สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(11 สิงหาคม 2565)-----บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ประกาศผลงานครึ่งแรกปี 65 ไม่ธรรมดา กำไรโตแตะ 1,282 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 4,676 ล้านบาท พร้อมประกาศความร่วมมือทางธุรกิจกับบมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PRUKSA) ตั้งบริษัทร่วมทุน “บริษัท ปัน นิวเอนเนอจี จำกัด” เดินหน้าสร้าง Energy x Living Solution เพิ่มโอกาสธุรกิจนำบริการพลังงานสะอาดเข้าเป็นแกนการพัฒนาการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน โดยถือหุ้นสัดส่วน 50:50 ซึ่งมีศักยภาพติดตั้งโซลาร์รูฟโครงการบ้านอยู่อาศัยของเครือพฤกษาฯ เพิ่มอีก 12,500 หลังคาเรือน
ดร. สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยถึงผลประกอบการงวด 6 เดือน (สิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2565) ของบริษัทฯและบริษัทย่อยว่า มีกำไรสุทธิ 1,282 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 1,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.25 % ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 4,676 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 4,438 ล้านบาท
ทั้งนี้กลุ่มบริษัทฯ มีความมั่นใจในศักยภาพของรายได้และกำไรสุทธิในครึ่งปีหลัง ว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน, ธุรกิจงานรับเหมาก่อสร้างและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) และธุรกิจกัญชง-กัญชาที่ยังเป็นตัวขับเคลื่อน และยังคงตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไปแตะระดับ 1,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2566 และยังมีแผนลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ธุรกิจ EPC ในปีนี้บริษัทฯ มีแผนเตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ ที่จะเปิดให้ประมูลกว่า 50,000 ล้านบาท
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวต่อว่า ปี 2565 ถือเป็นปีที่บริษัทฯ ได้มีการดำเนินการขยายศักยภาพธุรกิจพลังงานอย่างเข้มข้น เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศที่ต้องการจะเข้าสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Economy) ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ-ภาคเอกชน หรือภาคประชาชน โดยอุตสาหกรรมพลังงานมีหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการผลักดันอัตราส่วนพลังงานสะอาดในโครงข่ายไฟฟ้า บริษัทฯ เข้าร่วมมือกับบมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PRUKSA) เดินหน้าเพิ่มโอกาสธุรกิจนำบริการพลังงานสะอาดเข้าเป็นแกนการพัฒนาการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ซึ่งมีศักยภาพติดตั้งโซลาร์รูฟโครงการบ้านอยู่อาศัยของเครือพฤกษาฯ เพิ่มอีก 12,500 หลังคาเรือน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับการอยู่อาศัยอย่างชาญฉลาดบนมิติของพลังงานสะอาด ผ่านความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ที่มีความแข็งแกร่งอย่าง PRUKSA ในฐานะบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ ผนวกกับความเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจระบบไฟฟ้าและพลังงานทดแทนของกันกุลฯ รวมถึงเจตนารมณ์ในการต่อยอดพันธกิจของทั้ง 2 บริษัทให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
CKPower ฝ่าวิกฤติก๊าซแพง Q2/65 กำไรเพิ่ม 157 ล้านบาท YoY คาด Q3 แนวโน้มผลการดำเนินงานดีกว่าปีก่อน เร่งลุยลงทุนพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทในเครือในไตรมาสที่ 2/2565 เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกของปีนี้ สร้างผลกำไรเป็นที่น่าพอใจ โดยในไตรมาส 2 มีรายได้รวม 2,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 364 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีรายได้รวม 2,295 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท อยู่ที่ 864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% หรือ 157 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 707 ล้านบาท
ปัจจัยบวกมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น 248 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ซึ่งบริหารโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ในสปป.ลาว โดย XPCL มีกำไรเพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ เติบโตต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับไตรมาสที่ 2 โดยมีรายได้รวม 5,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 806 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีรายได้รวม 4,396 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท อยู่ที่ 903 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% หรือ 81 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 822 ล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น 278 ล้านบาท ซึ่งมาจาก XPCL ที่มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายธนวัฒน์กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกของปี 2565 เป็นที่น่าพอใจและเติบโตเป็นไปตามที่บริษัทประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนในไตรมาส 3/2565 บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานจะมีแนวโน้มดีกว่าปีก่อน โดยจากการประเมินแนวโน้มของสถานการณ์น้ำของ XPCL ในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่อง และขณะเดียวกัน รายได้จากลูกค้าอุตสาหกรรมของ BIC มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับต้นทุนเชื้อเพลิงมากขึ้นจากการปรับเพิ่มค่า Ft ของภาครัฐตั้งแต่เดือนพฤษภาคมอีกด้วย
"CKPower ยังคงเดินหน้าเต็มที่ในการพัฒนาและลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียนและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อองค์กรและสังคม (Sustainability) บริหารจัดการธุรกิจโดยยึดหลัก ESG ที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม (Environment) ควบคู่กับการพัฒนาสังคม (Social) ยึดหลักธรรมาภิบาล (Governance) โดยล่าสุด XPCL ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของ CKPower ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในการออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ครั้งที่ 1/2565 ให้แก่นักลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดขายรวม 8,395 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดเสนอขาย 5,000 ล้านบาท และยอดเสนอขายเพิ่มเติมเนื่องจากความต้องการของนักลงทุนมากกว่าที่เสนอขายอีก 3,395 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยันถึงมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของ XPCL ได้เป็นอย่างดี" นายธนวัฒน์ กล่าว
นายธนวัฒน์ ย้ำว่า CKPower ยังคงลงทุนต่อเนื่องเพื่อให้ CKPower เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและมีกำลังการผลิตเติบโตเป็นสองเท่าในปี 2567 โดยในปัจจุบันนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน โดยเฉพาะการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์เป็น 330 เมกะวัตต์ และพลังงานลม 700 เมกะวัตต์ ในภูมิภาคอาเซียน อาทิเช่น ในประเทศไทย และเวียดนาม
บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ "CKP" เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอยู่ในดัชนี SET100 ตลอดจนได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (THSI) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงอยู่ในดัชนี SETCLMV ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวมบริษัทจดทะเบียนของไทย ที่มีการทำธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV และได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่อันดับ "A" แนวโน้ม "คงที่" จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด
---จบ---