
HotNews : CKP วางเป้าปี 64 รายได้โต 10-15% ใส่เกียร์ขยาย Renewable Energy
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (23 กุมภาพันธ์ 2564) CKP สร้างกำไรปี 63 โตเท่าตัว ผลจากการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพคาดปี 2564 รายได้โตต่อเนื่อง 10-15% ปัจจัยหนุนจากโรงไฟฟ้าทุกโรงเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต พร้อมขยายการลงทุน Renewable Energy เพิ่ม
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) CKP เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาสที่ 4/2563 และตลอดทั้งปี 2563 พลิกสร้างกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้น แม้รายได้รวมจะลดลง โดยตลอดทั้งปี กลุ่ม CKPower มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติในส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทรวม 404.7 ล้านบาท โตขึ้น 212.7 ล้านบาท จากปี 2562 ที่มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวของบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ในปี 2562) เพียง 192 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 110.8 ขณะที่ในไตรมาส 4 มีกำไรสุทธิ 7.8 ล้านบาท พลิกสร้างกำไรโตถึงร้อยละ 112.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 อย่างไรก็ตาม รายได้รวมของกลุ่มมีรายได้ลดลง โดยในปี 2563 มีรายได้รวม 7,177.5 ล้านบาท ลดลง 1,662.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งลดลงร้อยละ 18.8 เช่นเดียวกับรายได้รวมของไตรมาส 4 มีรายได้รวม 1,453.4 ล้านบาท ลดลง 655.8 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ซึ่งลดลงร้อยละ 31.1
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้กลุ่ม CKPower มีผลประกอบการกำไร มาจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าและการบริหารทางการเงิน อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในไตรมาส 4/2563 มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและต้นทุนขาย รวมที่ 1,530.6 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ 11.4 และมีต้นทุนทางการเงิน รวมที่ 255.3 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ 1.8
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและต้นทุนขาย ทั้งปี 2563 อยู่ที่ 6,417.5 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 8.6 และต้นทุนทางการเงินรวมที่ 996.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14.2 อีกทั้ง CKPower ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน XPCL ที่มีการดำเนินงานเต็มทุกไตรมาสเป็นปีแรก ขณะที่ โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น (BIC) ไม่มีการหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่ และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ บางเขนชัย (BKC) สามารถเปลี่ยนแผงโซลาร์แล้วเสร็จตามแผน มีผลทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของแผงได้ถึง 25% โดยทยอยผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้เต็มกำลังผลิตและเป็นไปตามเป้าอีกด้วย
สำหรับ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 (NN2) มีปริมาณการขายไฟฟ้าในปี 2563 ที่ 920 ล้านหน่วย ลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 45.4% เนื่องจากในช่วงต้นปี 2563 มีปริมาณน้ำคงเหลือในอ่างเก็บน้ำของ NN2 อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในปี 2563 มีปริมาณน้อยกว่าปี 2562 ร้อยละ 6.6 ทำให้ NN2 ต้องประกาศความพร้อมจ่ายไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง เพื่อบริหารจัดการให้มีการสำรองปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ส่วน BIC ถึงแม้จะมีการหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมแซม Gas Turbine ของ BIC-1 ก็ยังสามารถขายไฟฟ้าได้ 1,536 ล้านหน่วย ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2562 นอกจากนี้ทางไซยะบุรี ได้ดำเนินงานเต็มปี มีการขายไฟฟ้าในปี 2563 ได้ถึง 6,301 ล้านหน่วย
"ผลประกอบการของกลุ่ม CKPower ในปี 2563 ที่สามารถสร้างกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นนั้น เป็นเพราะบริษัทฯ มีการบริหารจัดการด้านการเดินเครื่องและบำรุงรักษาที่มีประสิทธิภาพ และให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาเสถียรภาพเพื่อสร้างความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้าส่งขายได้ตามสัญญาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการมีจุดแข็งที่กระจายการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหลากหลายประเภท ทำให้การดำเนินธุรกิจในภาวะที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 เป็นไปได้ด้วยดี และในปี 2564 บริษัทฯ ยังคงยึดแนวทางการบริหารงานดังกล่าว พร้อมทั้งพัฒนาการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพภาพมากขึ้นโดยการบริหารให้เกิด Economies of Scale ในการทำงานด้วย" นายธนวัฒน์ กล่าว
นายธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในปี 2564 นี้ CKPower มีการจัดสรรงบลงทุนไว้ประมาณ 2,000 – 4,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในโครงการพลังน้ำขนาดใหญ่และโครงการ Renewable โดยมีแหล่งที่มาของเงินทุนจากการออกหุ้นกู้ ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีกประมาณ 4,000-6,000 ล้านบาท รวมกับเงินคงเหลือจากการออกหุ้นกู้ในปลายปี 2563 ประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอสำหรับรองรับการขยายธุรกิจและนำมาไถ่ถอนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนจำนวน 4,000 ล้านบาทในเดือนมิถุนายน 2564 ทั้งนี้ กลุ่ม CKPower
คาดว่าในปีนี้จะมีรายได้โตประมาณ 10-15% ซึ่งจะเป็นรายได้จาก NN2 ที่มีการสำรองน้ำในอ่างเก็บน้ำในปลายปี 2563 เพื่อใช้ผลิตไฟฟ้า และคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในปีนี้จะมากกว่าปีก่อน เช่นเดียวกับปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าไซยะบุรีก็คาดการณ์ว่าจะมากกว่าปีก่อนเช่นกัน ส่วนโรงไฟฟ้าของ BIC-1 และ BIC-2 ยังคงผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องตามปกติ ขณะที่โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์อีก 7 แห่ง จะสามารถจ่ายไฟได้เต็มปีใน 2564 นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจ Renewable Energy ซึ่งเป็นพลังงานที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นโอกาสที่ได้ขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย
อนึ่ง CKPower ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 13 แห่ง รวมขนาดกำลังการผลิตติดตั้งที่ 2,167 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่ง ภายใต้ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 46% (ถือผ่าน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 615 เมกะวัตต์ และบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 37.5% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม จำนวน 2 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 65% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 238 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 100% จำนวน 7 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 15 เมกะวัตต์ ภายใต้ บริษัท เชียงรายโซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์ และภายใต้บริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์
บล.เคทีบีเอสที แนะนำซื้อ CKP เคาะเป้า 5.80 บาท/หุ้น
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คงคำแนะนำ ซื้อ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) CKP และราคาเป้าหมายที่ 5.80 บาท อิง DCF (WACC 5.5%, no terminal growth) ทั้งนี้บริษัทประกาศกำไรปกติ 4Q20 ที่ 12 ล้านบาท (-27% YoY, -99% QoQ) ต่ำกว่าที่ตลาดประเมินกำไรที่ 50 ล้านบาท โดยกำไรลดลงทั้ง YoY, QoQ จากโครงการหลักแจ้งผลิตไฟฟ้าได้น้อยลง โครงการน้ำงึม 2 ประกาศเป็นปีแล้งและโครงการไซยะบุรีผ่านช่วงฤดูฝนในไตรมาส 3 ทั้งนี้เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2021E ที่ 1.8 พันล้านบาท (+358% YoY) แม้กำไรใน 4Q20 ต่ำกว่าที่เราประเมิน การที่น้ำงึม 2 แจ้งผลิตไฟฟ้าได้ลดลง YoY เป็นเพราะแจ้งเป็นปีภัยแล้งและผลิตไฟฟ้าเชิงระมัดระวัง ไม่ใช่เป็นเพราะปริมาณน้ำยังลดลง YoY โดยจากข้อมูลปริมาณน้ำปี 2020 โดยเฉพาะใน 4Q20 ต่อเนื่องมายังเดือนมกราคม 2021 มี water inflow เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (+27% YoY และ +50% YoY ตามลำดับ) ทำให้โครงการน้ำงึม 2 จะผลิตไฟฟ้าในปี 2021E ได้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บนสมมติฐานสภาพอากาศเป็นปกติ
ราคาหุ้นปัจจุบัน underperform SET ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา คาดมาจากการขายทำกำไรหลังผ่านช่วง high season ในไตรมาส 3 ทั้งนี้เราประเมินราคาหุ้นสามารถ outperform ตลาดได้ในปี 2021E จากแนวโน้มสภาพอากาศเป็นปกติทำให้แจ้งผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นต่อผลประกอบการที่จะฟื้นตัวต่อเนื่องในปีนี้
4Q20 กำไรปกติต่ำกว่าที่ตลาดประเมิน แจ้งผลิตไฟฟ้าน้อย บริษัทประกาศกำไรปกติ 4Q20 ที่ 12 ล้านบาท (-27% YoY, -99% QoQ) ต่ำกว่าที่ตลาดประเมินกำไรที่ 50 ล้านบาท ลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากโครงการน้ำงึม 2 ประกาศเป็นปีภัยแล้งทำให้แจ้งผลิตไฟฟ้าเชิงระมัดระวัง โดยใน 4Q20 แจ้งผลิตไฟฟ้า 102GWh (-72% YoY, -75% QoQ) ในขณะที่โครงการไซยะบุรีผลิตไฟฟ้าได้ราว 1,650GWh (-29% QoQ) จากปัจจัยฤดูกาล (ผ่านฤดูฝนในไตรมาส 3) ในขณะที่กำไรปกติทั้งปี 2020 อยู่ที่ 394 ล้านบาท (+47% YoY) ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายปันผลงวดปี 2020 ที่ 0.035 บาทต่อหุ้น (Div. yield 0.8%) XD 26/4/21
ยังคงประมาณการปี 2021E ผลประกอบการฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้กำไรปกติใน 4Q20 จะออกมาต่ำกว่าที่เราและตลาดประเมิน อย่างไรก็ตามจำนวนส่วนต่างที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบต่อคาดการณ์ปริมาณน้ำที่ส่งต่อมายัง 1H21E อย่างมีนัยสำคัญ การผลิตไฟฟ้าที่น้อยลงของโครงการน้ำงึม 2 เกิดจากการประกาศปี 2020 เป็นปีแล้งทำให้บริษัทแจ้งผลิตไฟฟ้าอย่างระมัดระวังเพื่อให้ระดับน้ำปลายปีให้เพียงพอต่อการผลิตไฟฟ้าใน 1H21E แม้ปริมาณ water inflow ใน 4Q20 จะอยู่ที่ 681 MCM (+27% YoY) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และต่อเนื่องมายังเดือน มกราคม 2021 ที่ 111 MCM (+50% YoY) ทำให้ประเมินโครงการน้ำงึม 2 จะสามารถแจ้งผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และบนสมมติฐานสภาพอากาศเป็นปกติ ทำให้เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2021E ที่ 1.8 พันล้านบาท (+358% YoY)
ราคาเป้าหมาย 5.80 บาท อิงวิธี DCF (WACC 5.5%, no terminal growth) ทั้งนี้ความเสี่ยงสำคัญคือสภาพอากาศซึ่งส่งผลต่อปริมาณน้ำที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าในโครงการหลัก (Hydro power plant) ในขณะที่ upside risk คือการเจรจาโครงการ Hydro power plant ขนาดราว 1.5GW ร่วมกับพันธมิตร คาดเห้นความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในปี 2021E