Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: NER สวยงามเป็นสถิติใหม่ 4 เซียนประสานเสียง"ซื้อ" หยวนต้า เคาะเป้าสูงสุด11.80 บาท

6,183

 



สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 23 กุมภาพันธ์ 2565)----NER งบปี64 สวยงามเป็นสถิติใหม่ 4 เซียน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ,บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ,บล.หยวนต้า(ประเทศไทย)บล.เอเซียพลัส ประสานเสียง"ซื้อ" งานนี้หยวนต้า เคาะเป้าสูงสุด11.80 บาท

 

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)NER คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 10.70 บาท/ หุ้น อิง P/E 8.5 เท่าไว้เช่นเดิม โดยหลังจาก NER รายงานกำไรสุทธิปี 2564 และ งวด 4Q64 ได้สวยงามเป็นสถิติใหม่ และสูงกว่าคาด 3.7% และ 11.2% ตามลำดับ ทิศทางปีนี้ คาดกำไรจะขยายตัวต่อได้อีก +25.2% YoY ผลักดันจากกำลังการผลิตใหม่ 10.6% และทิศทางราคายางพาราที่ขยับตัวขึ้นยืนในระดับสูง +15.7% YTD สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งแนวโน้มนี้จะดีต่อ NER ในการบริหารมาร์จิ้นให้ยืนสูงได้อาจจะได้ตลอดปีอีกด้วย

NER รายงานกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 605 ลบ. ขยายตัวแกร่ง +37.3% QoQ และ +43.4% YoY เป็นสถิติใหม่ของบริษัท และสูงกว่าคาดของเรา 11.2% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นทำได้สูงถึง 14.4% สูงกว่าคาด 40bps ขณะที่ปริมาณส่งมอบยางใกล้เคียงที่คาด 1.07 แสนตัน ส่งผลให้ในภาพรวมปี 2564 NER มีกำไรสุทธิ 1,850 ลบ. ขยายตัว +115.5% YoY และสูงกว่าคาด 3.7% ซึ่งเป็นปีที่ NER ได้ใช้กำลังการผลิต 465,000 ตันอย่างเต็มที่ และได้อานิสงค์ของราคายางพารายืนสูง ทำให้การกำหนดมาร์จิ้นสำหรับการขายแบบ matching ทำได้ดีน่าพอใจ

แนวโน้มปี 2565 โตต่อด้วยกำลังการผลิตใหม่อีก 10.6%ในปีนี้ ผบห.ตั้งเป้ายอดขาย 5 แสนตัน เพิ่มขึ้น +10.6% YoY โดยกำลังการผลิตรวมจะขยายอีก 10.7% จากการเพิ่มกำลังการผลิตยางแท่ง TSR20 อีก 50,000 ตัน ใช้เงินทุน 70 ลบ. ขณะที่การติดตั้งเครื่องจักรโครงการแผ่นปูรองปศุสัตว์ส่วนที่เหลือจะเสร็จ 2Q65 นอกจากนี้จะมีการติดตั้งโซล่าเซลล์ 100 ลบ. เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าอีกปีละ 12 ลบ. มีการลงทุนหุ่นยนต์ดึงยาง 40 ลบ. และจะจัดตั้งศูนย์วิจัย R&D พัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำเงินลงทุน 100 ลบ. อีกด้วย อย่างไรก็ดี ผบห.เผยว่าได้ปรับเป้าขายแผ่นรองนอนวัวลง 100 ลบ. เป็น 400 ลบ. ปีนี้เนื่องจากการติดตั้งเครื่องจักรที่ล่าช้าไปเล็กน้อย แต่เรามองว่าไม่มีนัยสำคัญเพราะคิดเป็นเพียง 0.3% ของประมาณการรายได้ปีนี้

ราคายางปีนี้สดใส ปรับขึ้นมาแล้วกว่า 15.7% ปรับปรุงประมาณการขึ้นเล็กน้อย 0.7% เป็น 2,317 ลบ. หลังพบแนวโน้มว่าของราคายางแผ่นดิบรมควันชั้น 3 ปรับตัวสูงขึ้นแล้ว 15.7% จากสิ้นปี 2564 สอดคล้องกับทิศทางน้ำมันดิบ ทำให้โอกาสที่ NER นะบริหารมาร์จิ้นในระดับสูงได้ง่ายขึ้น เราปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นขึ้น 40bps เป็น 13.4% ปีนี้ เทียบกับ 14.4% ใน 4Q64 และ เฉลี่ย 13.2% ในปี 2564 อย่างไรก็ดีเมื่อรวมผลของ dilution effect ของ NER-W1 ที่เหลือใช้สิทธิ พ.ค. 65 สุดท้ายนี้ได้ 87.3 ล้านหุ้น ราคาเหมาะสมจึงยังคงอยู่ที่เดิม 10.70 บาท/ หุ้น อิง P/E 8.5 เท่าเช่นเดิม

 

 

บล.โกลเบล็ก ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)NER รายงานกำไรงวด 4Q64 เท่ากับ 605 ลบ. +43%YoY+37%QoQ แม้มีรายได้เท่ากับ 6,020 ลบ. -6%YoY-16%QoQ จากปริมาณขายที่ลดลง เนื่องจากปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ทำให้มีสินค้าบางส่วนเลื่อนส่งมอบมาใน 1Q65 อย่างไรก็ดี %GPM เร่งขึ้นสู่ 14.4% (4Q63 =9.3%, 3Q64 = 13.2%) เนื่องจากราคาขายที่ปรับตัวขึ้นราว 10%YoY,QoQ แต่ราคาต้นทุนยางยังเป็นราคาในช่วง2Q64-3Q64 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำ โดยรายได้และกำไรทั้งปี 64
เท่ากับ 24,426 ลบ. +49%YoY และ 1,850 ลบ.+116%YoY ตามลำดับ

ผบห.ตั้งเป้ารายได้ในปี 65 ราว 2.84 หมื่นลบ. +16%YoYเป้าปริมาณขายราว 5 แสนตัน +11%YoY โดยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 5 หมื่นตัน สู่ระดับกำลังผลิต 5.16 แสน ตัน ณ สิ้นปี 65 เนื่องจากความต้องการซื้อยางพารายังคงมี สูง จากแนวโน้มยอดขายรถยนต์ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทเพิ่งเจรจากับลูกค้าใหม่เพิ่ม 3 ราย (อินเดีย 2ไทย 1) ส่วนธุรกิจใหม่แผ่นปูรองปศุสัตว์ แม้มีการเลื่อน ติดตั้งเครื่องจักรเป็นช่วงเดือน พ.ค. 65 จากเดิมที่คาดเริ่ม ผลิตได้ตั้งแตต้นปี แต่ยังคงคาดรายได้ราว 400 ลบ. โดย คาดรายได้จะเร่งขึ้นช่วง 2H65 จากกระแสตอบรับค่อนข้างดี ในเดือน มี.ค. 65 บริษัทเตรียมเดินทางไป 3 ประเทศ เพื่อเจรจาและเซ็นสัญญากับ Distributorประชุมนักวิเคราะห์ โดยคาดว่าความต้องการใข้ยางพารายังคงสูงต่อเนื่องประกอบกับปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์เริ่มคลี่คลายลง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตผลประกอบการปี 65 ขณะที่ ธุรกิจแผ่นปูรองปศุสัตว์ซึ่งปัจจุบันได้กระแสตอบรับดี จะเป็น New-S-Curve ใ ห้ กั บ บ ริ ษั ท ใ น อ น า ค ต เ บื้ อง ต้ นBloomberg Consensus คาดกำไรปี 65ราว 2,039 ลบ. +10%YoY

 

 

บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)NER รายงาน 4Q64 กำไรดีกว่าคาด จาก 1) แม้ปริมาณขายจะ -23% q-q แต่ดีกว่าคาดอยู่ที่ 107,002 ตัน 2) margin ดีกว่าคาดที่ 14.4% จากราคาขายเฉลี่ยดีกว่าคาดที่ 56.26 บาท/กิโลกรัม +10% และจากปริมาณขายที่ลดลงส่งผลให้ยอดขาย -16% อยู่ที่ 6,020 ล้านบาท และ 3) ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าคาด แต่มีดอกเบี้ยจ่าย +7% จากการออกหุ้นกู้เพิ่มอีก 2,000 ล้านบาท

โดยมีกำไรก่อนรายการพิเศษ 547 ล้านบาท -10% แต่มีรายการพิเศษ +57 ล้านบาท (กำไรจากการป้องกันความเสี่ยง 74 ล้านบาท และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 17 ล้านบาท) ขณะที่ 3Q64 รายการพิเศษ -170 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิ +37% q-q ที่ 605 ล้านบาท

สำหรับปี 2564 รายงานกำไรสุทธิ 1,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 116% y-y จาก 1) ยอดขาย 49+% ??โดยปริมาณขาย 452,476 ตัน +26% ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยที่ 53.98 บาท/กิโลกรัม +18% และ 2) ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ margin เพิ่มเป็น 13.2% จาก 10.6% ขณะที่ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร +53% การเพิ่มขึ้น

ส่วนใหญ่มาจากค่า cess เพิ่มขึ้นตามปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มจากการออกหุ้นกู้ 3,300 ล้านบาทในปีนี้ และมีรายการพิเศษ -197 ล้านบาท (ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 217, ขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง 3 และรับคืนเงินประกันไฟไหม้ 24 ล้านบาท)

แนวโน้มการดำเนินงานปี 2565 ทางฝ่ายคาดยังได้อานิสงส์จากปัญหาโรคใบร่วงในอินโดนีเซียทำให้ผู้ประกอบการในไทยได้ผลบวกจากปัจจัยดังกล่าว โดยในปีนี้คาดจะมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากอินเดีย ขณะที่จีนคำสั่งซื้อยังดีแต่บริษัทลดการขายลงจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น แต่จะได้ชดเชยจากการขายในประเทศเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้การดำเนินงานจะดีกว่าคาดแต่ความผันผวนของราคายางทำให้การบริหารสินค้าคงคลังอาจมีความยากขึ้น

ทำให้ทางฝ่ายยังคงประมาณการไว้ดังเดิม โดยในปีนี้จะมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 50,000 ตันเป็น 515,600 ตัน +10.7% ภายใต้สมมติฐานปริมาณขาย +10% ที่ 500,522 ตัน ราคาขายเฉลี่ย +1% ส่งผลให้ยอดขาย +11% ที่ 27,144 ล้านบาท และคาดแนวโน้ม margin จะอ่อนลงเล็กน้อยจากราคาขายเฉลี่ยปรับขึ้นน้อยกว่า y-y และประมาณการกำไรสุทธิ 2,034 ล้านบาท +10% y-y

ธุรกิจแผ่นปูรองวัวการนำเข้าเครื่องจักรยังล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้ แต่คาดว่าในเดือนนี้จะเริ่มติดตั้งให้กับฟาร์มโคนม 4 แห่งโดยจะเป็นสินค้าที่ให้บ.ภายนอกผลิตให้ก่อน ขณะที่ในส่วนเครื่องจักรของบริษัทคาดจะเริ่มผลิตได้จริงราว พ.ค. 65 นี้

ส่วนการขายในต่างประเทศคาดเดือนหน้าจะเริ่มเซ็นสัญญากับผู้จัดจำหน่ายในเวียดนาม, ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย แม้การประชุมวันนี้ดูมีความคืบหน้ามากขึ้น แต่ความล่าช้าที่เกิดขึ้น ทำให้การขยายการขายในต่างประเทศอาจกระทบต่อเป้าหมายที่บ. ให้ไว้ทำให้ทางฝ่ายยังไม่รวมในประมาณการ และในช่วงแรกของการขายในประเทศยอดขายจะยังค่อนข้างน้อยมากอีกทั้งจะมีขาดทุนเล็กน้อยจากโครงการดังกล่าว

คงแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 9.90 บาท

ทางฝ่ายยังมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มการดำเนินงานในธุรกิจยางว่ายังดีต่อเนื่องทั้ง จากปริมาณและราคาขายที่ดี และจะมีส่วนเพิ่มจากประมาณการหากธุรกิจใหม่มีความคืบหน้ามากขึ้น ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 9.90 บาท


บล.ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า มีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อการประชุมนักวิเคราะห์ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)NER โดย ผู้บริหารยังคงเป้าการเติบโตปริมาณขายที่ 10% เหมือนเดิม และด้วยแนวโน้มราคายางที่ยังเป็นขาขึ้นจาก supply ในประเทศอินโดนิเซียที่ลดลจากปัญหาโรคระบาด และคนที่ COVID-19 ที่ค่อนข้างมาก
ส่งผลดีต่อราคายางในประเทศไทย และการส่งออกของประเทศไทย รวมถึงทำให้บริษัทได้ลูกค้าใหม่จะประเทศอินเดียด้วย และราคายางที่เริ่มปรับขึ้น นั้นน่าจะเริ่มสะท้อนในช่วงของ 2Q22 และการเพิ่มเครื่องอบในการผลิตเพิ่มจะเริ่ม ramp up ได้เต็มที่ใน 2H22 ดังนั้น เราประเมินแนวโน้มของผลกำไรจะค่อยๆเป็นขาขึ้น และกำไร 2H2 จะดีกว่า 1H22

เราอยู่ในระหว่างปรับประมาณการและราคาเป้าหมาย
Bloomberg Consensus ให้ราคาเป้าหมาย 10.57 บาท

 ความเสี่ยง : ความเสี่ยงความผันผวนของราคายาง และค่าเงินบาท

 

 

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : NER แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 11.80 บาท - efinanceThai
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย)
ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)NER รายงานกำไรปกติ 4Q64 ที่ 548 ลบ. ใกล้เคียงคาดที่ 531 ลบ. (-10.1%QoQ, +37.6%YoY) ปริมาณขายลดลงทั้ง QoQ และ YoY แต่ราคาเพิ่มขึ้นทำให้ GPM ทำระดับสูงสุดใหม่

 

แนวโน้ม 1Q65 ลดลง QoQ เติบโต YoY ส่วน 2Q65 คาดว่าจะเติบทั้ง QoQ และ YoY และทำ New high ใน 3Q65 จากทั้งปริมาณ และราคาที่ขยับขึ้น

บริษัทมีแหล่ง OEM ใหม่ชดเชยกำลังการผลิตที่เต็มแต่อุปสงค์ยังสูง เรายังไม่รวมในประมาณการ

Our view :
  เราคงมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ NER และคาดกำไรปกติจะกลับมาทำ New high อีกครั้งใน 3Q65
  มี Upside risk จากปริมาณขายที่เรายังคาดไว้ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัท และ GPM ที่ควรเพิ่มขึ้นจากปี 2564 แต่ประมาณการของเรายังต่ำกว่าปี 2564 แต่ด้วยราคาตลาดยังมี Upside gain จากราคาเป้าหมายจึงยังคงประมาณการ ปัจจุบันซื้อขายที่ PER65 ต่ำเพียง 6.3 เท่า คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 11.80 บาท


บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่าแนวโน้มธุรกิจยางพาราจะดีต่อเนื่องในปี 2565 ตามความต้องการใช้ยางที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก พร้อมจัดงบลงทุน 520 ล้านบาท ในปี 2565 สำหรับการขยายกำลังการผลิตยางพารา แผ่นปูรองนอนปศุสัตว์ งบวิจัยและพัฒนาสินค้าปลายน้ำ พร้อมแผนลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง

คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเติบโต 2% yoy ทำ New high ต่อเนื่อง จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นปัจจุบันมี PER เพียง 7 เท่า นอกจากนี้ NER ยังประกาศจ่ายปันผลสำหรับงวด 2H64 เท่ากับ 0.36 บาท คิดเป็น Div yields สำหรับงวด 2H64 สูงถึง 4.8% ขึ้น XD วันที่ 19 เม.ย. 65 และจ่ายปันผลวันที่ 6 พ.ค. 65 จึงยังแนะนำซื้อ

แนวโน้มธุรกิจยางพาราของ NER ยังดีต่อเนื่องในปี 2565 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหนุนแนวโน้มยอดจำหน่ายรถยนต์โลกเพิ่มขึ้น ทั้งรถยนต์ทั่วไปและรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ สถานการณ์โควิดที่ดีขึ้น ก็ทำให้การเดินทางใช้รถยนต์เพิ่มขึ้นใกล้เคียงระดับปกติ หนุนความต้องการใช้ล้อยางใหม่และการเปลี่ยนล้อยางเก่าเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดย NER ตั้งเป้าปริมาณขายยางพาราปี 2565 จะเพิ่มขึ้น 11% yoy มาที่ 5 แสนตัน (สูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิจัยที่กำหนดไว้ที่ 4.8 แสนตัน)จากการเน้นหาลูกค้าใหม่มากขึ้น โดยในเดือนม.ค. 65 NER ได้ลูกค้าใหม่เข้ามาแล้ว 3 ราย แบ่งเป็นลูกค้าจากอินเดีย 2 รายและไทย 1 ราย (โดยในปี 2564 ได้ลูกค้าใหม่ถึง 29 ราย) นอกจากนี้ NER ยังตั้งเป้า gross margin ปี 2565 ไว้ที่ 10-15% (สอดคล้องกับที่ฝ่ายวิจัยกำหนดไว้ที่ 12.0%)

  NER ได้เปิดเผยกลยุทธ์ NER NEXT ซึ่งเป็นการลดต้นทุนด้านการผลิต ใช้เครื่องจักรและระบบอัตโนมัติและเพิ่มมูลค่าสินค้าโดยสรุปได้ดังนี้ 1) ติดตั้ง Solar rooftop กำลังการผลิต 5 MW คาดจะติดตั้งแสร็จในปี 2565 และใช้ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพภายในโรงงาน กำลังการผลิต 4MW เสร็จในปี 2565 ซึ่งติดตั้งเสร็จและสามารถใช้งานได้แล้ว 2MW ในปี 2564 เพื่อลดค่าไฟฟ้าได้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป 2) นำระบบอัตโนมัติมาใช้ในโรงงานมากขึ้น อาทิ ระบบ AI และ Robotic Arm เป็นต้น และ 3) เน้นจำหน่ายสินค้าปลายน้ำมากขึ้น โดยคิดค้นสินค้าใหม่จากทีมวิจัยและพัฒนาสินค้าของ NER โดย NER ตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจปลายน้ำปี 2565 ไว้ที่ 500 ล้านบาท (2% ของรายได้รวม) และ 1.0 พันล้านบาทในปี 2566 (4% ของรายได้รวม)

  สำหรับงบลงทุน (CAPEX) ของ NER ในปี 2565 อยู่ที่ราว 520 ล้านบาท ซึ่ง NER มีความพร้อมด้านฐานะการเงินมาก สะท้อนจากสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อทุนสุทธิ ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 1.4 เท่า และสามารถคาดหวัง CFO ปี 2565-67 ได้กว่า 1 พันล้านบาท/ปี โดยแบ่งการลงทุนในปี 2565 ได้ดังนี้

  1) การขยายกำลังการผลิตยางแท่งแห่งที่ 2 โดยการซื้อเตาอบยางใหม่ 1 เตา มูลค่า 70 ล้านบาท ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้ 5 หมื่นตัน/ปี หรือ 11% ของกำลังการผลิตปัจจุบัน ทำให้กำลังการผลิตยางของ NER เพิ่มขึ้นเป็น 5.16 แสนตัน/ปี จะติดตั้งเสร็จในงวด 1H65 นอกจากนี้ NER ยังมีแผนเจรจากับโรงงานยางขนาดเล็กราว 7 โรง (ปัจจุบันเริ่มทยอยผลิตและแปรรูปยางให้ NER ได้แล้ว 2 โรง และคาดว่าจะเริ่มผลิตและแปรรูปได้ทั้งหมดใน 2H65) เพื่อให้แปรรูปยาง แล้วส่งสินค้าให้ลูกค้าของ NER ซึ่งเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตรวมได้อีกราว 4 หมื่นตัน เพิ่มกำลังการผลิตได้ 8% และทำให้กำลังการผลิตของ NER เพิ่มขึ้นเป็น 5.56 แสนตัน/ปี โดยไม่ต้องใช้งบลงทุน แต่จะมี net margin น้อยกว่าการแปรรูปยางเองบ้าง

  2) โครงการแผ่นปูรองนอนปศุสัตว์ กำลังการผลิต 1 ล้านชิ้น/ปี งบลงทุนราว 210 ล้านบาท คาดเครื่องจักรจะมาติดตั้งในเดือนพ.ค. 65 และเริ่มผลิตได้ในมิ.ย. 65

  3) โครงการติดตั้งแผงโซล่าห์เซลล์ งบลงทุน 100 ล้านบาท คาดจะช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ราว 12 ล้านบาท/ปี

  4) โครงการหุ่นยนต์ดึงยาง เป็นการนำหุ่นยนต์ดึงยางมาเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในสายการผลิต งบลงทุน 40 ล้านบาท และ

  5) โครงการก่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้าสำเร็จรูป สำหรับสินค้าในกลุ่มปลายน้ำเพื่อเพิ่มรายได้และประสิทธิภาพการทำกำไรในระยะยาว งบลงทุน 100 ล้านบาท

 ขณะที่ธุรกิจใหม่แผ่นปูรองนอนปศุสัตว์ของ NER ได้เริ่มทยอยขายแผ่นปูรองนอนวัวตั้งแต่เดือนก.พ. 65 โดยการจ้างบริษัทภายนอกผลิตไปก่อน (OEM) เพื่อทดลองตลาดในประเทศ โดยจะเริ่มขายในปริมาณไม่มากในงวด 1H65 ทั้งนี้ ปัจจุบัน NER อยู่ระหว่างสั่งเครื่องจักรเข้ามาจากไต้หวัน คาดว่าจะนำเข้ามาติดตั้งได้ในเดือนพ.ค. 65 (ช้ากว่าเดิมราว 3 เดือน จากปัญหาด้านโควิด ทำให้ผู้ติดตั้งเครื่องจักรมาไทยได้ช้าลง) และคาดจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือนมิ.ย. 65 ซึ่งเป็นธุรกิจที่มี gross margin สูงราว 25-30% ซึ่งสูงกว่าธุรกิจยางพาราที่มีgross margin ราว 10-15% มาก ใช้เงินลงทุนราว 210 ล้านบาท กำลังการผลิต 1ล้านชิ้น/ปี นอกจากนี้ NER ยังมีแผนขยายและพัฒนาสินค้าใหม่ ได้แก่ แผ่นรองนอนม้า ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาสินค้าร่วมกับฟาร์มม้าไทย และได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งสามารถขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศได้เช่นกัน

  โดย NER ตั้งเป้าปริมาณขายแผ่นปูนอนปศุสัตว์ไว้ที่ 2.0 แสนชิ้นในปี 2565 คิดเป็นรายได้ราว 400 ล้านบาท (2% ของประมาณการรายได้รวมปี 2565) โดยในเบื้องต้นฝ่ายวิจัยประเมินว่าธุรกิจดังกล่าวจะอยู่ในระดับใกล้เคียงจุดคุ้มทุนในปี 2565 และจะเริ่มทำกำไรได้ในปี 2566 โดย NER ตั้งเป้าปริมาณขายแผ่นปูนอนปศุสัตว์ในปี 2566 ที่ 5.1 แสนชิ้น เพิ่มขึ้นถึง 150% yoy คิดเป็นรายได้ราว 1 พันล้านบาท ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังไม่รวมธุรกิจแผ่นปูรองนอนวัวไว้ในประมาณการกำไรสุทธิปี 2565-66 เนื่องจากรอดูความชัดเจนในการทำตลาดและผลตอบรับจากลูกค้าก่อน

--ทิศทางกำไรยังเห็นการเติบโตต่อเนื่องในปี 2565--
  คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเพิ่มขึ้น 2.2% yoy จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราและทิศทางราคายางพาราปรับเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

  ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดกำไรปกติงวด 1Q65 จะอ่อนตัวลงจากงวด 4Q64 จากแนวโน้มราคาขายยางพาราเฉลี่ยงวด 1Q65 อ่อนตัวลงเล็กน้อยตามทิศทางราคายางพาราโลกกดดันแนวโน้มประสิทธิภาพการทำกำไรลดลง ขณะที่คาดปริมาณขายยางพารางวด 1Q65 จะทรงตัวใกล้เคียงงวด 4Q64

Valuation ยังน่าสนใจให้เข้าลงทุน
  กำหนด FV ปี 2565 เท่ากับ 10.20 บาท อิง PER 10 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันมีค่า PER เพียง 7 เท่า นอกจากนี้ NER ยังประกาศจ่ายปันผลสำหรับงวด 2H64 เท่ากับ 0.36 บาท คิดเป็น Div yields สำหรับงวด 2H64 สูงถึง 4.8% ขึ้น XD วันที่ 19 เม.ย. 65 และจ่ายปันผลวันที่ 6 พ.ค. 65 จึงยังแนะนำซื้อ

การทำธุรกิจโดยให้ความสำคัญต่อ ESG
  NER ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจแบบยั่งยืน และ ESG โดยสามารถสรุปได้ดังนี้

  Environmental: ใช้ไฟฟ้าพลังงานทดแทนภายในโรงงาน ซื้อวัตถุดิบยางพาราที่ไม่รุกป่า

  Social: ส่งเสริมสร้างงานในชุมชน ใช้แรงงานถูกกฎหมายและคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน

  Governance: การกำกับดูแลกิจการที่ดี ต่อต้านคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ

 

 

---จบ---

 

 

 

 

 

 



 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้