Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: ADVANC ปีเสืออัดงบลงทุน 3-3.5 หมื่นลบ. ครองผู้นำตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ /ปี64 โชว์ผลงานโตทุกมิติ

3,886

 

 

 

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(8กุมภาพันธ์ 2565)------ADVANC ประกาศผลประกอบการปี 2564 โดยรวมยังคงสามารสร้างการเติบโตได้ในทุกมิติ ท่ามกลางสถานการณ์และข้อจำกัดที่ท้าทาย ทำให้รายได้รวมอยู่ที่ 181,333 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 4.9 กำไรสุทธิ 26,922 ล้านบาท ด้วยความทุ่มเทของบุคลากรกว่า 12,000 คน ในการยกระดับคุณภาพการให้บริการ คุณภาพของโครงข่ายสัญญาณ เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ให้กับคนไทย รวมถึงการนำศักยภาพของ 5G ด้วยการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่แข็งแรงเข้าสนับสนุนการเติบโตของภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะภาคการผลิต และภาคอุตสาหกรรมที่เป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ สำหรับปี 2565 เตรียมทุ่มงบลงทุนกว่า 30,000 – 35,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการด้านโครงข่ายรองรับการเติบโตของลูกค้าในปีนี้อย่างต่อเนื่อง

 

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า “สถานการณ์ในปี 2564 เป็นอีกหนึ่งปีที่เราต้องเผชิญกับข้อจำกัดและความท้าทายอย่างมาก แต่สำหรับ AIS เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงานเพื่อนำศักยภาพของโครงข่ายคุณภาพมาสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มายกระดับการทำงานของภาคธุรกิจ ภาคการผลิตและภาคอุตสาหกรรม จะเห็นได้ว่าในปีที่ผ่านมา AIS สามารถสร้าง Digital Ecosystem ที่มีความสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลายทั้งระดับโลก และระดับ Local เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันแบบสอดประสาน ทำให้ผลงานในปี 2564 อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เป็นผลมาจากความมุ่งมั่น ทุ่มเทของคน AIS ที่มีความเข้าใจการทำงานในฐานะผู้นำตลาดที่ต้องให้ความสำคัญกับการเติบโตในทุกมิติทั้งคุณภาพและงานบริการที่เหนือกว่า”

 

สำหรับผลประกอบการในปี 2564 รายได้รวม อยู่ที่ 181,333 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 4.9 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในส่วนกำไรสุทธิ 26,922 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.9 เทียบกับปีก่อน ในส่วนของต้นทุน AIS ยังลงทุนขยายโครงข่าย 5G/4G อย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความเป็นผู้นำ และการเข้ารับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพิ่มเติมในปีนี้ (ใบอนุญาต 700MHz และ 26GHz) ส่งผลให้ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 4.5 เทียบกับปีก่อน แต่จากการบริหารต้นทุนที่ดีในส่วนของค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหาร ที่ลดลงร้อยละ 11 จากปีก่อน ส่งผลให้เอไอเอสมี EBITDA อยู่ที่ 91,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 จากปีก่อน อีกทั้ง AIS ยังคงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรม ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการครึ่งปีหลังที่ 4.24 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 19 เมษายน 2565 โดยผลการดำเนินงานแยกตามรายธุรกิจดังนี้

 

• ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีรายได้ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.7 จากปีก่อน อยู่ที่ 117,244 ล้านบาท เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนตัวลงในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบใหม่ตลอดทั้งปี ประกอบกับการแข่งขันที่ยังคงรุนแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา แต่ด้วยการปรับตัวและนำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ทำให้ในปี 2564 มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 2.68 ล้านเลขหมาย ส่งผลให้ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ 44.1 ล้านเลขหมาย สำหรับการเติบโตของผู้ใช้บริการ 5G มีผู้ใช้บริการ 5G แล้วกว่า 2.2 ล้านราย


• ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ยังสามารถทำผลงานได้ดีมีอัตราการเติบโตของรายได้ที่ร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับปีก่อน นับเป็นการเติบโตเหนืออุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น 435,100 ราย ทำให้ AIS Fibre มีลูกค้ารวม 1,772,000 ราย ทะลุเป้าหมาย 1.6 ล้านครัวเรือนที่ตั้งไว้ในปี 2564 โดยมุ่งเน้นสร้างมาตรฐานใหม่ของการให้บริการด้วยการการันตีให้บริการภายใน 24 ชั่วโมง ทั้งการติดตั้งที่รวดเร็ว การแก้ปัญหาภายใน 24 ชั่วโมง พร้อมยกระดับตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านไปอีกขั้นด้วยแพ็กเกจความเร็วในระดับ 2Gbps ครั้งแรกในไทย ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการอินเทอร์ความเร็วสูงสุด


• ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง คิดเป็นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปีก่อน ขยายความร่วมมือกับ Microsoft ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจสำหรับบริการด้านคลาวด์ (Cloud) ในประเทศไทย เสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการลูกค้าองค์กรมากขึ้น โดย AIS Business ได้เปิดตัวบริการใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแรงมากขึ้น พร้อมขยายความร่วมมือและให้บริการ 5G Solutions ยกระดับในภาคอุตสาหกรรมและโรงงานการผลิต ทั้งกระบวนการทำงานทำงานด้วยดิจิทัลเทคโนโลยีที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การทำงานร่วมกับ OMRON ในการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ Industry 4.0 ภาคการผลิตอัจฉริยะ Smart Manufacturing การผนึกกำลังกับ Mitsubishi Electric และ ทีเคเค ส่งเทคโนโลยี Total Industrial Solution ด้วย e-F@ctory โดยมุ่งเน้นการนำดิจิทัลเทคโนโลยีเข้าขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล


• ธุรกิจดิจิทัลเซอร์วิส ในปีที่ผ่านมาเอไอเอสยังคงเดินหน้ามุ่งเสริมความเป็นผู้นำด้านบริการดิจิทัล ผ่านการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ของคนไทย ทั้งความร่วมมือกับ Disney+ Hotstar ผู้ให้บริการคอนเทนต์บนวีดีโอแพลตฟอร์ม ซึ่งเอไอเอสได้รับสิทธิ์ในการให้บริการแพ็กเกจพิเศษและทำการตลาดกับลูกค้าในประเทศไทย BBC เพิ่ม 2 ช่องพรีเมี่ยมทั้ง BBC World News และ BBC Lifestyle หรือแม้แต่คอนเทนต์กีฬาชั้นนำระดับโลกอย่างโอลิมปิก และการเอาใจแฟนบอลชาวไทยด้วยการคว้าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลไทยลีกในฤดูกาลล่าสุดอีกด้วย


นายสมชัย อธิบายเสริมว่า “พัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม และพฤติกรรมของผู้บริโภค เป็นตัวกำหนดทิศทางการเติบโตที่สำคัญของเราในอนาคต ซึ่งจากปัจจัยต่างๆ ได้สะท้อนให้เราเห็นว่า AIS พร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ หรือ Cognitive Telco เพื่อต่อยอดศักยภาพของโครงข่ายสัญญาณที่เรามีในมือ ให้มีประสิทธิภาพพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ทัดเทียมกับประเทศชั้นนำให้กับคนไทยและภาคส่วนต่างๆ

 

โดยเราได้เตรียมวางงบประมาณกว่า 30,000 – 35,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการด้านโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง รองรับโอกาสและการเติบโตในแง่ของผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการมองภาพใหญ่ของประเทศที่ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีที่แข็งแรง เพื่อให้ภาคส่วนต่างๆ ใช้เป็นจุดแข็งของประเทศในการแข่งขันและดึงดูดนักลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่ AIS มุ่งมั่นทำมาอย่างต่อเนื่องในฐานะผู้นำ” นายสมชัย กล่าวทิ้งท้าย

 

 

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ADVANC เปิดเผยว่า มุมมองของผ้บูริหารต่อแนวโน้มและกลยุทธ์ในปี2565บริษัทฯ ประเมินรายได้การให้บริการหลักเติบโตอัตราเลขตัวเดียวระดับกลาง (mid-single digitgrowth)


ในปี 2565 เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัว แม้จะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ (โอไมครอน) ในช่วงต้นมกราคม 2565 โดยคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจและการบริโภคภายในประเทศจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนในปีนี้ที่สูงกว่าในปี 2564 โดยเอไอเอสจะมุ่งสร้างรากฐานพร้อมสู่เป้าหมายการเป็น “ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอัจฉริยะ” หรือ “Cognitive Telco” ที่ส่งเสริมให้โครงข่ายและระบบสารสนเทศมีความอัจฉริยะ (Intelligent network & ITautomation) ที่ช่วยติดตามตรวจสอบ บ ารุงรักษา วิเคราะห์ข้อมูลตอบสนองต่อปัจจัยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้ล่วงหน้า ตลอดจนเพิ่มขีดวามสามารถของปัญญาประดิษฐ์ด้วยเหตุนี้ เราจึงเน้นขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้จากให้บริการหลักในทุกธุรกิจ


• คาดการณ์รายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ฟื้นตัว เอไอเอสมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตในบริการ 5G เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเชิงรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ด้วยโรงข่ายรวมถึงการนำเสนอสินค้าและบริการที่เหนือกว่าแม้ว่าการแข่งขันด้านราคาจะสูงขึ้น แต่เรามุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพโครงข่ายและสร้างความผูกพันกับลูกค้า (customer engagement) ผ่านการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า (Customer ValueManagement) โดยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและด าเนินโครงการรักษาฐานลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ


• สร้างการเติบโตของธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านในระดับที่เหนือกว่าอุตสาหกรรม ในปี 2565 เอไอเอสมีเป้าหมายที่จะมุ่งเน้นการทำตลาดแบบ FMC(Fixed-Mobile-Content Convergence) มากขึ้น หรือการผนวกรวมบริการทั้งอินเทอร์เน็ตบ้าน โทรศัพท์มือถือ และคอนเทนต์เป็นแพ็กเกจรวมที่ให้บริการกับลูกค้า เพื่อมุ่งสร้างบริการที่เพิ่มรายได้ต่อครัวเรือน (Average Revenue per Household) โดยอาศัยการต่อยอดจากฐานลูกค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ และการน าเสนอบริการแบบเฉพาะกลุ่ม ทั้งนี้ เอไอเอสมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ให้บริการรายหลัก โดยตั้งเป้ามีฐานลูกค้า 2.2 ล้านรายในปีนี้ นอกจากนี้ เอไอเอส ไฟเบอร์จะยังคงมุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการที่เหนือกว่า โดยการรับประกันบริการให้กับลูกค้า ท่ามกลางการแข่งขันด้านราคา


• คาดการณ์อตัราการเติบโตของธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรในระดับสองหลัก (double digit growth) ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากที่ธุรกิจต่างๆพยายามปรับเข้าสู่เทคโนโลยีดิจิทัล เอไอเอสตั้งเป้าที่จะขยายการเติบโตในบริการคลาวด์, บริการความปลอดภัยด้านไซเบอร์, IoT, บริการด้าน ICTและดาต้าเซ็นเตอร์ในระดับเลขสองหลัก ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสนับสนุนศักยภาพของเอไอเอส อีกทั้ง เรายังมุ่งเน้นในการต่อยอดบริการ 5G สำหรับลูกค้าองค์กร เพื่อสร้างความแตกต่างในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิอุตสาหกรรมการผลิต อสังหาริมทรัพย์และภาคการขนส่ง เป็นต้น

 

*กำไร EBITDA เติบโตในระดับอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ (low-single digit)

เอไอเอสยังคงเดินหน้าสู่การปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่กระบวนการดิจิทัล (Digital Transformation) โดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มามอบประสบการณ์ที่เหนือระดับ(Distinctive Customer Experience) ให้แก่ลูกค้ารวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนการให้บริการ เราได้เริ่มดำเนินการปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITTransformation) มาต่อเนื่องหลายปี เพื่อให้การพัฒนาสินค้าและบริการสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและปรับกระบวนการทำงานภายในที่คล่องตัว รวมถึงการใช้ระบบการบริหารโครงข่ายแบบอัตโนมัติ (Autonomous network) ที่จะช่วยให้การใช้งบลงทุนในโครงข่ายและต้นทุนโครงข่ายมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากเอไอเอสตั้งเป้าในการเป็นผู้นำในบริการ 5G โดยจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมในการตลาดเพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่มีการเติบโต โดยรวมในปีนี้บริษัทคาดการณ์ก าไรEBITDA ขยายตัวในระดับอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ

 

*คงการลงทุนเพื่อโอกาสในการเติบโต

เอไอเอสวางงบการลงทุนสำหรับปี 2565 ประมาณ 30,000-35,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าที่จะรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ และเตรียมรับกับโอกาสทางการตลาดพร้อมมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าแก่ลูกค้าด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี5G ที่ดีที่สุด โดยเราตั้งเป้าที่จะขยายความคลุมของโครงข่าย5G ที่ร้อยละ 85 ของประชากร และวาแผนขยายโครงข่ายบนคลื่นความถี่ที่ครบถ้วน ตั้งแต่คลื่นความถี่ย่านต่ำ ย่านกลาง ตลอดจนคลื่นความถี่ระดับมิลลิเมตรเพื่อให้บริการด้วยคุณภาพที่ดีที่สุด โดยเน้นในพื้นที่ซึ่งมีอัตราการใช้งานมือถือ 5G สูง เอไอเอสมุ่งเน้นการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้บริการ 5Gตอบสนองกับความต้องการใช้งาน 5G ที่เร่งตัวขึ้น นอกจากนี้ เราตั้งเป้าที่จะขยายความครอบคลุมของเอไอเอส ไฟเบอร์ในพื้นที่ที่มีความต้องการใช้งาน และลงทุนยกระดับธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรและธุรกิจดิจิทัลเซอร์วิส ทั้งนี้งบลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วบ้านในปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท

 

พร้อมกันนี้เอไอเอสมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวและส่งมอบผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นมาอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง เอไอเอสจึงให้ความสำคัญต่อการรักษาสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งและมีความคล่องตัวเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต นโยบายการจ่ายเงินปันผลจะจ่ายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของกำไรสุทธิ โดยนโยบายการจ่ายเงินปันผลนี้จะทำให้เอไอเอมีกระแสเงินสดเพื่อเพิ่มความคล่องตัวทางการเงินซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเป็นผู้นำตลาด ความสามารถในการแข่งขัน และโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงพร้อมรับต่อสภาวะการณ์ต่างๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงเอไอเอสยังคงการจ่ายเงินปันผลปีละสองครั้งจากผลการดำเนินงานบริษัทและก าไรสะสมบนงบการเงินเฉพาะกิจการ ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลในทุกกรณี จะขึ้นอยู่กับกระแสเงินสดและแผนการลงทุน รวมถึงความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นๆ ในอนาคตของบริษัทและ/หรือบริษัทย่อย และการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะต้องไม่เกินกำไรสะสมที่ปรากฏในงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทและ/หรือมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินงานปกติของบริษัทและบริษัทย่อย

 

 

 


---จบ----

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้