Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : BCH เด่นที่กำไร 6 เซียนหุ้น ลั่นไกซื้อ

2,677

HotNews : BCH เด่นที่กำไร 6 เซียนหุ้น ลั่นไกซื้อ

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (21 มีนาคม  2562) 6 เซียนหุ้น ใจตรงกัน เชียร์ซื้อ BCH  เล็งเริ่มเห็นผลงาน Q1/62  กลับมาเติบโตทั้ง y-y และ q-q  - ชี้เด่นสุดในกลุ่มรพ.   กูรูเคจีไอ ให้เป้า 21.50 บาท  -เทพหุ้นฟินันเซีย ไซรัส  เคาะเป้า 21 บาท - เอเชีย เวลท์ ส่องเป้า 20.60 บาท -โหรหุ้นฟิลลิปเล็ง21.20 บาท  - หยวนต้า  มองเป้าสูงสุดถึง 23.20 บาท  ขณะซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี  คงราคาเป้า 19.30 บาท

 

 

บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) BCH ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ขึ้นจากเดิม 5.8%เป็น 1.27 พันล้านบาท เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มระยะยาวของ BCH เนื่องจาก i) มีโอกาสที่ได้จะโควต้าประกันสังคมเพิ่มขึ้น ii) WMC ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง iii) ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์รามคำแหงดีขึ้นหลังจากที่เพิ่งปรับปรุงโรงพยาบาลใหม่ และ iv) การเปิ ดให้บริการ IVF อย่างเต็มที่ใน 2H62 นอกจากนี้ เรายังชอบplatform ธุรกิจของ BCH ในแง่ความหลากหลายของประเภทผู้ป่ วย (อย่างเช่น กลุ่มรายได้, ระดับของ intensity, ทำเลที่ตั้ง)เรายังคงคำแนะนำซื้อ และให้ราคาเป้ าหมายที่ 21.50 บาท

 

 

กำไรสุทธิของ BCH ใน 4Q61 อยู่ที่ 268 ล้านบาท (-3.4% YoY, -24.7% QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 4.9% และต่ำกว่า consensus 12.9% โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการที่สำนักงานประกันสังคมเปลี่ยนแปลงกำหนดการจ่ายค่า "Risk Adjusted Capitation - RAC" ซึ่งส่งผลกระทบกับผลประกอบการ 4Q61 YoYเนื่องจากในปี 4Q60 สัดส่วนการชำระเงินค่า RAC สูงผิดปกติที่ประมาณ 80% ของทั้งปี ในขณะที่ใน 4Q61 อยู่ที่ 22.73% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม รายได้จากผู้ป่วยที่ชำระเงินสดในปี 2561 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง YoY (รายได้จากผู้ป่ วยนอกเพิ่มขึ้น 9.9% YoY ในขณะที่รายได้จากผู้ป่ วยในเพิ่มขึ้นถึง 31.8%YoY) ยิ่งไปกว่านั้น รายได้ของ WMC ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนกำไรของบริษัทก็เพิ่มขึ้นถึง 89% YoY เป็น1.1 พันล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จากผู้ป่ วยต่างชาติ และไทยคิดเป็นสัดส่วน 70:30

 

 


เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ขึ้นเป็น 1.27 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม5.8%) เพื่อสะท้อนถึงการปรับสมมติฐาน margin ให้สูงขึ้น เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มระยะยาวของBCH เนื่องจาก i) มีโอกาสที่ได้จะโควต้าประกันสังคมเพิ่มขึ้น ii) WMC ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง iii)ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์รามคำแหงดีขึ้นหลังจากที่เพิ่งปรับปรุงโรงพยาบาลใหม่และ iv) การเปิดให้บริการ IVF อย่างเต็มที่ใน 2H62 นอกจากนี้ เรายังชอบ platform ธุรกิจของ BCH ในแง่ความหลากหลายของประเภทผู้ป่ วย (อย่างเช่น กลุ่มรายได้, ระดับของ intensity, ทำเลที่ตั้ง)
ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการควบคุมราคาค่ายาและการรักษาพยาบาล

 

 

 

 


จากประเด็นความกังวลเรื่องการคุมราคายาและค่ารักษาพยาบาลตั้งแต่ต้นปีนี้ เรายังคงมองว่าการคุมราคายาและค่ารักษาพยาบาลยังต้องพิจารณาอีกหลายเรื่อง เพราะประเทศไทยมีนโยบายที่จะพัฒนาเป็น"ศูนย์กลางทางการแพทย์" หรือ "Medical Hub" ซึ่งเป็นมุมมองที่สอดคล้องกับโรงพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ที่เชื่อว่าจะไม่ถูกกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการคุมราคายา และค่ารักษาพยาบาล เนื่องจากมีต้นทุนที่แตกต่างจากโรงพยาบาลรัฐ ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีเคยพูดถึงเรื่องนี้ว่าการจะนำแนวคิดนี้มาใช้จะต้องรับฟังข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วยฃ

 

 

เรายังคงราคาเป้าหมายปี FY62 ที่ 21.50 บาท (DCF; ใช้ WACC ที่ 7.5% และ TG ที่ 3.0%) โดยยังคงเลือก BCH เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มโรงพยาบาล และยังคงคำแนะนำซื้อ



การแทรกแซงของรัฐบาล, ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองรอบใหม่ของไทย และเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่

 

 


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้เรายังยืนยันว่ากำไร 4Q18 ที่อ่อนแอเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราวจากการปรับวิธีจ่ายเงินของสปส.ในส่วนค่าภาระเสี่ยง ขณะที่แนวโน้มการเติบโตในปี 2019 คาดว่ายังคงแข็งแกร่งหนุนทั้งฝั่งผู้ป่วยเงินสดโดยเฉพาะ WMC ที่คาดว่ายังโตแรง ส่วนประกันสังคมคาดว่าจะโตเร่งตัวขึ้นเช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้นหลังได้โควต้าเพิ่ม ขณะที่ฝั่งต้นทุนคาดว่ายังไม่ได้รับแรงกดดันจากการลงทุนโรงพยาบาลใหม่เนื่องจากจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2020-2021 เราจึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2019 +13.8% Y-Y เรายังคงราคาเหมาะสมที่ 21 บาทและยังแนะนำ "ซื้อ"

 

 

 

จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ทำให้เรายังคงมุมมองว่ากำไร 4Q18 ที่อ่อนแอ (268 ลบ. -24.7% Q-Q, -3.4% Y-Y) เป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราวจากการเปลี่ยนวิธีจ่ายเงินของสำนักงานประกันสังคมในส่วนค่าภาระเสี่ยง (ดูตารางหน้า 2) ซึ่งทำให้การบันทึกรายได้ส่วนเพิ่มลดลงจาก 4Q17 อย่างมีนัยยะ รวมถึงแรงกดดันจากผลขาดทุนเริ่มแรกของการเปิดบริการโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหงตั้งแต่เดือน ต.ค. 18 อย่างไรก็ตามแนวโน้มกำไร 1Q19 คาดว่าจะกลับมาเติบโต Y-Y ได้อีกครั้งแม้ฐานกำไร 1H18 จะสูง และอาจได้อานิสงส์และ Sentiment เชิงบวกหลัง WHO ออกมาเตือนให้ระวังการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่

 

 

 

 

ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของผลการดำเนินงานในปี 2019 คาดว่ามาจากทั้งฝั่งประกันสังคมตามจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้นโดยล่าสุด +9% YTD หลังได้โควต้าเพิ่ม รวมถึงการบันทึกบัญชีส่วนค่าภาระเสี่ยงที่กลับมาสู่ระดับปกติ ขณะที่กลุ่มเงินสดยังได้แรงหนุนหลักๆจากการเติบโตของ WMC ที่ยังก้าวประโดดโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 1H19 จากฐานปีก่อนที่ต่ำและยังไม่ได้อานิสงส์เชิงบวกของศูนย์แผลเบาเหวานที่เท้า ส่วนช่วง 2H19 เป็นต้นไปจะได้แรงหนุนจากการเริ่มเปิดให้บริการศูนย์ IVF ขณะที่ฝั่งต้นทุนคาดยังไม่ได้รับแรงกดดันอย่างมีนัยยะเนื่องจากโรงพยาบาลใหม่ที่กำลังลงทุนจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2020-2021 เราจึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2019 ที่ 1,240 ลบ. +13.8% Y-Y แต่เริ่มเห็น Upside

 

 

 

เรายังคงราคาเหมาะสมของ BCH ที่ 21 บาท (DCF WACC 6.82% Terminal Growth 3%) โดยราคาหุ้นตอบรับเชิงลบกับทั้งผลประกอบการ 4Q18 ที่อ่อนแอและประเด็นการคุมค่ายา อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มการเติบโตปี 2019 ที่ยังแข็งแกร่งรวมถึงประเด็นคุมค่ายาที่คิดว่าทำได้ค่อนข้างยากในทางปฏิบัติและอาจติดขัดเรื่องประเด็นกฎหมาย เราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"

 

ความเสี่ยง คือ สำนักงานประกันสังคมจ่ายเงินได้น้อยกว่าที่คาด การชะลอตัวของลูกค้าต่างชาติซึ่งอาจกระทบ WMC เศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัว

 

 

 


บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด เปิดเผยในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า BCH ยังคงเป้าหมายการเติบโตรายได้ปี 2562 ในอัตราสองหลัก ต่อเนื่องจากปี 2561 ที่เติบโต 11.3% โดยเราคาดปัจจัยหนุนหลักปีนี้จะมาจากกลุ่มประกันสังคม ซึ่งจำนวนผู้ประกันตนมีแนวโน้มฟื้นตัวราว 10% อยู่ที่ 8.8 แสนคน เทียบกับปี 2561 ที่ลดลง 1% การฟื้นตัวของจำนวนผู้ประกันตนเป็นผลจากการที่โรงพยาบาลบางแห่งของบริษัท (i.e. เกษมราษฎร์ประชาชื่น บางแค และรัตนาธิเบศร์) ซึ่งมีโควตาจำนวนผู้ประกันตนเต็มแล้วก่อนหน้านี้ ได้รับโควตาเพิ่มเติมในปีนี้จากมาตรฐาน Good Labor Practices นอกจากนี้ บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการขอโควตาจำนวนผู้ประกันตนอีกราว 10,000 รายต่อโรงพยาบาล ภายใต้มาตรฐาน Thai Labor Standards ทำให้เป็นอัพไซด์เพิ่มเติม

 

 

 

นอกเหนือจากกลุ่มประกันสังคมแล้ว เราคาดกลุ่มผู้ป่วยเงินสดจะเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน หนุนโดย Capacity Ramp-up และการขยายพื้นที่ให้บริการ โดยโมเมนตัมกำไรของโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล (WMC) คาดดำเนินต่อในปี 2562 หลังจากที่ในปี 2561 WMC รายงานกำไรสุทธิที่ 72 ล้านบาท ซึ่งเป็นบวกครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดให้บริการปี 2556 ปัจจัยบวกต่อการเติบโตของ WMC ในปี 2562 จะมาจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยชาวต่างชาติเป็นผลจากการทำการตลาด รวมถึงการเปิดศูนย์การแพทย์ใหม่ ๆ หนึ่งในนั้น ได้แก่ ศูนย์ IVF ซึ่งจะเริ่มเปิดดำเนินการเดือน ก.ค. 2562 นอกจากนี้ BCH ยังมีปัจจัยบวกจากการเริ่มบันทึกรายได้เต็มปีจากโรงพยาบาลเกษมราษฎร์รามคำแหงตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป อีกทั้ง อีกปัจจัยหนุน ได้แก่ การขยายและปรับปรุงพื้นที่ให้บริการ และการเปิดศูนย์การแพทย์ตติยภูมิเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ป่วยโดยรวมและค่ารักษาพยาบาลตามความซับซ้อนของโรค (Price Intensity)

 

 

 

 

 

ปรับประมาณการการเติบโตรายได้ปี 2562 ขึ้นเล็กน้อยเป็น 10.1% จากเดิม 9.6% เพื่อสะท้อนสมมติฐานการเติบโตของจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้นเป็น 10% จาก 9% ซึ่งสมมติฐานของเรายังไม่รวมอัพไซด์โควตาจำนวนผู้ประกันเพิ่มเติมที่อาจได้จาก Thai Labor Standards นอกจากนี้ เราคงประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นที่ 33.5% ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนที่ 33.2% โดยรวมแล้ว เราปรับคาดการณ์ EPS Growth ปี 2562 ขึ้นเล็กน้อยเป็น 11.6% จาก 10.7%

 

 

 

คงคำแนะนำ "ซื้อ" ให้เป้าหมาย 20.60 บาท อิงจากวิธีคิดลดกระแสเงินสด ด้วยสมมติฐาน WACC ที่ 7% เราคาดปี 2562 จะเป็นปีที่สดใสอีกปีหนึ่งของ BCH อานิสงส์จากการฟื้นตัวของกลุ่มประกันสังคมและกลุ่มผู้ป่วยเงินสดที่เติบโตดีต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในปีนี้ บริษัทไม่มีแผนเปิดโรงพยาบาลใหม่ ทำให้สามารถรับรู้รายได้ได้เต็มที่และไม่มีค่าใช้จ่ายฉุด นอกเหนือจากนั้นแล้ว ประมาณการของเราอาจมีอัพไซด์จากโควตาจำนวนผู้ประกันตนที่อาจได้เพิ่มเติมตามมาตรฐาน Thai Labor Standards

 

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า ภาพการดำเนินงานปี 62 ดูจะสดใสมากขึ้น i)นอกจากจำนวนผู้ประกันตนที่คาดจะเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี61 ที่ 8.04 แสนราย มาเป็น 8.80 แสนราย หรือสูงขึ้นราว 9% แล้ว (โดยล่าสุด 1 มี.ค. 62 จำนวนผู้ประกันตนเข้ามาใช้บริการเพิ่มแล้วกว่า 7.3 หมื่น ราย หรือที่ราว 8.52 แสนราย) คาดรายได้ประกันสังคมจะได้อานิสงส์เพิ่มอีกจากการเปลี่ยนแปลงวิธีจ่ายเงินค่าภาระเสี่ยง (RW<2) แบบใหม่ที่เป็นรายเดือน (จากเดิม 80:20) ทำให้จะมีเงินส่วนที่เหลือจากปี 61 ประมาณ 50% ที่คาดจะถูกบันทึกเข้ามาใน 2Q62 ส่งผลให้รายได้ประกันสังคมในปีนี้จะเติบโตสูงไม่น้อยกว่า10% (จากปีก่อนที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.1%) ii)จำนวนคนไข้ต่างชาติเข้ามารักษาโรคซับซ้อนและมีจำนวนวันนอนที่นานขึ้นโดยลูกค้า 3 อันดับแรกจากประเทศคูเวต กาตาร์ และโอมาน ซึ่งมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 28%, 9% และ5% ทำให้ในปีนี้นอกจาก รพ. WMH จะรับรู้กำไรเข้ามาเต็มปีแล้วก็คาดจะทำกำไรได้เพิ่มขึ้นอีก อยู่ที่100-150 ล้านบาทจากปี ก่อนหน้าที่มีกำไร 72 ล้านบาท จากเริ่มรับรู้กำไรเข้ามาครั้งแรกเมื่อ 2Q61

 

 


นอกจากนี้บริษัทจะเปิดให้บริการศูนย์ IVF เพิ่มอีก 1 ศูนย์ ในเดือน ก.ค. รองรับจำนวนเคสได้สูงสุดเดือนละ 100 เคส (หรือราวๆ 1,200 เคสต่อปี) iii)ในปีนี้ไม่มีการเปิดรพ.ใหม่เพิ่ม นอกเหนือไปจากรพ. KH RAM ที่เปิดให้บริการไปแล้ว เมื่อ ต.ค. 61 ซึ่งใน 4Q61 ที่ผ่านมา มี EBITDA ขาดทุนอยู่ที่ 13ล้านบาท แต่คาดว่าจะสามารถสร้างกำไรให้บริษัทได้ใน 2H62 จากค่อยๆ ขยาย Capacity การบริการเพื่อให้ครอบคลุมทั้งในกลุ่มลุกค้าเงินสด, ประกันสังคม และต่างชาติ เช่น ในกลุ่มอาหรับรวมทัง้ รพ.ในเครืออื่นๆ และ รพ. KIH RTB คาดจะมีรายได้เข้ามามากขึ้นภายหลังจากที่มีการปรับปรุงพื้นที่ให้บริการ และเปิดให้บริการศูนย์การแพทย์ใหม่ๆ iv)การตัง้ สำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจะลดลงอย่างมีนัยเมื่อเทียบกับปี ก่อนที่มีตัง้ สำรอง ฯ อยู่ประมาณ 65 ล้านบาท และอาจมีการกลับรายการบางส่วนเข้ามาในปีนี้ ซึ่งใน 1Q62 ได้รับเข้ามาแล้วจำนวน 10 ล้านบาท เบื้องต้นทางฝ่ายปรับประมาณการกำไรปี 62 ขึ้นเล็กน้อยเป็น 1,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.0% y-y และรายได้ค่ารักษาที่ 9,104 ล้านบาท สูงขึ้น 12.8% y-y

 

 


สำหรับแผนการเปิดรพ.ใหม่ ยังใกล้เคียงเดิม ได้แก่ รพ.เกษมราษฎร์สระแก้ว ขนาด 126 เตียง คาดจะเปิดให้บริการใน 2Q63 ,รพ. เกษมราษฎร์ปราจีนบุรี ขนาด 116 เตียง และ รพ.เกษมราษฎร์อินเตอร์เนชนแนล เวียงจันท์ ขนาด 254 เตียง (เฟสแรก 110 เตียง) จะเริ่มเปิดให้บริการใน 1Q64
ราคาพื้นฐานปี 62 ที่ 21.20 บาท คงคำแนะนำ "ซื้อ" ทางฝ่ายมีมุมมองบวกต่อการดำเนินงานมากขึ้นโดยใน1Q62 นี้ เชื่อจะเริ่มเห็นการกลับมาเติบโตของผลประกอบการได้ทั้งy-y และ q-q ปรับราคาพื้นฐานปี 62 ใหม่เป็น 21.20 บาท ระดับราคาหุ้นปัจจุบันแนะนำ "ซื้อ"

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า คงคำแนะนำ "ซื้อ" BCH ด้วย 1) เราคาดแนวโน้มผลประกอบการใน 1Q62 จะพลิกกลับมาเติบโต YoY อีกครั้ง เทียบกับไตรมาสก่อนได้รับผลกระทบจากโครงการประกันสังคมที่มีการปรับเทอมการชำระเงิน และล่าสุดถึงต้นเดือน มี.ค. บริษัทมีการขอโควต้าผู้ประกันตนเพิ่ม 9% YTD 2) ปี 2562 เรายังมองว่าเป็นอีกปีที่ดีของ BCH ไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ และรายได้จากทั้งกลุ่มเงินสดและประกันสังคมเติบโตดีต่อเนื่อง ผลักดันให้กำไรปกติขยายตัวอีก 19%YoY 3) เรามองประเด็นข่าวลบต่างๆ อาทิเรื่องการควบคุมยา เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีและสะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว ขณะที่ 4) ราคาปัจจุบันคิดเป็น PEG ปี 2562 ที่ 1.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 2.3 เท่า บน ROE ที่เพิ่มขึ้นเป็น 19% ในปี 2562

 

 

จากการประชุมวานนี้เราคงมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการใน 1Q62 ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัว YoY หลักๆจากโครงการประกันสังคม ซึ่งบริษัทมีการขอโควตาผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น จากข้อมูล ณ วันที่ 1 มี.ค ฐานผู้ประกันตนปรับเพิ่มขึ้น 73,400 ราย หรือ 9%YTD ขณะที่ผลกระทบจากการเปลี่ยนเทอมการจ่ายค่าภาระโรคเสี่ยงจากประกันสังคม จากปีก่อน ที่มีการบันทึก 2 งวดในครึ่งปีหลังรวม 70% ของที่เบิกจริง ในปีนี้เปลี่ยนมาบันทึกทุกเดือน และใน 2Q62 จะมีการบันทึกย้อนหลังส่วนที่เหลือคงค้างในปีก่อน ส่งผลให้รายได้ประกันสังคมเติบโตโดดเด่น (ดูรายละเอียดในรูปหน้าที่ 2)

 

 

เราคงประมาณการกำไรปี 2562 ที่ 1,297 ล้านบาท (+19%YoY) ผลักดันจากทั้งกลุ่มเงินสดและประกันสังคม ดังนี้ 1) คนไข้เงินสดคาดขยายตัวต่อเนื่อง จาก Organic Growth ราว 5% ต่อปี 2) ผลบวกเต็มปีจากการเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง 3 ศูนย์ที่เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ใน 4Q61 ที่ผ่านมา และในเดือน พ.ค. 2562 เตรียมเปิดเพิ่ม ศูนย์เด็กหลอดแก้ว (IVF) รองรับกลุ่มลูกค้าจีน บริษัทตั้งเป้า 40 เคสต่อเดือน เพิ่มรายได้ราว 15 ล้านบาทต่อเดือน 3) จำนวนผู้ประกันตนโครงการประกันสังคม คาดเพิ่มราว 10% จากปัจจุบันเป็น 880,000 ราย รองรับการเปิดให้บริการโรงพยาบาลเกษมราษฏร์รามคำแหง ใน 4Q61 ที่ผ่านมา 4) ในปีนี้เทอมการชำระเงิน จากโครงประกันสังคมในส่วนของภาระโรคเสี่ยง มีการ ปรับใหม่เป็นบันทึกทุกเดือน และทั้งปีคาดรับรู้รายได้ 100% ตามที่เบิกจริง เทียบปีก่อนที่รับรู้ 70% 5) ประสิทธิภาพในการทำกำไรมีแนวโน้มดีขึ้น

 

 

โดยอัตรากำไรสุทธิคาดเพิ่มขึ้นจาก 13.5% ในปี 2561 เป็น 14.3% ปี 2562 ด้วยผลการประหยัดต่อขนาด ผลบวกเต็มปีจากโรงพยาบาล WMC ที่พลิกทำกำไรตั้งแต่ 2Q61 และการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลง ส่วน downside risk ต่อประมาณการ จากผลกระทบมาตรฐานบัญชีฉบับใหม่เรื่อง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน หากเริ่มใช้ต้องตั้งค่าใช้จ่ายเพิ่มราว 20 ล้านบาท หรือ 1.5% ถือว่าไม่มาก

 

 

 

เราคงมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ BCH ในปี 2562 คาดเติบโตดีต่อเนื่อง และโดดเด่นสุดในกลุ่มโรงพยาบาล จากฐานกลุ่มลูกค้าเงินสดและกลุ่มประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น ส่วนประเด็นลบเรื่องการควบคุมราคายาเรามองว่าคลี่คลายไปในทางบวก และคาดว่าจะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัย เรายังคง มูลค่าที่เหมาะสม ณ สิ้นปี 2562 ที่ 23.20 บาท ด้วยวิธี DCF บนส่วนลด WACC ที่ 7.2%

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า คาดว่า WMH จะมีกำไรเติบโตก้าวกระโดดถึง 162% yoy ในปี 2019
- การที่โรงพยาบาลในเครือสามแห่งได้รับโควตาเพิ่มจากสำนักงานประกันสังคม ทำให้เราเชื่อว่ารายได้จากผู้ป่วยประกันสังคมจะเพิ่ม 5.5% ในปี 2019
- เรายังแนะนำ "ซื้อ" BCH ที่ราคาเป้าหมายเดิม 19.30 บาท (P/E 35x CY20, ค่าเฉลี่ยห้าปี)

 

BCH

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

HotNews: IND เตรียมศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานสะอาด

IND เตรียมศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานสะอาด ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 15%

สถานบันเทิงครบวงจร By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ยินดี สภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ลงมติ รายงานผลการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร...

มัลติมีเดีย

QTCG กระแสตอบรับดี/เปิดพื้นฐานก่อนเทรดวันที่ 4 เม.ย. - สายตรงอินไซด์ - 29 มี.ค.67

QTCG กระแสตอบรับดี/เปิดพื้นฐานก่อนเทรดวันที่ 4 เม.ย. - สายตรงอินไซด์ - 29 มี.ค.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้