สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 10 กุมภาพันธ์ 2565)---INTUCH เผยกำไรปี64 อยู่ที่10,748 ลบ. วูบ3% จากปีก่อน เหตุส่วนแบ่งกำไรจากเอไอเอส -ไทยคมลดลง พร้อมเคาะปันผล 1.60 บาท/หุ้น ขึ้นป้ายวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) 23 ก.พ. 65

บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) INTUCH เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มอินทัช ในปี2564 กลุ่มอินทัชมีกำไรสุทธิรวม จำนวน 10,748 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3 จากปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจาก

• การลดลงของส่วนแบ่งผลกำไรจากเอไอเอส ส่วนใหญ่เนื่องจากในปี2564 เอไอเอสมีผลลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น จากการรับมอบใบอนุญาตคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮริตซ์และ 26 กิกะเฮริตซ์

• การลดลงของส่วนแบ่งผลกำไรจากไทยคม เนื่องจากในไตรมาส 2/2563 มีการรับรู้รายได้จากเงินชดเชยสุทธิกับการตัดจำหน่ายเงินจ่ายล่วงหน้าเป็นรายได้อื่น หากไมรวมรายได้เงินชดเชยดังกล่าว ส่วนแบ่งผลกำไรจากธุรกจิดาวเทียมและธุรกิจในต่างประเทศในปีนี้เพิ่มขึ้น จากปีก่อน ส่วนใหญ่เนื่องจากในปีนี้มีกำไรจากจากอัตราแลกเปลี่ยน และมีต้นทุนลดลง แม้ว่ามีส่วนแบ่งผลขาดทุนจากเงินลงทุนในการร่วมค้า

ทั้งนี้ปี 2564 ประเทศไทยและภาคธุรกิจยังคงเผชิญกับความท้าทายจาวิกฤโควิด 19 ภาพรวมของกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมสื่อสาร เทคโนโลยี และ ดิจิทัลซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร รวมถึงบริการในรูปแบบใหม่ๆ ทางด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล เป็นบริการที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่นและมีอัตราการใช้ที่เพิ่มขึ้นหลังกิดกฤติโควิด19 อย่างไรก็ตาม สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงส่งผลกระทบต่อการเติบโตของกลุ่มอินทัชในปี 2564

เอไอเอสยังคงรักษาความแข็งแกร่งและเป็นผู้นำในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่มีสัดส่วนทางการตลาดเป็นอันตับหนึ่งทั้งเชิงรายได้และจำนวนผู้ใช้บริการและเป็นผู้นำในการให้บริการ 5G โดยบริการ 5G ครอบคลุมพื้นที่สำคัญของทั้ง 77 จังหวัด และครอบคลุมร้อยละ 76 ของจำนวนประชากร ในส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ใหม่และต่อ
ยอดการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ณ สิ้นปี 2564 มีจำนวนผู้ใช้บริการ 1.77 ล้านรายนอกจากนั้นธุรกิจการให้บริการโซลูชั่นให้แก่ลูกค้าองค์กรมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของไทยคม หลังจากการสิ้นสุดของสัญญา บริษัย่อยของไทยคมได้เข้าทำข้อตกลงเพื่อซื้อแบนด์วิธบางส่วนบนดาวเทียมไทยคม 4 และดาวเทียมไทยคม 6 กับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ("เอ็นที") ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิบริหารจัดการดาวเทียมไทยคม 4 และดาวเทียมไทยคม 6 จากกระทรวงดิจิหัลพื่อเศษฐกิจและสังคม ภายหลังจากการสิ้นสุดของสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ เพื่อไปให้บริการต่อ ดังนั้น นับตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2564 กลุ่มไทยคมจึงสามารถให้บริการช่องสัญญาณดาวเทียมบนดาวเทียมไทยคม 4 และดาวเทียมไทยคม 6 กับลูกค้าบางส่วนของกลุ่มไทยคมได้ต่อไป

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 ราคาหลักทรัพย์ของอินทัชอยู่ที่ 80.25 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก ณ สิ้นปี 2563 ที่ 56.25 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 และเมื่อมกับผลตอบแทนจากงินปันผล ทำให้ผลตอบแทนรวมจากกรลงทุนอินชอยู่ที่ร้อยละ 47 สูงกว่าผลตอบแทนจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงร้อยละ 33

สำหรับการจ่ายเงินปันผล ปัจจุบันอินทัชมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลจากงบการเงินเฉพาะบริษัท โดยพิจารณาจ่ายจากเงินปันผลส่วนใหญ่ที่บริษัทได้รับจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยหลังหักค่าใช้จ่าย หากไม่มีเหตุจำเป็นอื่นใด และการจ่ายเงินปันผลนั้นไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานปกติของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทของอินทัช เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 มีมติสนอการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2564 ในอัตรา2.83 บาทต่อหุ้น โดยอินทัชจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในปี 2564 แล้ว ในอัตราหุ้นละ 1.23 บาท คงเหลือที่จะจ่ายในอัตราหุ้นละ 1.60 บาท

ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวข้างต้นขึ้นอยู่กับมติการอนุมัติจ่ายเงินปันผลของที่ประชมสามัญผู้ถือประจำปี 2565 ของอินทัช

------------------------------------------

การจ่ายปันผล / การงดจ่ายปันผล

เรื่อง : จ่ายปันผลเป็นเงินสด
วันที่คณะกรรมการมีมติ : 10 ก.พ. 2565
ชนิดการปันผล : จ่ายปันผลเป็นเงินสด
วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) : 24 ก.พ. 2565
วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) : 23 ก.พ. 2565
จ่ายให้กับ : ผู้ถือหุ้นสามัญ
อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด (บาทต่อหุ้น) : 1.60
มูลค่าที่ตราไว้ (Par)(บาท) : 1.00
วันที่จ่ายปันผล : 21 เม.ย. 2565
จ่ายปันผลจาก :
งวดดำเนินงานวันที่ 01 ก.ค. 2564 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564

_____________________

---จบ---