สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(25 พฤศจิกายน 2564)-------BCH ตั้งเป้ารายได้ปี 65 โต 104% หวังมีรายได้จากคนไข้ทั่วไป-ต่างชาติกลับเข้ามา -โควต้าประกันสังคมเพิ่มเป็น 1.5 ล้านเคส รายได้บริการโควิด-วัคซีนโมเดอร์นาหนุน คาดQ1/65 เห็นความชัดเจนการขยายรพ.มะเร็ง พร้อมลุย New S-curve 3 ธุรกิจใหม่ในปีหน้า

ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) BCH เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าภาพรวมผลการดำเนินในปี 2565 รายได้รวมจะเติบโต 104% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยจะมาจากรายได้จากคนไข้ทั่วไปกลับมาโต 31% ,รายได้จากประกันสังคมโต 10% ,รายได้จากการให้บริการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางใหม่ๆ โต 7% ,รายได้จากการให้บริการโควิดโต 19% และรายได้ให้บริการฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเพิ่มขึ้น 37% โดยรายได้โดยในส่วนของโควต้าผู้ประกันตนนั้นจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านราย จากปัจจุบัน 1.2 ล้านราย ทำให้รายได้กลุ่มนี้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันรายได้จากวัคซีนโมเดอร์นา เริ่มเข้ามาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 หลังจากทอยอยฉีดวัคซีนให้แก่ลูกค้าแล้ว

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางงบลงทุนสำหรับใช้ดำเนินงานในปี 2565 ไว้เล็กน้อยโดยจะเน้นการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายมากนักเพราะไม่มีการเปิดโรงพยาบาลใหม่ ยกเว้นที่จะทำเป็นโรงพยาบาลมะเร็ง เกษมราษฎร์ ที่ล่าช้ามา ซึ่งคาดจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 1/2565

" บริษัทฯ ประเมินถึงผลงานในปี2565 คาดว่ากลุ่มโรงพยาบาลจะเติบโตต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มคนไข้ทั่วไป ที่กลับมาใช้บริการ คนใช้ต่างชาติที่ขณะนี้เริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังจากเปิดประเทศมากขึ้น และโรงพยาบาลก็ยังทยอยเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทางใหม่เข้ามาสนับสนุนด้วย นอกจากนี้ในส่วนของวัคซีนโมเดอร์นั้น ยังเดินหน้าฉีดได้ต่อเนื่องไม่ได้มีความกังวลอะไร หากวัคซีนเข้ามาเยอะ เพราะเชื่อว่าประชาชนก็ยังให้ความเชื่อมั่นต่อวัคซีนโมเดอร์นา และจากนี้จะวัคซีนจะเข้ามาต่อเนื่อง ไม่มีการเว้นระยะเวลานาน " ศ.ดร.นพ.เฉลิม กล่าว

ขณะที่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์แนชันแนล เวียงจันทน์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่รองรับทั้งคนไข้ในไทยและต่างชาติที่ข้ามมารักษา โดยได้เปิดให้บริการในวันที่ 19 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมานั้น พบว่ามียอดเข้ามาใช้บริการและทำรายได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้กำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) กลับมาเป็นบวกได้หลังจากเปิดโรงพยาบาลได้หนึ่งเดือน และคาดว่าปี 2565 จะสามารถสร้างกำไรสิทธิได้

ปัจจุบันโรงพยาบาลดังกล่าวมีอัตราการใช้บริการราว 35-40% หากมีอัตราการใช้บริการถึงระดับ 70-80% บริษัทจะพิจารณาขยายเฟส 2 นอกจากนี้ยังศึกษาการลงทุนโรงพยาบาลในพื้นที่ใหม่ เนื่องจากมองว่า สปป.ลาว มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก อีกทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่าง สปป.ลาว-จีน จะสร้างโอกาสที่จะมีผู้มาทางการแพทย์ในลาวมากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังเดินหน้าในธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-curve ได้แก่การให้บริการ laboratory, การนำเข้ายา-เครื่องมือแพทย์ และการขายน้ำวิตามิน ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้แก่บริษัทอีกทาง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้อัพเดทถึงวัคซีนโมเดอร์นาลอตใหม่ จะทยอยเข้ามาต่อเนื่องโดยในวันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน จะมีวัคซีนโมเดอร์นาเข้ามาอีก 1.4 ล้านโดส และโรงพยาบาลจะทยอยฉีดให้แก่ลูกค้าที่สั่งจองวัคซีนกับทางโรงพยาบาล ส่วนล็อตที่สองที่ทางกลุ่มโรงพยาบาลได้รับจัดสรร 1.2 ล้านโดส จะส่งมอบไตรมาส 1/2565 อย่างไรก็ดีในการให้บริการโควิด และการฉีดวัคซีนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มโรงพยาบาลมีฐานลูกค้าเพิ่มด้วย ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่จะสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มโรงพยาบาลต่อไป

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส
แนะซื้อ BCH เป้า 26 บาท

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า BCH รายงานกำไรสุทธิ 3Q21 ทำ New Highแต่ 4Q21F จะอ่อนลง QoQ
กำไรสุทธิ 3Q21 ออกมา 2.9 พันล้านบาท เติบโต 601%YoY, +153%QoQ หนุนโดยรายได้จากโควิดที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) กว้างขึ้นมากรายได้โตก้าวกระโดด GPM ทำ Record high รายได้ 3Q21 โต +237%YoY, +85%QoQ (รายได้เงินสดและโควิดโตดี แต่รายได้คนไข้ประกันสังคมลดลง) ส่วน GPM แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 53.7% (จาก 36.6% ใน3Q20 และ 46.3% ใน 2Q21) ส่วน SGA สูงขึ้นตามรายได้

คาด 4Q21F กไไรสุทธิจะเติบโต YoY แต่อ่อนลง QoQ อย่างไรก็ดีจะสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 เพราะรายได้คนไข้เงินสดเพิ่มขึ้น และมีรายได้จากฉีดวัคซีนโมเดอร์นาด้วย

แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 26 บาท (DCF) คาดกำไรสุทธิปี 21F โต 346% ส่วนปี 22F หดตัว -69% แต่ยังสูงกว่ากำไรก่อนโควิด

----จบ---