
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (25 สิงหาคม 2564)--- PTG เด่น Theme Re-opening ธุรกิจน้ำมันและ Non-oil หนุนโต โบรกฯ เคาะเป้า 20.80 บาท มองราคาที่ปรับตัวลงมาเป็นโอกาสเข้าลงทุน
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า ได้จัดงาน TISCO Exclusive Talk โดยผู้บริหารของ PTG ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการดำเนินงานในช่วงเวลาที่เหลือของปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 4Q21 ซึ่งเป็นช่วง High season โดยสรุปประเด็นสำคัญต่อไปนี้
---บริษัทคงมองเป็นบวกในช่วงที่เหลือของปี---
ปริมาณขายน้ำมันของ PTG ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 และการล็อคดาวน์ 29 จังหวัด ส่งผลให้ปริมาณขายน้ำมันในเดือน ก.ค. ลดลง -12% YoY สำหรับ ส.ค. มีแนวโน้มที่ดีขึ้นด้วยกลับมาเติบโต 2-5% MoM แต่ยังลดลง -6-8% YoY ซึ่งบริษัทมองว่าหากสถานการณ์คลี่คลายรวมไปถึงการคลายล็อคดาวน์จะเห็นการเติบโตอย่างชัดเจนในไตรมาส 4 อย่างเช่น ในเดือน มี.ค. 21 หลังการระบาดระลอก 2 ผ่อนคลายลลง ปริมาณขายน้ำมันใน มี.ค. กลับมาเติบโต 20% MoM และสำหรับครั้งนี้ด้วยการระบาดและการล็อคดาวน์ที่ยาวนานกว่าทั้ง 2 ระลอก จะทำให้มีความต้องการเดินทางที่อั้นมามากกว่า ดังนั้น บริษัทคาดจะเห็นการพลิกกลับมาเติบโตในระดับที่สูงกว่า รวมกับการเข้าสู่ช่วง High season ของการใช้น้ำมันในปลายปี จะสามารถทำให้ปริมาณขายน้ำมันของบริษัทเติบโตได้ 8-12% YoY โดยใน 1H21 ปริมาณขายน้ำมันอยู่ที่ 2,626 ล้านลิตร (+8% YoY)
---คงเป้าส่วนแบ่งกำไรจากปาล์มคอมเพล็กซ์ 240-260 ล้านบาทในปีนี้---
บริษัทคาดธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์จะมีแนวโน้มดีขึ้นใน 4Q21F จากผ่านช่วง seasonal effect ด้านผลผลิต ความต้องการใช้ไบโอดีเซลที่เติบโตตามการฟื้นตัวของการใช้น้ำมันในประเทศ ใน 6M21 รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลงมาอยู่ที่ 111 ล้านบาท (-37% YoY) คิดเป็น 46% ของเป้าหมายของบริษัทที่ 240-260 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมองว่าขึ้นกับช่วงไตรมาส 4 ว่าจะฟื้นตัวได้มากน้อยเพียงใด หากมี downside คาดส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 220-250 ล้านบาท
---เป้า LPG Auto ส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในปีนี้ และ LPG Household เป็น Top 3 ใน 3 ปีข้างหน้า---
PTG ใช้เวลาเพียง 5 ปีในการขยับส่วนแบ่งตลาด LPG Auto ขึ้นเป็นอันดับ 2 และตั้งเป้าเป็นอันดับ 1 ในสิ้นปีนี้ สำหรับ LPG Household ซึ่งเพิ่งเริ่มในปีที่ผ่านมา และปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดอันดับ 6 (เพียง 1% เท่านั้น) ตั้งเป้าติด Top 3 ภายใน 3 ปีโดยการเพิ่มช่องทางจำหน่ายโดยการเพิ่ม Gas shop (ปัจจุบัน 109 สาขา) และโรงบรรจุเป็น 4 โรงในสิ้นปีนี้ ใน 6M21 ปริมาณขาย LPG อยู่ที่ 128 ล้านบาท (+91% YoY) สำหรับ 3Q21F เราเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ โดย ก.ค. เติบโต 67% YoY
---โครงการอื่นๆ ยังคงรอความคืบหน้า---
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าบริษัทรอการประกาศเงื่อนไขการรับซื้อไฟ บริษัทได้เตรียมจัดหาที่ปรึกษาโครงการ ซึ่งคาดว่ารัฐจะประกาศได้ภายในปีนี้
---มุมมองของเรา---
เรายังคงแนะนำ ซื้อ สำหรับ PTG ด้วยมูลค่าที่เหมาะสม 20.80 บาท (PER 20 เท่าปี 2021F) โดย PTG เป็นหนึ่งหุ้นใน Theme Re-opening ที่จะได้รับผลบวกจากสถานการณ์การระบาดเริ่มผ่อนคลาย การเร่งการกระจายการฉีดวัคซีน และแนวโน้มการปรับมาตรการของภาครัฐที่คาดจะเห็นในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งจะส่งผลดีต่อ PTG จากคาดจะเห็นดีมานด์การเดินทางที่อั้นในช่วงที่ผ่านมาหนุนปริมาณการใช้น้ำมันในช่วงที่เหลือของปี นอกจากนี้ ราคาหุ้น PTG เทรด Underperform กว่าตลาด และซื้อขายที่เพียง PER 17.5 เท่า ต่ำกว่า -0.5 SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต ด้วยเราคาดการฟื้นตัวในไตรมาส 4 และการเติบโตในปี 2022F ทั้งในธุรกิจน้ำมันและ Non-oil ดังนั้น เรามองราคาที่ปรับตัวลงมาเป็นโอกาสเข้าลงทุน
--- PTG ครึ่งปีแรก 64 กำไรเติบโตกว่า 43% ---
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 65,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,195 ล้านบาท หรือ 27.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,032 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 315 ล้านบาท หรือ 43.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ รายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น มาจากรายได้จากการขายและบริการในส่วนธุรกิจน้ำมัน คิดเป็นสัดส่วน 96.2% ของรายได้ทั้งหมด โดยเพิ่มขึ้น 27.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายน้ำมัน ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 17.5% ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้นเป็น 2,626 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 204 ล้านลิตร หรือ 8.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนสถานีบริการ(ปั๊มน้ำมัน) ที่ครอบคลุมทุกภาคของประเทศ
สำหรับรายได้ที่ไม่ได้มาจากธุรกิจที่ไม่ใช้น้ำมัน (Non-Oil) โดยรวมเพิ่มขึ้น 33.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจให้บริการขายแก๊ส LPG ในครึ่งปีแรก มีปริมาณการจำหน่ายแก๊สเพิ่มขึ้นเป็น 128 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 57 ล้านลิตร หรือ 80.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) แก๊ส LPG ผ่านทุกช่องทางเป็นอันดับ 4 ส่วนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, ร้านสะดวกซื้อ, ธุรกิจให้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์และอื่นๆ มีการให้บริการที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil ทั้งสิ้น 1,008 สาขา
แม้บริษัทฯ จะมีต้นทุนการขายและการบริการที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 59,908 ล้านบาท หรือ 29.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่การปรับราคาน้ำมันหน้าสถานีบริการสอดคล้องกับราคาต้นทุนน้ำมัน ทำให้ค่าการตลาดช่วงครึ่งปีแรกอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 5,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กำไรก่อนหักภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) อยู่ที่ 3,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 447 ล้านบาท หรือ 15.7%
จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในครึ่งปีแรก บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ โดยรักษามาร์เก็ตแชร์การจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการเป็นอันดับ 2 ที่ 18.7% ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของพีทีจียังคงเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรม โดยมีจำนวนสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG กว่า 2,114 สาขา กระจายกันอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ สัดส่วนหลักอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีผู้ใช้บริการทั้งกลุ่มรถยนต์, กลุ่มผู้ใช้รถการเกษตรและขนส่ง รวมถึงการเติบโตในธุรกิจแก๊ส LPG ที่ยังคงโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดแก๊ส LPG ผ่านสถานีบริการเป็นอันดับ 2 ที่ 16.4% จากการปรับแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งนี้ ที่ไม่รู้ว่าสถานการณ์นี้จะจบลงเมื่อไร ทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 บริษัทฯ ได้ประมาณการตัวเลขต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และเพื่อรักษากระแสเงินสดไว้ นายพิทักษ์ กล่าว
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ได้ปรับประมาณการและเป้าหมายในการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง โดยปรับลดการขยายสาขาและการลงทุน จากงบลงทุนทั้งหมด 4-5 พันล้านบาท เหลือ 3-3.5 พันล้านบาท ลดการขยายสาขาทั้งหมด จาก 3,160 เหลือ 3,030 สาขา รวมถึงได้ปรับการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งปี ลดลงเหลือ 5-8% จากเดิมที่คาดไว้โต 8-12% ส่งผลให้การเติบโตของ EBITDA ลดลงอยู่ที่ 8-12% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 10-15% แต่ ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG มากว่า 100% โดยเน้นการให้บริการธุรกิจ LPG ครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการดูแลชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม
----จบ----