PRM


**คาดการณ์ใหม่ FED จะเร่งขึ้นดอกเบี้ย +75 bps ในการประชุม 20-21 ก.ย. นี้**
การส่งสัญญาณของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงถ้อยแถลงของนาย Jerome Powell ประธาน FED ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ก.ย. ยังคงบ่งชี้ว่า FED จะดำเนินการอย่างเฉียบขาดกับเงินเฟ้ออย่างที่ได้ดำเนินการมา และอัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจทั้งหมดที่ออกมา (Data-Dependent) ถึงแม้จะกดดันให้เศรษฐกิจย่ำแย่ลงอย่างมากก็ตาม แต่ปัจจุบันยังไม่เห็นภาพเศรษฐกิจในทิศทางดังกล่าวอย่างชัดเจนเลย

สำหรับตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) สหรัฐฯ ล่าสุดในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น +8.3% YoY และ +0.1% MoM สูงกว่าตลาดคาดที่ +8.1% YoY และ -0.1% MoM ตามลำดับ ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งหักสินค้าในหมวดอาหารและพลังงานออก เพิ่มขึ้น +6.3% YoY และ +0.6% MoM สูงกว่าตลาดคาดเช่นกันที่ +6.1% YoY และ +0.3% MoM ตามลำดับ ยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ FED จำเป็นเร่งขึ้นดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวต่อเนื่อง โดย FedWatch Tool ประเมินการประชุม FED ในสัปดาห์หน้า (20-21 ก.ย.) จะขึ้นดอกเบี้ยที่ +75 bps มีโอกาสลดลงจาก 90% ในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านี้เป็นประมาณ 70% ในปัจจุบัน แต่เพิ่มโอกาสขึ้นดอกเบี้ยที่ +100 bps เป็น 30% จากก่อนหน้าที่อยู่ที่ 0%

Jefferies ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของเรามองว่ามี Upside Risk ที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ +75 / +50 / +25 bps ในการประชุม 20-21 ก.ย. / พ.ย. / ธ.ค. เป็น +75 / +75 / +50 bps มาปิดสิ้นปีนี้ที่ระดับ 4.5% จากเดิมคาดจะอยู่ที่ 4% ซึ่งจะขึ้นอยู่กับผลการประชุม FED ในสัปดาห์เป็นสำคัญ! ทั้งคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ และแนวโน้มระดับดอกเบี้ยในอนาคต (Dot Plot) อย่างไรก็ดี ไม่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นไปแตะระดับสูงสุด (Terminal Rate) ที่ 4% หรือ 4.5% ในช่วงต้นปี 2023F แต่อาจค้างอยู่ในระดับที่สูงดังกล่าวจนถึงไตรมาส 3 ปีหน้าเป็นอย่างน้อย

 

ระยะสั้นมีความผันผวนเพิ่มขึ้น แต่มองหุ้นไทยยังมีทิศทางที่ Outperform หุ้นโลก
สำหรับเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่มากกว่าตลาดคาดครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เกิดขึ้นหลายครั้งแล้วตลอดทั้งปีนี้ และในช่วงที่มีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อและการประชุม FED ตลาดมักจะมีความผันผวนสูงในระยะสั้น อิงจากการศึกษาความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงที่มีการประกาศเงินเฟ้อและเงินเฟ้อออกมาตามคาดหรือสูงกว่าคาด มักจะกดดันให้ผลตอบแทนหุ้นสหรัฐฯ ติดลบสูงสุดที่ประมาณ 7-8% ในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งอาจแสดงนัยถึง Downside ของ S&P500 Index ระยะสั้น (ชั่วคราว) ที่ระดับ 3800 จุด ส่วนตลาดหุ้นไทยจากสถิติในอดีตมักจะปรับตัวลงน้อยกว่า โดยจะร่วงสูงสุดราว -4% ในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า หรือจะคิดเป็น Downside ของ SET Index ระยะสั้นที่ประมาณ 1600 จุดต้น ๆ

ในเชิงกลยุทธ์ เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาด หนุน Bond Yields ปรับขึ้น (2Y US Bond Yield และ 10Y US Bond Yield ขึ้นแตะ 3.7% และ 3.4% สูงสุดในรอบ 15 ปี และ 11 ปีตามลำดับ) และ US Dollar Index กลับมาแข็งค่า หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Bond Yields ปรับขึ้น คือ กลุ่ม BANK และ กลุ่ม INSUR อย่างไรก็ดี กลุ่ม BANK เป็น Sector ใหญ่มักเคลื่อนไหวตามภาวะตลาด ดังนั้นตลาดผันผวน เรามองเป็นจังหวะในการสะสม ชอบแบงก์ใหญ่ (มากกว่าแบงก์เล็ก) คือ BBL (เป้าพื้นฐาน 173 บาท), SCB (134 บาท) มากที่สุด ส่วนกลุ่ม INSUR ราคาปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้ ดูน่าสนใจเชนกัน ชอบ BLA (Consensus ให้เป้าพื้นฐาน 51.8 บาท) และ TLI (เป้าพื้นฐาน 18.3 บาท)

ในทางกลับกัน คาดหุ้นที่จะถูกกดดันจาก Bond Yields ที่ขึ้นยังไม่สุด คือ กลุ่ม FIN และหุ้นที่มีภาระหนี้มาก ๆ (อาทิ AAV, ERW, TRUE, UNIQ เป็นต้น) สำหรับเงินดอลลาร์ฯ ที่กลับมาแข็งค่า คาดจะส่งผลดีต่อหุ้นส่งออก แต่เราชอบหุ้นกลุ่ม FOOD มากกว่ากลุ่ม ETRON แนะนำ GFPT, TFG, MEGA, SAPPE โดยอยากให้เน้นหุ้น 2 ตัวหลังมากกว่า คือ MEGA (เป้าพื้นฐาน 57.25 บาท) และ SAPPE (50 บาท) เนื่องจากมีแรงกดดันด้านต้นทุนน้อยกว่า

มองโอกาสเกิด Window Dressing สำหรับไตรมาสนี้ค่อนข้างน้อย
แม้ในช่วงไตรมาส 3/2022 SET Index ร่วงลงแตะจุดต่ำสุดใหม่ของปีนี้ที่ 1517 แต่จนถึงปัจจุบัน (QTD, วันที่ 15 ก.ย.) SET Index ฟื้นกลับมาปรับตัวสูงขึ้นราว +5% จากสิ้นไตรมาส 2/2022 ถือว่าเป็นผลตอบแทนรายไตรมาสที่ดีที่สุดในรอบ 1 ปีครึ่ง ดังนั้นเราจึงมองไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำราคาปิดหุ้นในช่วงสิ้นเดือนนี้ (Window Dressing) มุมมองของเราสอดคล้องกับข้อมูลเขิงสถิติในอดีตนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมาที่บ่งชี้ว่า โอกาสเกิด Window Dressing ในไตรมาส 3 อยู่ต่ำที่สุดเพียง 38% เท่านั้น และมักให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยที่ -0.6% เทียบกับไตรมาส 1, ไตรมาส 2 และ 4 ที่มีโอกาสเกิด Window Dressing อยู่ที่ระดับ 71%, 64% และ 62% ขณะที่ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยเป็นบวกอยู่ที่ +1.2%, +1.1% และ +0.1% ตามลำดับ

 

มอง BJC และ DELTA มีโอกาสติด SET50 Index รอบถัดไป หากปรับปรุงเกณฑ์ Turnover Ratio
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมปรับปรุงเกณฑ์การคัดเลือก SET50 / SET100 Index ในด้านสภาพคล่อง โดยจะปรับลดระดับ Turnover Ratio จากเดิมเริ่มต้นที่ 5% เป็น 2% เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาพตลาดปัจจุบันที่หุ้นขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูง แต่ปริมาณการซื้อขายไม่สูง (หรือค่อนข้างคงที่) มีโอกาสในการเข้ารวมคำนวณใน SET50 / SET100 Index จากการคาดการณ์เบื้องต้นของเราคาด BJC และ DELTA มีโอกาสติด SET50 Index ส่วน COM7 และ RATCH มีโอกาสถูกยกชั้นขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ใน SET100 Index เป็น SET50 Index ทั้งนี้ ตลท.จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจนถึงวันที่ 20 ก.ย. และจะเริ่มใช้ในรอบคัดเลือกเดือน ธ.ค. นี้ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2023 เป็นต้นไป

 

**มุมมองทางเทคนิค**
SET Index ปีนี้มีกรอบบนของแนวโน้มขาลงอยู่ที่โซน 1670-80 และกรอบล่างอยู่ที่ 1500-1520 ถึงแม้ SET Index จะสามารถฝ่าขึ้นทะลุกรอบบนไปได้ แต่ก็ยังไม่ใช่การเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้นอยู่ดี มองเป็นเพียงการแกว่งไซด์เวย์ในกรอบกว้างขนาดใหญ่ที่ยังมีกรอบด้านบนจำกัดที่โซน 1710-20 เรามองหาก SET Index พักตัวลงปิดต่ำกว่าระดับ 1650 จะเป็นสัญญาณเตือนทางลบ มีโอกาสแกว่งลงต่อทดสอบโซน 1630-35 และ 1610-20 ตามลำดับ มองเป็นโซนในการทยอยสะสม (โดยเฉพาะโซน 1610-20) ซึ่งปรับขึ้นจากเดิมก่อนหน้านี้ที่เราประเมินไว้ที่ 1570-1600 เนื่องจากตลาดครึ่งเดือนแรก ก.ย. ปรับตัวในทิศทางที่ดีกว่าคาด โดยส่วนหนึ่งมาจากการปรับตัวขึ้นของหุ้น DELTA ทำให้ภาพ SET Index มีความคลาดเคลื่อนจากที่เราประเมินไว้ อนึ่ง ถ้าไม่รวมการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น DELTA ในเดือนนี้ (MTD) SET Index ครึ่งเดือนแรกจะปรับตัวลงเล็กน้อย vs ปัจจุบันที่ +3 จุด

SET Index ปีนี้เคลื่อนไหวในแนวโน้มแกว่งลงกรอบกว้าง แม้ทะลุด่าน 1670-80 แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้นอยู่ดี


**ธีมหุ้นน่าสนใจครึ่งเดือนหลัง ก.ย.**
ด้วย Risk-Reward Ratio ของตลาดในระยะสั้นมีความน่าสนใจน้อย การเทรดดิ้งระยะสั้น ควรจำกัดหรือลดวงเงินการเทรดดิ้งลง และเลือกลงทุนเป็นรายตัว เน้นการตั้งรับช่วงตลาดอ่อนตัว เรามองธีมหุ้นที่มีน่าสนใจในระยะสั้นดังนี้ (1) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ชอบ BBL, SCB, BLA, TLI (2) หุ้นส่งออกได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า เด่น MEGA, SAPPE (3) หุ้นซ่อมแซมจากเหตุน้ำท่วม - DOHOME, GLOBAL, HMPRO, TASCO (4) หุ้นมีโอกาสเข้า SET50 Index จากการผ่อนเกณฑ์ Turnover จาก 5% เป็น 2% – BJC, DELTA รวมทั้ง COM7, RATCH มีโอกาสยกชั้นจาก SET100 Index เป็น SET50 Index (5) หุ้นที่กำไรกลับมาเทียบเท่าหรือสูงกว่าช่วงก่อนระบาด COVID ปี 2019 แนวโน้มกำไรปีหน้ายังเติบโตต่อ และราคายังมี Upside สูง ชอบ BEC, JWD, III, PRM

----จบ---

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

รอ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ยังคงรอ การปรับน้ำหนักดัชนี MSCI จะมีผล ณ ราคาปิดในวันนี้ โดย MSCI Global ....

ATLAS ลุยโรดโชว์ จ.นครราชสีมา กระแสตอบรับล้นหลาม

ATLAS ลุยโรดโชว์ จ.นครราชสีมา กระแสตอบรับล้นหลาม

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้