HotNews : KSL ไตรมาส 3 (พ.ค.-ก.ค.63) กำไรวูบ 10% เหตุภัยแล้ง ฉุดอ้อยเข้าหีบ

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (11 กันนายน 2563)  "จำรูญ ชินธรรมมิตร์ " แม่ทัพใหญ่ KSL เผยไตรมาส 3 (พ.ค.-ก.ค.63) กำไร 196 ล้านบาทลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 217 ล้านบาท หรือลดลง 10% เหตุรับผลกระทบภาวะภัยแล้งในประเทศไทยทำให้ปริมาณอ้อยเข้าหีบในประเทศ ฤดูปี 62/63 ลดลงอย่างมาก

นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานกรรมการบริหาร และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) KSL เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 3 รอบปีบัญชี 2563 (ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 196 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 217 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 10

ทั้งนี้รายได้จากการขายและให้บริการจำนวน 3,024 ล้านบาท ลดลจากไตรมาสเดียวกันของปี่ก่อนที่มีรายได้จากการขายและให้บริการจำนวน 4,421 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 32

ทั้งนี้รายได้จากการขายและการให้บริการที่ลดลงจำนวน 1,397 ล้านบาท หรือร้อยละ 32 มีสาเหตุหลักจากรายได้จากการขายน้ำตาลที่ลดลง โดยมีปริมาณขายน้ำตาลรวมในไตรมาสปัจจุบัน 162,632 ตัน

ซึ่งลดลงร้อยละ 47 ตามปริมาณการผลิตน้ำตาลที่ลดลง อันเป็นผลมาจากภาวะภัยแล้งในประเทศไทยทำให้ปริมาณอ้อยเข้าหีบในประเทศ สำหรับฤดูการผลิตปี2562/2563 ลดลงอย่างมาก ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ยของน้ำตาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เนื่องจากราคาตลาดโลกของน้ำตาลปรับตัวสูงขึ้นในปี 2563 อยู่ที่ระดับราคา 13 - 15 เชนต์/ปอนด์

สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2563 บริษัทมีกำไรขั้นต้น 475 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นตันร้อยละ 16 ซึ่งลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 791 ล้านบาท หรืออัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 18 โดยกำไรขั้นต้นลดลงตามปริมาณขายที่ลดลง และ
อัตรกำไรขั้นต้นที่ลดลงเป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น

เนื่องจากต้นทุนค่าวัตถุดิบ (อ้อย) และต้นทุนการผลิตอื่นต่อหน่วยที่สูงขึ้นจากการลดลงของปริมาณอ้อยเข้าหีบ ทั้งนี้ ราคาอ้อยที่คำนวณโดยอ้างอิงตามวิธีคำนวณจากสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายสำหรับฤดูการผลิตปี 2562/2563 สูงขึ้นจากปีก่อน โดยบริษัทฯประมาณการค่าอ้อยปีการผลิตปี 2562/2563 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนในอัตราร้อยละ 19

ด้านบล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า แม้เศรษฐกิจโลกที่อ่อนจะส่งผลต่อการบริโภคน้ำตาลลดลง อีกทั้งราคาน้ำมันลดลงส่งผลให้นำอ้อยไปผลิตเป็นน้ำตาลมากขึ้นจากผลตอบแทนที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม COVID-19 ที่เกิดในบราซิล และการส่งออกน้ำตาลมากขึ้นจะทำให้แย่งการขนส่งกับพืชอื่น รวมถึงเงินเรียลอ่อนค่า

แม้แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีดีขึ้นจากไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษอย่างที่ผ่านมา และรับรู้กำไรจากบ. ร่วมดีขึ้น แต่จากต้นทุนอ้อยเพิ่มขึ้นและการดำเนินงานต่ำคาดทำให้ทางฝ่ายปรับการดำเนินงานลงเป็นขาดทุนสุทธิ 374 ลบ. ภายใต้ยอดขาย 14,870 ลบ. -15% อีกทั้ง margin ลดลงจากต้นทุนเพิ่มปรับคำแนะนำเป็น "ทยอยซื้อ" ราคาพื้นฐาน 2.50 บาทขณะที่ทางฝ่ายคาดราคาน้ำตาลผ่านจุดต่ำสุดแล้วและแนวโน้มการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีดีขึ้น