
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(11กุมภาพันธ์ 2565)-----"โฆษิต สุขสิงห์" กรรมการผู้จัดการ บมจ. เสริมสุข ( SSC ) เปิดเผยกำไรไตรมาส1/64-65 อยู่ที่ 33 ลบ. ลดลง 40.0% เหตุแบกต้นทุนเพิ่มขณะที่รายได้จากการขายและการใหบริการรวม 2,381 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หลังยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19
นายโฆษิต สุขสิงห์กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) SSC เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาส 1/2564-2565 เท่ากับ 33 ล้านบาท ปรับตัวลดลง22 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40.0%จากผลกําไรสุทธิ55 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากต้นทุนขายและต้นทุนในการจัดจาหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไร ได้ภายใตส้ถานการณก์ารแพร่ระบาดของเชื้อไวรสัโควิด-19
บริษัทมีผลกำไรต่อหุ้น เป็นจำนวน 0.12 บาท ลดลง 0.09 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับผลกำไรต่อหุ้น 0.21 บาท ในงวดเดียวกนัของปีก่อน เป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุผลที่อธิบายข้างต้น
บริษัทมีรายได้จากการขายและการใหบริการรวมทั้งสิ้นจำนวน 2,381 ล้านบาท ลดลง 9 ล้านบาท หรือคิดเป็น0.4% ปรับตัวลดลงเล็กน้อย จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ชดเชยด้วยการที่บริษัทฯ ขยายการขายช่องทางการจำหน่ายแบบดั้งเดิม (Traditional Trade)เพิ่มช่องทางการจำหน่ายในร้านค้าปลีก ร้านค้าในชุมชนต่างๆ เพื่อให้ผุ้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าได้มากยิ่งขึ้น
บริษัทมีต้นทุนขายและต้นทุนการให้บริการรวม เท่ากับ 1,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.4% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ชดเชยด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตอย่างต่อเนื่อง
บริษัทมีต้นทุนในการจัดจำหน่ายรวม เท่ากับ 597 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7 ล้านบาทหรือ คิดเป็น 1.2% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการลงทุนในตราสินค้าน้ำดื่มคริสตัล เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดน้ำดื่มได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านแคมเปญสื่อสารการตลาด "สดชื่นทั่วทิศ คุณภาพทั่วไทย" โดยการนำเสนอขวดพีอีที่ลายใหม่4 ดีไชน์ "สดชื่น-ม่วนใจ-ม่วนชื่น-หรอยแร๊ง" เพื่อส่งมอบความสุขและสร้างความมั่นใจว่ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหนผู้บริโภคจะได้ดื่มน้ำที่มีคุณภาพ
บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการบริหารรวม เท่ากับ 155 ล้านบาท ลดลง 7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.3% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากมาตรการการควบคุมคำใช้จ่ายให้มีความรัดกุมและมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
---จบ---