สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (28 เมษายน 2564)--------- “WINMED” เคาะราคาขายหุ้นไอพีโอราคาหุ้นละ 3.10 บาท จำนวน 120 ล้านหุ้นเปิดจองซื้อ 30 เม.ย. 5 พ.ค. และ 6 พ.ค. เตรียมเทรดเข้า mai  11 พ.ค.นี้ ด้าน APM ที่ปรึกษาการเงิน เผยธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูง แต่งตั้ง FSS ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้น ผนึกบริษัทหลักทรัพย์อีก 5 แห่ง ร่วมจำหน่าย

ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ WINMED เปิดเผยว่า บมจ. วินเนอร์ยี่ เมดิคอล ลงนามสัญญาแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น WINMED พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 5 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์ เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า WINMED เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 120 ล้านหุ้นหรือคิดเป็นสัดส่วน 30 % ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยในวันที่ 28 เม.ย. สำนักงาน ก.ล.ต. ได้แจ้งให้แบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ  WINMED เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 120 ล้านหุ้น มีการกำหนดราคา IPO ที่หุ้นละ 3.10 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน และสอดคล้องกับสภาวะของตลาดในปัจจุบัน

ด้านการคำนวณสำหรับราคาหุ้นที่เสนอขายที่หุ้นละ 3.10 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) เท่ากับ 24.04 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -31 ธันวาคม 2563) ซึ่งมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่เท่ากับ 51.59 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 400 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 0.1290 บาท

โดย WINMED ถือเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เฉพาะทาง ที่ต้องอาศัยนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในผลิตภัณฑ์ชุดตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (ThinPrep) เป็นอันดับ 1 ในประเทศ และยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 1 ใน 3 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ Blood Bank และ Blood Safety นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการในอนาคตอีก 2 โครงการที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ WINMED ได้อย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งในอนาคต โดยกำหนดวันจองซื้อหุ้นในระหว่างวันที่ 30 เม.ย. และ 5-6 พ.ค.64 และคาดว่าจะนำหุ้น WINMED จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่11 พฤษภาคม นี้ ในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า  “WINMED”

ด้าน นายนันทิยะ ดารกานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ WINMED เปิดเผยว่า บริษัทได้มีเป้าหมายการดำเนินงานคาดว่า ภายหลังการจะทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯจะทำให้ภาพรวมรายได้ของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการได้รับเงินระดมทุนไปใช้ใน 2 โครงการใหม่ ซึ่งเป็นการลงทุนระหว่างปี 2564-2566 ได้แก่ โครงการลงทุนก่อสร้างห้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ผ่านชุดเก็บเซลล์ผิดปกติที่ปากมดลูก จากช่องคลอดด้วยตนเอง (Self Collect) ประมาณ 17-22 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในปีนี้

และใช้งบลงทุนจำนวน 65-80 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการก่อสร้างห้องปฏิบัติการที่ครอบคลุมด้านการเตรียมผลิตภัณฑ์เซลล์เพื่อการรักษาด้วยวิธีเซลล์บำบัด (Cell Therapy) คาดว่าจะรับรู้รายได้ไตรมาส 1/65 ขณะที่ส่วนที่เหลือจะนำไปชำระคืนเงินกู้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดยปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วรหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 1.61 เท่า ภายหลังเข้าระดมทุน D/E จะทำให้ลดลงเหลือ 0.5เท่า

“เรามั่นใจว่าทั้ง2 โครงการใหม่จะสร้างการเติบโตให้กับWINMED อย่างก้าวกระโดด เป็นที่ต้องการกับกลุ่มลูกค้าอย่างแน่นอน เนื่องจาก การตรวจหามะเร็งปากมดลูกในสุภาพสตรีด้วยตัวเอง ในปัจจุบันนั้นยังไม่ได้เป็นที่แพร่หลาย ขณะที่ปัจจุบันมีประชากรในประเทศกว่า 21ล้านคน ที่ต้องตรวจมะเร็งปากมกลูก แต่ที่ยังไม่ได้รับการตรวจมีมากถึงราว 13-14ล้านคน เนื่องจากสุภาพสตรีส่วนใหญ่นั้น ยังไม่กล้าหรืออายที่จะเข้าไปตรวจในโรงยาบาล หากโครงการตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเองสำเร็จ จะสร้างยอดขายให้เติบโตมาก ตามดีมานด์ความต้องการตรวจมะเร็งปากมดลูกที่ยังมีอยู่” นายนันทิยะ กล่าว

---จบ---