Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : MINT ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

2,681

HotNews : MINT ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(20 สิงหาคม 2563) MINT ให้ข้อมูล นลท. ในงาน Opportunity Day เชื่อรายได้ปี 64 กลับมาฟื้นตัว หลังโควิด-19 คลี่คลาย หวังมาตราการจากรัฐฯในแต่ละปท.ช่วยหนุน ขณะที่ยังมั่นใจผลงาน H2/63 ดีกว่า H1/63 หลังผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ชูกลยุทธ์ลดต้นทุน-กอดกระแสเงินสดแน่น

 

 

 


นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT  เปิดเผยว่า บริษัทฯเชื่อว่ารายได้ปี 2564 จะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ เนื่องจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 เริ่มคลี่คลายบ้างแล้ว และหลายประเทศอาจมีการเปิดน่านฟ้าให้มีเส้นทางบินระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้ยังคงต้องจับตาดูสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเนื่องจากไม่สามารถระบุได้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด ซึ่งเบื้องต้นบริษัทฯก็คาดหวังกับมาตรการจากทางภาครัฐในแต่ละประเทศที่บริษัทฯได้ไปลงทุนทำธุรกิจจะช่วยพยุงได้ ขณะที่บริษัทฯยังคงมั่นใจว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2563 จะดีกว่าครึ่งปีแรกหลังปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มปรับตัวดีขึ้น หลายประเทศทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ โดยปัจจุบันบริษัทฯได้มีการเปิดให้บริการโรงแรมแล้ว 76% จาก 535 โรงแรมในเครือทั่วโลก โดยธุรกิจโรงแรมเริ่มเห็นสัญญานที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม

 

 

โดยโรงแรมในประเทศไทยเปิดให้บริการแล้วเกือบทั้งหมด ส่วนมัลดีฟส์จะเปิดให้บริการไตรมาส 4/2563 ซึ่งตรงกับช่วงไฮซีซั่น ด้านโรงแรมในฝั่งยุโรปก็เปิดให้บริการแล้วมากกว่า 75% ซึ่งมีอัตราการเข้าพักที่ดีขึ้น หลังยุโรปเปิดเสนทางบินระหว่างประเทศเฉพาะในแถบยุโรปด้านธุรกิจร้านอาหารปัจจุบันเปิดไแล้วมากกว่า 95% จากร้านอาหารทั้งหมดที่มีอยู่ 2,000 กว่าแห่ง โดยร้านอาหารในประเทศเริ่มคงที่เนื่องจกบริษัทฯมีทั้งเดลิเวอรี่และหน้าร้าน ส่วนในประเทศจีนและออสเตรเลียก็มีสัญญานที่ดีขึ้นเรื่อยๆเช่นกันส่วนธุรกิจไลฟ์สไตล์ บริษัทฯจะโฟกัสที่ช่องทางออนไลน์เป็นหลัก อีกทั้งบริษัทฯยังผลิตสินค้าที่อยู่ในกระแสเช่น น้ำยาฆ่าเชื้อ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าที่ช่วยพยุงยอดขายของบริษัทฯในช่วงนี้ได้"ครึ่งปีแรกรายได้เราปรับตัวลดลงไปกว่า 70% และเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นเรายังมีพัฒนาการตลอดธุรกิจเราเริ่มกลับมาเปิดอีกครั้ง หลังครึ่งปีแรกมีการล็อคดาวน์ไปช่วงเมษายน-พฤษภาคม เราเชื่อว่าจุดนั้นเป็นจุดต่ำสุดและแย่ที่สุดของเราแล้วครับ " นายชัยพัฒน์ กล่าว

 

 

สำหรับกลยุทธ์ในการรับมือ บริษัทฯจะเน้นลดต้นทุนการดำเนินงานพร้อมจัดฐานทัพและวิธีการทำงานรูปแบบใหม่เพื่อรักษากระแสเงินสดในมือให้มีความแข็งแกร่งรองรับกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ในอนาคต โดยปัจจุบันสามารถลดต้นทุนได้แล้ว 25% ของต้นทุนปีก่อน และมีกระแสเงินสดในมือถึง 36,000 ล้านบาท และมีworking cap อีกประมาณ 26,000 ล้านบาทพร้อมกันนี้บริษัทฯยังชะลอการลงทุนใหม่ออกไปก่อนด้วยโดยที่ผ่านมาบริษัทฯตัดCAPEX ได้ถึง 7,000-10,000 ล้านบาท ซึ่งสิ่งที่บริษัทฯจะใช้จ่ายในปีนี้คือการลงทุนเดิมที่ได้เคยลงทุนไปแล้วเมือ่ต้นปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นงดจ่ายปันผลด้วยเพื่อรักษากระแสเงินสด

 

 

 

 

 

 


บล.ฟิลลิป แนะนำ ทยอยซื้อ MINT ราคาพื้นฐาน ที่ 22.50 บ.

 

บล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า MINT 2Q63 ขาดทุนมากกว่าคาด 2Q63 ขาดทุนที่ 8.4 พันลบ. จากกำไรสุทธิ 1.8 พันลบ. ใน 2Q62 และขาดทุนสุทธิ 1.8 พันลบ. ใน 1Q63 เป็นรายการพิเศษ 1.3 พันลบ. หากเทียบการดำเนินงานปกติขาดทุน 7.1 พันลบ. จาก TFRS 16 และ i)ธุรกิจโรงแรม, Revpar -95% y-y โดยไทย -98%, ยุโรปและละตินอเมริกา -98%, มัลดีฟส์ -100%, ii)ธุรกิจอาหาร, SSSG -23.0% y-y จากไทย -7.2% น้อยสุดในกลุ่มจากเดอะพิซซ่าคอมปะนี +24.7% ขณะที่ประเทศจีนและออสเตรเลีย -27.0% และ-41.7% ทำให้ EBITDA/S (หากไม่รวม TFRS16) พลิกบวกได้ที่ 0.5%

 

 

ครึ่งหลังฟื้นตัว h-h: ปรับลดประมาณการทั้งปีขาดทุน 1.4 หมื่นลบ. แต่ครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้นจากหลายประเทศผ่อนคลาย Lockdown และดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้นกอปรกับเปิดโรงแรม 76% ยกเว้นมัลดีฟส์คาดเปิด 4Q63 จากเป็นHigh Season โดยในไทยเปิดที่หัวหินพัทยา ภูเก็ต และเปิดร้านอาหาร 95% โดยRevPar เดือน ก.ค. ปรับตัวดีขึ้น -65% y-y, Occ. ที่ 34% และ SSSG -12.9% y-yทางฝ่ายแนะนำ "ทยอยซื้อ" ราคาพื้นฐาน 22.50 บ.

 

 

 

 

ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า คงคำแนะนำ "ถือ" MINT

 

และราคาเป้าหมายปี 2021E ที่ 22.00 บาท อิง DCF (WACC ที่ 7%, terminal growth ที่ 2%) เทียบเท่า PBV ที่ 1.5x จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เรามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยจาก 1) โรงแรม NH ในยุโรปเริ่มฟื้นตัวจากนักท่องเที่ยวภายในประเทศโดย occupancy rate เดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 40% แต่ room rate ลดลง -20%, 2) ธุรกิจอาหารในไทยกลับมาเปิดแล้ว 90% เชื่อว่า SSSG จะกลับมาฟื้นตัวได้ 3Q20E และเห็นกำไรใน 4Q20E, 3) ยังตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง -40% YoY และ 4) หลังจากเพิ่มทุนและออก perpetual bond จะช่วยให้ Net D/E ลดลงเหลือ 1.37x จาก 2Q20 ที่ 1.63x ยังคงประมาณการผลการดำเนินงานปี 2020E เป็นขาดทุนสุทธิ -1.8 หมื่นล้านบาท (1H20 ขาดทุนสุทธิ -10.2 หมื่นล้านบาท) โดยเราคาดว่า 2H20E จะฟื้นตัวขึ้นได้  ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น +7% เมื่อเทียบกับ SET ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เพราะเห็นความชัดเจนจากวัคซีน COVID-19 รวมถึงยุโรปมีการเปิดประเทศให้เที่ยวระหว่างกันได้ ซึ่งส่งผลดีต่อโรงแรม NH ของ MINT แต่ยังมีความเสี่ยงจากการระบาดของ COVID-19 ระลอก 2

 

Event: Analysts meeting
มีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อย ต่อการประชุม จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (19 ส.ค.) เรามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อย โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้


1) โรงแรม NH ในยุโรปเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้จากนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่เป็นแบบ B2C เป็นหลัก โดย Occupancy rate เดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 40% แต่ Room Rate ลดลง -20%

2) ธุรกิจอาหารกลับมาเปิดแล้ว 90% เห็นการเติบโตในร้านอาหารที่นั่งในร้าน (dine-in) มากขึ้น แต่ delivery เริ่มลดลง แต่เชื่อว่า SSSG จะกลับมาฟื้นตัวได้ตั้งแต่ 3Q20E เป็นต้นไป และจะเห็นเป็นกำไรสุทธิในช่วง 4Q20E 

3) กลยุทธ์ปัจจุบันยังคงเน้นการลด cost ลง โดยตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายที่ -40% YoY แต่เราคาดว่า 2H20E จะลดลงได้น้อยกว่าเป้าเพราะเริ่มเปิดโรงแรมแล้ว 70% ขณะที่ cash burn ต่อเดือนจะน้อยกว่าช่วงเดือน มิ.ย. ที่ระดับ 2.1 พันล้านบาท (cash burn ใน 2Q20 อยูที่ 8.7 พันล้านบาท)

4) ด้านหนี้สินผู้บริหารคาดว่าหลังจากเพิ่มทุนและออก perpetual bond ที่ได้เงินเข้ามาราว 2 หมื่นล้านบาท จะช่วยให้ Net D/E ลดลงเหลือเพียง 1.37x จาก 2Q20 ที่ 1.63x

 

 

 

 


คงประมาณการปี 2020E คาดจะเห็นการฟื้นตัวได้ใน 2H20E เรายังคงประมาณการผลการดำเนินงานในปี 2020E เป็นขาดทุนสุทธิที่ -1.8 หมื่นล้านบาท จากกำไรสุทธิในปี 2019 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยเราคาดว่า 2H20E จะฟื้นตัวขึ้นได้ เพราะโรงแรมในยุโรป (60% ของรายได้) เริ่มผ่อนคลายให้เที่ยวภายในประเทศได้ ซึ่ง NH มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่เป็น domestic ประมาณ 60-70% ส่วนธุรกิจอาหารเริ่มเห็นสัญญาณของ SSSG ฟื้นตัวขึ้นได้ โดย SSSG ในเดือน ก.ค. ที่จีนปรับตัวลดลงเหลือเพียง -5% YoY จาก -30% YoY ในเดือน มิ.ย. ส่วนไทย -10% YoY ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่ยังถูกกดดันด้วย GPM ที่ทรงตัวในระดับต่ำเพราะยังคงอัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง โดยเราคาดว่าจะกลับมาเปิดธุรกิจโรงแรมและอาหารได้ครบ 100% ช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. ปีนี้

 

 

--Valuation/Catalyst/Risk--
ราคาเป้าหมายปี 2021E ที่ 22.00 บาท อิง DCF (WACC ที่ 7%, terminal growth ที่ 2%) เทียบเท่า PBV ที่ 1.5x โดยเราคาดว่า หากวัคซีนใช้งานได้จริงจะทำให้นักท่องเที่ยวกลับมาเดินทางได้ และเราคาดว่ากำไรจะกลับมาที่ระดับปี 2019 ได้ในปี 2024E แต่ยังมีความเสี่ยงจากการระบาดของ COVID-19 ระลอก 2

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

TERA เปิดเทรดวันแรกราคาพุ่งเหนือจอง 122.86 %

TERA เปิดเทรดวันแรกราคาพุ่งเหนือจอง 122.86 %

คุมเชิง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองเกมหุ้นภาพรวม น่าจะเป็นรูปแบบการเทรด การเล่นคุมเชิง เน้นเล่นรอบ เล่นสั้น บนปัจจัยบวกใหม่...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้