Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : KK จ่อคิวเทรด mai Q4 นี้ ระดมทุนขยาย 3 สาขาใหม่

3,175

HotNews : เคแอนด์เค จ่อคิวเทรด mai Q4 นี้ ระดมทุนขยาย 3 สาขาใหม่

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (17 กันยายน 2563) เคแอนด์เค เตรียมขาย IPO 69 ล้านหุ้น คาดเข้าเทรดในmai Q4/63 ระดมทุนขยาย 3 สาขาใหม่ - ชำระหนี้ คาดกด D/E ลดลงเหลือ 1 เท่า จากครึ่งปีแรกของปี 63 อยู่ที่ 2.61 เท่า หนุนฐานทุนใหญ่ขึ้น

 

 


นายกวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น จำกัด (มหาชน) KK เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 69 ล้านหุ้น หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่ง KK เรียบร้อย คาดจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในไตรมาสที่ 4/2563

 

 


สำหรับการระดมทุนเงิน บริษัทฯ จะนำเงินไปใช้ในการขยายสาขาเพิ่มเติม จำนวน 3 สาขา ประกอบด้วย สาขาในจังหวัดสงขลา จำนวน 2 สาขา และสาขาตรัง 1 สาขา ซึ่งเป็นจังหวัดใหม่ที่บริษัทจะเข้าไปทำตลาด

 

 


ทั้งนี้การสร้างสาขาใหม่ จะเป็นการเช่าที่ดินและสร้างอาคารแบบชั้นเดียวขนาด44 ตาราเมตร ด้วยเงินลงทุน 12 ล้านบาท/สาขา ปัจจุบันบริษัทฯ มีสาขาทั้งหมด 28 สาขา ประกอบด้วย สาขาในจังหวัดสงขลา 25 สาขา (แบ่งเป็นในหาดใหญ่ 19สาขา และจังหวัดใกล้เคียง 6 สาขา) สาขาจ.พัทลุง 2สาขา และสงขลา 1 สาขา ซึ่งภายหลังที่ขยายสาขาครบ3สาขา จะทำให้มีสาขาทั้งหมด 31 สาขา สำหรับพื้นที่ในการก่อสร้าง บริษัทจะเลือกทำเลบริเวณชานเมืองและตัวเมืองที่มีคนสัญจร ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเจรจากับเจ้าของที่ดินเพื่อได้ข้อสรุปราคา

 

 

สำหรับธุรกิจของบริษัท จะเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มแม่บ้านในเขตจังหวัดนั้นๆ ที่ต้องการจับจ่ายใช้สอยสินค้าครัวเรือน หรือสินค้ากึ่งสำเร็จรูป ที่ต้องใช้หรือบริโภคในชีวิตประจำวัน โดย บริษัทมองว่าจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดขึ้น ยิ่งส่งผลบวกให้บริษัทมียอดขายที่เพิ่มมากขึ้นจากผู้บริโภคที่ต้องการกักตุนสินค้า รวมถึงในช่วงปัจจุบันที่ราคายางซึ่งเป็นผลผลิตและเป็นแหล่งอาชีพส่วนใหญ่ของคนในภาคใต้มีราคาปรับตัวดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังทรัพย์ในการจับจ่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้น

 

 


พร้อมกันนี้มองว่า ช่วงไตรมาสที่4/2563 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ทั้งราคายาง ที่ปัจจุบันไต่ระดับราคาเฉลี่ยนมาอยู่ที่ราวๆ 50 บาท/กิโลกรัม จากช่วงก่อนหน้าที่อยู่ที่ประมาณ 31บาท/กิโลกรัม ประกอบกับเป็นช่วงที่ภาครัฐออกแคมเปญต่างๆที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีการเพิ่มวงเงิน500บาท/เดือน เป็นระยะเวลา3เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม ซึ่งผู้ถือบัตรดังกล่าวสามารถใช้ซื้อสินค้าของบริษัทได้ทุกสาขา และ โครงการคนละครึ่ง ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างทำข้อตกลงว่าจะสามารถเข้าร่วมแคมเปญได้หรือไม่

 

 

ด้านกลยุทธ์การดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 บริษัทมีการรุกพัฒนาแอพลิเคชั่นออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงและเพิ่มความอำนวยความสะดวกและกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค อาทิ แอพลิเคชั่น K&K Superstore ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งในระบบ ios และ android โดยจะเป็นแอพฯที่ให้ผู้ซื้อสินค้าแต่ละสาขาของบริษัทสะสมแต้มหรือพ้อยท์ในทุกๆการซื้อ เพื่อนำมาเป็นส่วนลดหรือแลกของแถมจากบริษัทตามแคมเปญในช่วงเวลาต่างๆที่บริษัทกำหนด ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายว่าในแต่ละเดือนจะมีเมมเบอร์ใหม่เข้ามาโหลดและสมัครสมาชิก ไม่ต่ำกว่า200 สมาชิก/สาขา/เดือน

 

 

 

 

 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนสร้างฟังก์ชั่น DIY ซึ่งจะสร้างโปรแกรมที่ลูกค้าสามารถกดสาขาที่ต้องการ และเลือกซื้อสินค้าผ่านแอพลิเคชั่นได้ โดยพนักงานจะจัดของให้ตามที่ลูกค้ากดส่งมา แล้วนัดเวลารับสินค้าในสาขาที่ลูกค้ากำหนดได้ ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าโดยไม่ต้องเดินทางมาเลือกซื้อด้วยตนเอง หรือเรียกว่าบริการ Pick-Up Service

 

 

ด้านนายกวิศพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยจำนวนระดมทุนหุ้น เพียง69ล้านหุ้นนั้น ถือว่าเป็นจำนวนน้อย แต่ได้แบ่งสัดส่วนให้เหมาะสมตามขนาดฐานทุนจดทะเบียน และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีความต้องการรักษาสัดส่วนการถือหุ้นเอาไว้ ซึ่งเมื่อบริษัทได้เงินที่ได้จากการเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะนำเงินไปชำระหนี้สินที่เกิดขึ้นกับทางธนาคาร ซึ่งจะทำให้ค่า D/E ลดลงเหลือ 1 เท่า จากครึ่งปีแรกของปี2563 ที่บริษัทมี D/E อยู่ที่ 2.61 เท่า และทำให้ฐานทุนของบริษัทใหญ่ขึ้น

 

 

“บริษัทของเราเป็นห้างภูธรที่อยู่ในตลาดค้าปลีกมานาน เป็นที่รู้จักและให้การตอบรับจากชาวภาคใต้เป็นอย่างดี ซึ่งเราพยายามที่จะทำให้นักลงทุนให้เห็นว่า ห้างค้าปลีกท้องถิ่นก็สามารถแข่งขันกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำได้เช่นกัน ก็หวังว่านักลงทุนจะให้โอกาสธุรกิจของเรา เพื่อแสดงศักยภาพการเป็นหนึ่งในห้างชั้นนำที่แข็งแกร่งของภาคใต้“ นายกวิศพงษ์ กล่าว

 

 

 

 

 

 

เจาะลึก “KK” 

 


บริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “KK”) จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2536 มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค โดยธุรกิจค้าปลีกเป็นการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านร้านสาขาชื่อ “เค. แอนด์ เค. ซุปเปอร์สโตร์” จำนวน 28 สาขา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดสงขลา พัทลุง และสตูล รวมถึงบริษัทฯ มีศูนย์กระจายสินค้าจำนวน 1 แห่งในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค และเป็นสถานที่กระจายสินค้าให้แก่ร้านสาขาของบริษัทฯ ทั้งนี้ ด้วยการดำเนินธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่จังหวัดสงขลามาเป็นระยะเวลามากกว่า 27 ปี ทำให้บริษัทฯ มีความเข้าใจในวิถีการดำเนินชีวิตและความต้องการสินค้าของคนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี บริษัทฯ มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “ซื้อของครบ พบของถูก ถูกทุกวัน ที่ K&K ทุกสาขา ใกล้บ้านคุณ”

 

 

บริษัทฯ จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่า 8,000 รายการ ในรูปแบบสินค้าปลีก สินค้าเป็นแพ็ค และสินค้าเป็นลัง เพื่อรองรับความต้องการสินค้าในรูปแบบต่างๆ ของลูกค้าที่มาซื้อสินค้าในร้านสาขา และลูกค้าค้าส่งที่ต้องการซื้อสินค้าไปเพื่อจำหน่ายต่อ ทั้งนี้ ลักษณะสินค้าของบริษัทฯ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ สินค้าอุปโภค และสินค้าบริโภค มีรายละเอียดดังนี้

 

 

1. สินค้าอุปโภค ประกอบด้วยสินค้า 5 หมวดดังนี้
• ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือน ได้แก่ ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาอัดกลีบ เป็นต้น
• ผลิตภัณฑ์ของใช้ประจำวัน ได้แก่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เป็นต้น
• ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวและเส้นผม ได้แก่ แชมพู ครีมอาบน้ำ สบู่ เป็นต้น
• ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม ได้แก่ แป้ง ครีมบำรุงผิว โคโลญจน์ เป็นต้น
• ผลิตภัณฑ์ของใช้เด็กและผู้ใหญ่ ได้แก่ แปรงล้างขวดนม ผ้าอ้อมเด็ก ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เป็นต้น

 

 


2. สินค้าบริโภค ประกอบด้วยสินค้า 5 หมวดดังนี้
• ผลิตภัณฑ์ชงดื่ม ได้แก่ ผงโกโก้ กาแฟ ครีมเทียม เป็นต้น
• ผลิตภัณฑ์นมปรุงแต่ง ได้แก่ นมผง นมข้นหวาน นม UHT เป็นต้น
• ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ได้แก่ น้ำดื่ม น้ำอัดลม เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ เป็นต้น
• ผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงและอาหารแห้ง ได้แก่ เครื่องปรุงรส น้ำมันพืช ข้าวสาร เป็นต้น
• ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว ได้แก่ ขนมขบเคี้ยว หมากฝรั่ง ลูกอม เป็นต้น

 

 


บริษัทฯ มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวน 2 ช่องทาง ได้แก่ การจำหน่ายสินค้าผ่านร้านสาขา และการจำหน่ายสินค้าค้าส่งผ่านศูนย์กระจายสินค้า มีรายละเอียดดังนี้

 

 

 

 

1.การจำหน่ายสินค้าผ่านร้านสาขา


บริษัทฯ จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในลักษณะการขายปลีกผ่านร้านสาขาในรูปแบบร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต ภายใต้ชื่อร้าน “เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์” จำนวน 28 สาขา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดสงขลา พัทลุง และสตูล โดยร้านสาขาจะตั้งอยู่ในเขตชุมชนที่เป็นที่พักอาศัย และตั้งอยู่บนถนนเส้นหลักที่มีการสัญจรของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ลูกค้าที่มาซื้อสินค้าในร้านสาขาจะมีลักษณะการซื้อสินค้าไปเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน และส่วนใหญ่เป็นการซื้อสินค้าเพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือน ทั้งนี้ ลูกค้าเป้าหมายของการจำหน่ายสินค้าผ่านร้านสาขา ได้แก่

 

 

• ลูกค้าทั่วไปทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ ที่พักอาศัยอยู่ใกล้กับร้านค้าสาขา
• ลูกค้าที่สัญจรผ่านหน้าร้านค้าสาขา
• กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ผ่านหน้าร้านสาขา

 

 

2.การจำหน่ายสินค้าค้าส่งผ่านศูนย์กระจายสินค้า

บริษัทฯ มีศูนย์กระจายสินค้าจำนวน 1 แห่งตั้งอยู่ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าแบบค้าส่งให้แก่ลูกค้า รวมถึงเป็นสถานที่กระจายสินค้าให้แก่ร้านสาขาของบริษัทฯ ลูกค้าที่ซื้อสินค้าค้าส่งจะมีลักษณะการซื้อสินค้าที่หลากหลาย และมีปริมาณการสั่งซื้อต่อครั้งในจำนวนมาก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำสินค้าไปจำหน่ายต่ออีกทอดหนึ่ง ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของการจำหน่ายสินค้าค้าส่งผ่านศูนย์กระจายสินค้า คือ ผู้ประกอบการร้านค้าปลีกที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสงขลา และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง

 

 


ในปี 2559 – 2562 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายจำนวน 941.57 ล้านบาท 929.21 ล้านบาท 938.97 ล้านบาท และ 929.30 ล้านบาท ตามลำดับ และงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายจำนวน 481.98 ล้านบาท

 

 

ในปี 2559 – 2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 16.91 ล้านบาท 17.90 ล้านบาท และ 16.26 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 1.79 ร้อยละ 1.91 และร้อยละ 1.71 ตามลำดับ

 

 

ในปี 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า มีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าเช่าพื้นที่หัวชั้นและกองโชว์ซึ่งบันทึกเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนขาย ทำให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า
ในปี 2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิลดลงจากปีก่อนหน้า มีสาเหตุหลักจากการลดลงของกำไรขั้นต้น และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเปิดร้านสาขาใหม่ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ค่าสาธารณูปโภค ค่าเช่า เป็นต้น ส่งผลให้กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้า

 

 

ในปี 2562 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 11.53 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 1.23 ซึ่งกำไรสุทธิลดลงจากปีก่อนหน้ามีสาเหตุหลักจากการลดลงของรายได้จากการขายจากการค้าปลีก และบริษัทฯ มีต้นทุนในการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเปิดร้านสาขาใหม่ การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในร้านสาขา และค่าเสื่อมราคา และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการบริหารจากการปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานประจำปี การปรับเพิ่มอัตราค่าชดเชยให้กับลูกจ้างที่ทำงานตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปให้ได้ค่าชดเชยอัตราใหม่เป็น 400 วัน (จากเดิม 300 วัน) และการเพิ่มขึ้นของค่าที่ปรึกษาในการวางกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ

 

 

งวด 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 6.77 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 1.40 ซึ่งกำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้ามีสาเหตุหลักจากบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากรายได้ค่าหัวชั้นและกองโชว์และรายได้ส่งเสริมการขายที่ลดลง ซึ่งรายการดังกล่าวบันทึกหักจากราคาสินค้าหรือหักลดยอดต้นทุนขาย รวมถึงบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานประจำปี และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

 

 

รวมถึงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงินตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่องสัญญาเช่า ซึ่งบริษัทฯ ได้นำมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้มาถือปฏิบัติใช้ครั้งแรก

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

Thailand Focus By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ วันแรก งานThailand Focus 2025 เช้าวันนี้ หุ้นไทยบวก 5.22 จุด บ่ายวันนี้ ...

PTG มุ่งมั่นปลูกฝัง DNA ความยั่งยืน ได้รับเกียรติบัตร "โครงการ ESG DNA" จากตลาดหลักทรัพย์ฯ

PTG มุ่งมั่นปลูกฝัง DNA ความยั่งยืน ได้รับเกียรติบัตร "โครงการ ESG DNA" จากตลาดหลักทรัพย์ฯ

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้