สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 27 พฤษภาคม 2565)------ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) เชียร์ซื้อ NER ประเมินราคาพื้นฐาน 9.90 บาท ระบุมีปัจจัยบวก ๆ รออยู่ ทั้งรับอานิสงส์จีนกระตุ้นศก.-อุปสงค์ยางไทยไปได้สวย-ผลบวกจากโรคใบร่วงในอินโดนีเซีย

บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)NER มีปัจจัยบวก ๆ รออยู่ แม้จะปรับลดปริมาณขายลงจากเดิม แต่กำไรคาดไม่ลดลงจากแนวโน้มราคายางที่ยังทรงตัวระดับสุง ประกอบกับธุรกิจใหม่คาดจะรับรู้ตั้งแต่ 3Q65 เป็นต้นไป เป็นส่วนเพิ่มต่อประมาณการอีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาจะส่งผลบวกต่อ NER มากสุดจากฐานลูกค้าหลักมากกว่า 50% ยังมาจากจีน ทางฝ่ายคงแนะนำ "ซื้อ" คงราคาพื้นฐาน 9.90 บาท

ทางฝ่ายคาดช่วงที่เหลือของปีปริมาณขายจะทยอยเพิ่มขึ้นจากการทยอยส่งมอบให้ลูกค้าใหม่ในกลุ่มยางล้อในประเทศที่เริ่มส่งมอบตั้งแต่ 1Q65 ที่ผ่านมา ส่วนต่างประเทศคาดจะเห็นการส่งออกเพิ่มชึ้นเช่นกันโดยเฉพาะลูกค้าใหม่จากอินเดียที่มีคาสั่งซื้อเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีการขายล่วงหน้าไปถึงเดือนต.ค. แล้ว

  โดยผู้บริหารยังคงเป้าปริมาณขายไว้ดังเดิมที่ 500,000 ตัน แต่แนวโน้มปริมาณขายใน 1Q65 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด อีกทั้งการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ยังส่งผลกระทบต่อการส่งออกในบางช่วงซึ่งกระทบต่อการส่งออก และความล่าช้าของการขยายกำลังการผลิต

  ทำให้ทางฝ่ายปรับลดปริมาณขายลง 4% จากเดิมเหลือ 481,991 ตัน เพิ่มขึ้น 7% y-y แต่ปรับราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากเดิมจากแนวโน้มราคายางที่ยังทรงตัวในระดับสูง และสัดส่วนการขายยางแบบ Spot มากขึ้นจะช่วยให้ margin ดีขึ้น ทำให้ปรับ margin ขึ้นจากเดิม และปรับกำไรสุทธิเป็น 2,043 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% y-y

--การขยายกำลังการผลิตล่าช้ากว่าแผนเดิม ส่วนแผ่นปูรองปศุสัตว์เริ่มรับรู้รายได้ 3Q65--
1Q65 บริษัทมีการใช้กำลังการผลิตราว 81% ของกาลังการผลิตที่ 465,600 ตัน และอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิต STR20 เพิ่ม 50,000 ตัน ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 515,600 ตันจะแล้วเสร็จใน 3Q65 ใช้เงินลงทุนราว 70 ล้านบาท ซึ่งช้ากว่าแผนเดิมจากปัญหา COVID-19 ที่ยืดเยื้อส่งผลต่อการนำเข้าเครื่องจักร ซึ่งหากพิจารณากาลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็น 515,600 ตัน อาจไม่เพียงพอต่อการเติบโตในอนาคต

 เบื้องต้นบริษัทจะมีกำลังการผลิตส่วนเพิ่มจากการจ้างข้างนอกผลิตให้ราว 40,000 ตัน/ปีซึ่งจะมีผลให้ปี 2566 กาลังการผลิตเป็น 555,600 ตัน ส่วนการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่จะมีการพิจารณาอีกครั้งหากได้คาสั่งซื้อระยะยาวจากลูกค้าใหม่ ๆ ราว 100,000 ตัน/ปี ขณะที่โครงการแผ่นปูรองปศุสัตว์ยอยู่ระหว่างรอเครื่องจักรเข้ามาและคาดจะรับรู้รายได้ตั้งแต่ 3Q65 เป็นต้นไป โดยมีกำลังการผลิต 1 ล้านแผ่นต่อปี

--อุตสาหกรรมยางไทยยังดีจากอุปสงค์ที่ดี---
  สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมยางคาดยังดีต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหนุนให้อุปสงค์ดีขึ้น โดย IRSG คาดการณ์อุปสงค์ยางธรรมชาติจะเพิ่มขึ้น 3% y-y ที่ 14.29 ล้านตัน แต่อุปทานเพิ่มขึ้น 3.5% ที่ 14.27 ล้านตัน ทำให้ยังมีอุปทานส่วนขาดราว 0.02 ล้านตัน

  อีกทั้งไทยยังได้ผลบวกจากโรคใบร่วงในอินโดนีเซียซึ่งทาให้อุปทานยางหายในประเทศดังกล่าวหายไป และทำให้ราคายางในอินโดนีเซียแพงกว่าราคา SICOM ราว 15 เซนต์/กิโลกรัม ส่งผลให้มีการย้ายคำสั่งซื้อจากอินโดนีเซียมาไทย ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้อุปสงค์ดีขึ้น

 รวมถึงปัจจัยล่าสุดที่จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดหย่อนภาษี 6 หมื่นล้านหยวนสำหรับซื้อรถยนต์นั่งส่วนบุคคลซึ่งจะช่วยให้การขายยางในจีนดีขึ้นและเป็นบวกต่อ NER จากการที่จีนเป็นลูกค้าสำคัญของบริษัท

ก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนายศักดิ์ชัย จงสถาพงษ์พันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชี-การเงิน นางสาวเกศนรี จองโชติศิริกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด และนายมาณพ ฐาปน ผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายงานขายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ ร่วมนำเสนอข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน Opportunity Day ประจำไตรมาส 1/2565 เปิดเผยถึง ธุรกิจแผ่นปูรองนอนปศุสัตว์ บริษัทได้เริ่มทยอยขายแผ่นปูรองนอนวัวตั้งแต่เดือน ก.พ.65 แล้วโดยเป็นการจ้างบริษัทภายนอก (OEM) ผลิตไปก่อน เพื่อทดลองตลาดในประเทศ โดยจะเริ่มขายในปริมาณไม่มาก ซึ่งขณะนี้เครื่องจักรที่สั่งมาจากไต้หวัน ได้เข้ามาถึงบริษัทเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการติดตั้ง คาดว่าจะติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จในปลายไตรมาส 2 และจะสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป

ด้านสัดส่วนของยอดขายธุรกิจแผ่นปูรองนอนปศุสัตว์ ในปี 2565 บริษัทวางนโยบายการจำหน่ายสินค้าในประเทศและต่างประเทศเป็น 10 : 90 ซึ่งในสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศแบ่งเป็น เวียดนาม อินโดนิเชีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย โดยมองว่าความต้องการแผ่นปูรองนอนปศุสัตว์ในอุตสาหกรรมยังดีต่อเนื่อง บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจนี้ที่ 290 ล้านบาทภายในปี 2565

นายชูวิทย์ กล่าวทิ้งท้ายสำหรับผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NER-W1) ทราบว่าบริษัทขอแจ้งการใช้สิทธิแปลงสภาพครั้งสุดท้าย ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 โดยมีระยะเวลาการแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิครั้งสุดท้ายระหว่างวันที่ 11 – 25 พฤษภาคม 2565 ณ สถานที่ติดต่อในการใช้สิทธิคือ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) ณ อาคารเซ็นทรัลซิตี้บางนา ชั้น 28 กรุงเทพฯ ทั้งนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทได้ 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1.80 บาทต่อหุ้น สำหรับรายละเอียดและเอกสารประกอบการใช้สิทธิ สามารถดูได้จากเอกสารแจ้งการใช้สิทธิครั้งสุดท้ายของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 (NER-W1) หรือเว็บไซต์ของบริษัท https://www.nerubber.com/newsroom

-----จบ----