Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : MINT เดินหน้า Reopening ก.ย. เปิดโรงแรมกว่า 90% รับดีมานด์พุ่ง

2,264

HotNews: MINT เดินหน้า Reopening ก.ย. เปิดโรงแรมกว่า 90% รับดีมานด์พุ่ง

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(20 กรกฎาคม 2563) MINT เดินหน้าธุรกิจ 3 กลุ่ม ล่าสุดกลางเดือนกรกฎาคม ธุรกิจส่วนใหญ่ของบริษัทกลับมาเปิดให้บริการ (Reopening) แล้ว โดย ไมเนอร์ โฮเทลส์ เปิดให้บริการโรงแรมแล้ว 370 แห่งจากทั้งหมด 535 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 69 และคาดว่าจะเปิดให้บริการเพิ่ม โดยจะสูงถึงร้อยละ 90 ในเดือนกันยายน อาทิ โรงแรมในทวีปยุโรปและลาตินอเมริกา เปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งปัจจุบันได้เปิดไปแล้วร้อยละ 68 และจะสูงถึงเกือบร้อยละ 75 ภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากจำนวนของแขกที่เข้าพักทั้งหมดร้อยละ 75-80 อยู่ภายในทวีปยุโรปจึงทำให้ผลการดำเนินงานของโรงแรมในทวีปยุโรปดีขึ้นตามลำดับ

 

 

ด้านไมเนอร์ ฟู้ด ร้านอาหารในประเทศไทยเกือบร้อยละ 95 จากจำนวน 1,490 แห่งทั่วประเทศเปิดให้บริการแล้ว ประเทศจีน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เปิดแล้วมากกว่าร้อยละ 90 ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ เกือบทั้งหมดของร้านค้าได้เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ MINT มีเงินสดในมือและวงเงินสินเชื่อรวมทั้งหมด จํานวนกว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการดำเนินงานในอนาคต

 

 

มร. ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ “MINT” กล่าวว่า ทาง MINT คิดว่า สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว การระบาดของโควิด-19 ในหลายภูมิภาคมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ รัฐบาลในหลายประเทศได้กลับมาเริ่มดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจ โดย MINT ได้มีการวางแผนกลยุทธ์เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับการแข่งขันและกลับมาดำเนินธุรกิจในทุกภูมิภาคทั่วโลก ทั้งนี้ทุกธุรกิจของ MINT เริ่มมีการฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม โดยโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าไลฟ์สไตล์รวมกันกลับมาเปิดให้บริการ (Reopening) แล้วเป็นส่วนใหญ่ และมีแนวโน้มทางธุรกิจที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละเดือน กลยุทธ์การกลับมาดำเนินธุรกิจของ MINT ทั่วโลกนั้น จะกลับมาเปิดให้บริการเฉพาะโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าไลฟ์สไตล์ที่มีจำนวนลูกค้าเพียงพอที่จะสร้างผลกำไรหรือทำให้มีกระแสเงินสดเป็นบวกเท่านั้น

 

 


มร. ดิลลิป กล่าวต่อว่า โรงแรมในประเทศไทยของ MINT เริ่มทยอยกลับมาเปิดแล้ว โดยเริ่มด้วยการเปิดให้บริการโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงแรมต้นแบบของไมเนอร์ โฮเทลส์ ในช่วงเดือนพฤษาภาคม โรงแรมในหัวหินมีผลการดำเนินงานที่ดีจากจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่สูง นอกจากนี้ โรงแรมบางแห่งในเมืองสำคัญต่างๆ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย พัทยา และขอนแก่น ได้กลับมาเปิดให้บริการต่อมาในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม และเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ และร้านอาหารซูมาที่มีชื่อเสียงได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง นอกจากนี้ ทางบริษัทคาดว่ามาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ จะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของโรงแรมดังกล่าวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563

 

 


ในขณะที่ ธุรกิจโรงแรมในทวีปยุโรปเริ่มมีสัญญานบวกที่เห็นได้ชัด ประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปเริ่มเปิดพรมแดนให้สำหรับประเทศที่ไม่ได้อยู่ในทวีปยุโรป โดย MINT คาดว่าเกือบร้อยละ 75 ของโรงแรมทั้งหมดในทวีปยุโรปจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม และโรงแรมทั้งหมดจะกลับมาเปิดภายในเดือนกันยายนของปี 2563 อย่างไรก็ตามจากข้อมูลล่าสุดพบว่าร้อยละ 68 ได้กลับมาเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม เร็วกว่าแผนที่เคยได้วางไว้ โดยในยุโรปกลาง โดยเฉพาะประเทศเยอรมนี มีการฟื้นตัวทางธุรกิจที่เร็วมาก เนื่องจากมีการอนุญาตให้เดินทางภายในประเทศได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้ร้อยละ 88 ของโรงแรมทั้งหมดในยุโรปกลางได้กลับมาเปิดให้บริการแล้วส่วนในประเทศสเปนและอิตาลี เริ่มเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจด้วยการกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมถึงร้อยละ 70 และ 66 ตามลำดับ ทั้งนี้โดยเมื่อมีการผ่อนปรนให้สามารถเดินทางระหว่างประเทศภายในทวีปยุโรปได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ธุรกิจโรงแรมในทวีปยุโรปเริ่มมีผลการดำเนินงานดีขึ้น เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวภายในทวีปยุโรปมีสัดส่วนร้อยละ 75-80 ของจำนวนแขกที่เข้าพักทั้งหมด

 

 

 

มร. รามอน อาราโกเนส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป กล่าวว่า ไตรมาส 2 ถือเป็นไตรมาสที่ทางโรงแรมจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากมีมาตรการล็อกดาวน์ทั่วทั้งทวีปยุโรปในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่รุนแรงดังกล่าวได้ผ่านพ้นไปแล้ว และถือเป็นที่โชคดีว่าแผนโครงสร้างต้นทุนที่ยืดหยุ่นที่ทางบริษัทนำมาใช้ในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผลประกอบการของบริษัทกลับมาฟื้นได้ค่อนข้างรวดเร็วตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยโรงแรมในยุโรปจะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากการเข้าสู่ช่วงวันหยุดฤดูร้อน ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวในยุโรปเยอะขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจ urban leisure กระเตื้องขึ้น โดยเฉพาะในประเทศสเปนที่มีอัตราการเข้าพักในปัจจุบันสูงถึงร้อยละ 40-50 แล้ว ทางบริษัทเชื่อมั่นว่าจะเริ่มเห็นสัญญานบวกที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นอีกตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป

 

 

 

มร. รามอน กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางผู้บริหารมั่นใจว่าการฟื้นตัวของ เอ็นเอช โฮเทล จะใช้ระยะเวลาไม่มาก โดยวิกฤติครั้งนี้เปรียบเสมือนพายุเฮอริเคนเคลื่อนเข้าโหมกระหน่ำเมืองทั้งเมือง เอ็นเอช โฮเทล เป็นตึกที่แข็งแกร่งตึกหนึ่งในเมือง ซึ่งอาจจะได้รับแรงสั่นสะเทือนจากพายุในครั้งนี้ แต่ด้วยรากฐานที่มั่นคงทำให้ตึกนั้นอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน

 

 

 

ด้านการดำเนินงานของ ไมเนอร์ ฟู้ด การดำเนินงานในประเทศไทย เกือบร้อยละ 95 ของสาขาร้านอาหารทั้งหมด 1,490 แห่งทั่วประเทศกลับมาเปิดให้บริการ โดยนับตั้งแต่กลับมาเปิดสาขา ยอดขายของแบรนด์ส่วนใหญ่อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 รวมถึงจะยังคงมุ่งเน้นไปที่นโยบายการผลักดันการขายผ่านบริการจัดส่งอาหารและซื้อกลับบ้านซึ่งเป็นที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การดำเนินงานในต่างประเทศนั้นมีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเทศจีน ซึ่งกว่าร้อยละ 90 ของสาขาร้านอาหารทั้งหมดได้เปิดให้บริการตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม และมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากสถานการณ์โรคระบาดที่คงที่และปรับตัวดีขึ้น โดยยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับในทุกสัปดาห์ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าประมาณการในสถานการณ์ที่ดีที่สุด (Best-Case Scenario) และกลับมามีกำไรในระดับร้านสาขาในเดือนพฤษภาคม อย่างไรก็ตาม การระบาดรอบสองมีผลกระทบเพียงชั่วคราวในพื้นที่วงจำกัดในประเทศจีนเท่านั้น โดยคาดว่าการดำเนินงานในประเทศจีนจะฟื้นตัวสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤตภายในช่วงต้นเดือนสิงหาคม

 

 

 

มร. ดิลลิป กล่าวทิ้งท้ายว่า MINT ให้ความสําคัญในการรักษากระแสเงินสดและสภาพคล่อง โดยบริษัทมีเงินสดในมือและวงเงินสินเชื่อของทั้ง MINT และ NH รวมทั้งหมดจํานวนกว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการดำเนินงานในอนาคต และจากแผนการระดมทุนแบบเบ็ดเสร็จจำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท MINT ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุนจำนวน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.5 พันล้านบาท ในขณะเดียวกัน MINT อยู่ในระหว่างการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนโดยการจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน และการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญจำนวนรวม 1.5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ แผนการระดมทุนดังกล่าวจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับงบดุลในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ รวมถึง MINT มีมาตรการการลดต้นทุน ในทุกหน่วยธุรกิจของทุกภูมิภาคทั่วโลก เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อรายได้และผลกำไรให้น้อยที่สุด ซึ่งแผนการนี้เป็นแผนต่อเนื่องที่บริษัทได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโควิด-19 โดยมาตรการนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถลดจุดคุ้มทุน ซึ่งจะช่วยให้การฟื้นตัวของบริษัทเป็นไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

 

 

 

--สถานะการดำเนินงานไมเนอร์ โฮเทลส์--

 

ณ ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม โรงแรม 370 แห่งจากทั้งหมด 535 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 69 ของโรงแรมทั้งหมดของบริษัทได้กลับมาเปิดให้บริการ โดยธุรกิจโรงแรมที่ไมเนอร์ โฮเทลส์มีการดำเนินงานอยู่ในแต่ละภูมิภาคส่วนใหญ่ได้รับแรงผลักดันจากการท่องเที่ยวภายในประเทศ ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าการท่องเที่ยวภายในภูมิภาคจะช่วยผลักดันอัตราการเข้าพัก หลังจากนั้นจึงจะเป็นการเดินทางระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ภายในเดือนกันยายน MINT คาดว่าประมาณร้อยละ 90ของโรงแรมทั้งหมดจะกลับมาเปิดให้บริการ

 

 


ประเทศไทย: ด้วยการผ่อนคลายมาตรการการปิดประเทศที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ไมเนอร์ โฮเทลส์ได้เริ่มกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมในประเทศไทย ด้วยการเปิดให้บริการโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯซึ่งเป็นโรงแรมต้นแบบของไมเนอร์โฮเทลส์ พร้อมด้วยร้านอาหารบางร้านในโรงแรม ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน โรงแรมในหัวหินเริ่มเปิดให้บริการและมีผลการด าเนินงานที่ดีจากจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่สูง หลังจากนั้น โรงแรมบางแห่งในเมื่องสำคัญต่างๆ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย พัทยา และขอนแก่น ได้กลับมาเปิดให้บริการต่อมาในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม และเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา โรงแรมเดอะเซนต์รีจิส กรุงเทพฯและร้านอาหารซูมาที่มีชื่อเสียงได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง อีกทั้ง ศูนย์การค้าและสถานบันเทิงของ MINT

 

 

ทั้งศูนย์การค้าริเวอร์ไซด์ พลาซ่า กรุงเทพฯ และรอยัล การ์เด้น พลาซ่า พัทยาเริ่มกลับมาเปิดให้บริการในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ในขณะที่ พิพิธภัณฑ์ Ripley’s Believe It or Not! ในเมืองพัทยา และศูนย์การค้าเทอเทิล วิลเลจ ในจังหวัดภูเก็ตกลับมาเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม โครงการที่อยู่อาศัย เช่น อนันตรา ลายันภูเก็ต เรสซิเดนเซส ได้เปิดให้บริการตามปกติตลอดช่วงการระบาดของโรค COVID-19อีกทั้งในเดือนสิงหาคมและกันยายนโรงแรมอื่น ๆ ในกรุงเทพ เชียงใหม่และกระบี่จะเริ่มกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง นอกจากนี้มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ คาดว่าจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของโรงแรมในประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563

 

 


มหาสมุทรอินเดียและประเทศเพื่อนบ้าน: โรงแรมสองแห่งในประเทศจีนกลับมาเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมโดยมีอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละเดือนจากเดือนก่อนหน้า ส่วนโรงแรมในประเทศเวียดนามกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งตั้งแต่เดือนพฤษภาคมโดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น จากแคมเปญทางการตลาดในระดับประเทศเพื่อกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ ณ ปัจจุบัน โรงแรมส่วนใหญ่ในประเทศศรีลังกา ลาว กัมพูชา มาเลเซียและอินเดียได้กลับมาเปิดให้บริการ นอกจากนี้ โรงแรมในประเทศมัลดีฟส์คาดว่าจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี2563ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว

 

 


ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์: โรงแรมทั้งหมดยังคงเปิดให้บริการตามปกติตลอดช่วงการระบาดของโรค ทั้งนี้ ด้วยการผ่อนคลายข้อจ ากัดในการเดินทางภายในประเทศออสเตรเลีย ยกเว้นรัฐวิคตอเรีย โอ๊คส์จึงคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้มีการคาดว่าจะเริ่มมีการเดินทางข้ามประเทศ ระหว่างประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้ในเดือนกันยายน

 

 

 

ตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกา: โรงแรมส่วนใหญ่ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรมในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์โอมาน และกาตาร์ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง เช่นเดียวกับโรงแรมในทวีปแอฟริกา ซึ่งรวมถึงประเทศบอตสวานาเลโซโท นามิเบีย โมซัมบิก และแซมเบียได้กลับมาเปิดให้บริการแล้วเช่นกัน โดยโรงแรมที่ตั้งอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอาทิ น้ำตกวิกตอเรียในประเทศแซมเบีย และหาดเพมบาในประเทศโมซัมบิกได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงนี้

 

 

 

ทวีปยุโรปและลาตินอเมริกา: ร้อยละ 68 ของโรงแรมทั้งหมดในทวีปยุโรปและลาตินอเมริกาได้กลับมาเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม โดยทวีปยุโรปเป็นภูมิภาคที่โรงแรมของไมเนอร์ โฮเทลส์ได้เปิดให้บริการเร็วกว่าแผนที่เคยวางไว้โดยการกลับมาเปิดโรงแรมในทวีปยุโรปเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งเริ่มจากกลุ่มประเทศเบเนลักซ์และประเทศเยอรมนีตามด้วยประเทศสเปนและอิตาลี ทั้งนี้ ยุโรปกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเยอรมนีอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการฟื้นตัวทางธุรกิจที่เร็วกว่าประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป เนื่องจากมีการอนุญาตในเดินทางภายในประเทศได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้ร้อยละ 88 ของโรงแรมทั้งหมดในยุโรปกลางได้กลับมาเปิดให้บริการแล้ว ส่วนในประเทศสเปนและอิตาลีซึ่งมีการระบาดของโรค COVID-19 ที่รุนแรงที่สุดในทวีปยุโรป เริ่มเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจด้วยการกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมในสัดส่วนร้อยละ 70 และ 66 ตามลำดับ โดยเมื่อมีการผ่อนปรนให้สามารถเดินทางระหว่างประเทศภายในทวีปยุโรปได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ธุรกิจโรงแรมในทวีปยุโรปเริ่มมีผลการด าเนินงานดีขึ้น

 

 

เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวภายในทวีปยุโรปคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 75-80ของจำนวนแขกที่เข้าพักทั้งหมด ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปเริ่มเปิดพรมแดนให้สำหรับประเทศที่ไม่ได้อยู่ในทวีปยุโรป โดย MINT คาดว่าร้อยละ73ของโรงแรมทั้งหมดในทวีปยุโรปจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม และโรงแรมทั้งหมดจะกลับมาเปิดภายในเดือนกันยายนของปี2563 ผลการดำเนินงานของโรงแรมได้กลับมาฟื้นตัวตั้งแต่เดือนมิถุนายน เนื่องจากโรงแรมในทวีปยุโรปได้รับประโยชน์จากการเข้าสู่ช่วงวันหยุดฤดูร้อน ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจ urban leisure ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศสเปนที่มีอัตราการเข้าพัก ณปัจจุบันสูงถึงร้อยละ 40 ถึง 50 ทั้งนี้บริษัทคาดว่าอัตราการฟื้นตัวจะสูงขึ้นอีกตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ส่วนในลาตินอเมริกา ร้อยละ 33 ของโรงแรมทั้งหมดได้กลับมาเปิดให้บริการ ซึ่งเป็นอัตราที่ช้ากว่าการกลับมาเปิดโรงแรมในทวีปยุโรปเนื่องจากหลายประเทศในลาตินอเมริกายังคงเผชิญกับสถานการณ์ที่มีจ านวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เพิ่มขึ้น

 

 

 

--ไมเนอร์ ฟู้ด--

ประเทศไทย : ประเทศไทยได้เริ่มกลับมาเปิดให้บริการสาขาร้านอาหารแบบนั่งทาน ทั้งร้านอาหารแบบ Stand alone และร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าตามข้อบังคับของทางรัฐบาลตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม แต่ด้วยการจัดสรรจำนวนที่นั่งไม่เต็มพื้นที่ ตามแนวทางการเว้นระยะห่างทางสังคม อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้มีการผ่อนคลายมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม ร้านอาหารจึงเริ่มรับลูกค้าจ านวนมากขึ้น เนื่องจากสามารถจัดสรรพื้นที่ภายในร้านได้ดีขึ้น แต่ยังคงมีการรักษามาตรการด้านความปลอภัยและสุขอนามัยอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ณ ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ร้อยละ 94ของสาขาร้านอาหารของไมเนอร์ฟู้ดทั้งหมด 1,490 แห่งทั่วประเทศกลับมาเปิดให้บริการ โดยจะมีการติดตามสาขาที่เปิดให้บริการทั้งหมดอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าร้านอาหารที่เปิดให้บริการเหล่านี้จะสร้างกระแสเงินสดที่เป็นบวกให้กับบริษัท โดยนับตั้งแต่กลับมาเปิดสาขา ยอดขายของแบรนด์ส่วนใหญ่เริ่มกลับมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับระดับก่อนการระบาดของโรค COVID-19ในขณะเดียวกัน ไมเนอร์ฟู้ดจะยังคงมุ่งเน้นไปที่การผลักดันการขายผ่านบริการจัดส่งอาหารและซื้อกลับบ้าน พร้อมทั้งพัฒนาแพลตฟอร์ม 1112 Delivery อย่างต่อเนื่อง

 

 


ประเทศจีน : สาขาร้านอาหารส่วนใหญ่ในประเทศจีนกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคม และมากกว่าร้อยละ 90ของสาขาร้านอาหารทั้งหมดได้เปิดให้บริการ ณ กลางเดือนกรกฎาคม กลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนของไมเนอร์ฟู้ดมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่การเปิดสาขา จากสถานการณ์ที่คงที่และปรับตัวดีขึ้น โดยยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับในทุกสัปดาห์ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าประมาณการในสถานการณ์ที่ดีที่สุด (Best-Case Scenario) ของกลุ่มบริษัทและไมเนอร์ ฟู้ดในประเทศจีนได้กลับมามีกำไรในระดับร้านสาขาในเดือนพฤษภาคม อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวในประเทศจีนได้ชะลอตัวลงในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม จากผลกระทบจากการระบาดรอบสองของโรค COVID-19ในกรุงปักกิ่ง ทั้งนี้ การระบาดรอบสองมีผลกระทบเพียงชั่วคราวในพื้นที่วงจำกัดในประเทศจีนเท่านั้น ดังนั้น ไมเนอร์ฟู้ดจึงคาดว่าการดำเนินงานในประเทศจีนจะฟื้นตัวสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤตภายในช่วงต้นเดือนสิงหาคม

 

 

 

ออสเตรเลีย : ในเดือนมิถุนายน บริการการนั่งทานภายในร้านอาหารได้เริ่มกลับมาเปิดให้บริการในประเทศออสเตรเลียภายหลังมาตรการการปิดประเทศผ่อนคลายลง โดยในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม สาขาร้านอาหารมากกว่าร้อยละ 90ของสาขาทั้งหมดกลับมาเปิดให้บริการพร้อมด้วยมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม ในขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศออสเตรเลียมีการปิดสาขาร้านอาหารนอกพื้นที่เชิงกลยุทธ์เป็นการถาวรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของร้านอาหาร ทั้งนี้ไมเนอร์ฟู้ดในประเทศออสเตรเลียยังคงผลักดันยอดขายผ่านบริการจัดส่งอาหารและการน าเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ

 


--ไมเนอร์ ไลฟ์ สไตล์--


ในเดือนพฤษภาคม จุดจำหน่ายสินค้าของไมเนอร์ ไลฟ์ สไตล์เริ่มเปิดให้บริการอีกครั้ง โดยประมาณร้อยละ 99 ของร้านค้าทั้งหมดได้เปิดให้บริการ จากการผ่อนคลายมาตรการการปิดประเทศระยะที่สองซึ่งอนุญาตให้ศูนย์การค้ากลับมาเปิดให้บริการอย่างไรก็ตาม ไมเนอร์ ไลฟ์ สไตล์ยังคงมุ่งเน้นที่การขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ทั้งทางเว็บไซต์ของแบรนด์เองและตลาดออนไลน์อื่นๆ นอกจากนี้ ยอดขายปลีกของผลิตภัณฑ์ท าความสะอาดมือและน้ำยาทำความสะอาดอื่นๆ ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง

 


--กระแสเงินสดและงบดุล--


MINT ยังคงให้ความสำคัญในการรักษากระแสเงินสดและสภาพคล่อง โดยบริษัทมีเงินสดในมือและวงเงินสินเชื่อของทั้ง MINTและ NH รวมทั้งหมดจำนวนกว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการดำเนินงานในอนาคตMINT มีแผนการระดมทุนแบบเบ็ดเสร็จจำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท ผ่านการออกตราสารต่างๆ โดย MINT ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุนจำนวน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.5 พันล้านบาท ในขณะเดียวกันMINT อยู่ในระหว่างการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนโดยการจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน และการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญจำนวนรวม 1.5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ แผนการระดมทุนดังกล่าวจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับงบดุลในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้

 


MINT ได้มีการดำเนินมาตรการการลดต้นทุนต่างๆ ในทุกหน่วยธุรกิจและฝ่ายงานสนับสนุนทั้งหมดในทุกภูมิภาคทั่วโลก เพื่อลดผลกระทบต่อรายได้และผลกำไรให้น้อยที่สุดตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโรค COVID-19 โดยมาตรการการลดต้นทุนอย่างเข้มงวดดังกล่าวช่วยให้บริษัทสามารถลดจุดคุ้มทุนและลดระยะเวลาการคุ้มทุน ทั้งนี้ บริษัทจะยังคงมุ่งมั่นในการลดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจถึงความส เร็จอย่างต่อเนื่องของธุรกิจของบริษัท

 

อนึ่ง MINT ประกาศเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน โดยจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (Rights Offering) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินอันเบ็ดเสร็จของบริษัทฯ MINT ได้กำหนดราคาเสนอขายของหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่จัดสรรเพื่อการเสนอขายหุ้นนี้ที่ 17.50 บาท ต่อหุ้น ในจำนวน 563,293,276 หุ้น พร้อมกำหนดอัตราส่วนการจัดสรรหุ้นไว้ที่ 8.2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญที่ออกใหม่ ซึ่งผู้ถือหุ้นเดิมของ MINT มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่ได้ตั้งแต่วันที่ 17 – 23 กรกฎาคมนี้ และยังสามารถจองซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่เกินกว่าสิทธิจองซื้อได้อีกด้วย

 

 

ราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่ 17.50 บาทนี้ คือราคาพิเศษเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นให้ได้หุ้นเพิ่มทุนในราคาพิเศษที่สุด นอกจากราคาที่เป็นที่โดนใจของเหล่านักลงทุน MINT ยังเตรียมจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ครั้งที่ 7 หรือ MINT-W7 ในอัตราส่วน 22 หุ้นสามัญ ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยมีราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ ที่ 21.60 บาท กำหนดใช้สิทธิระยะเวลา 3 ปี ให้ผู้ถือหุ้นฟรี โดยบริษัทฯ กำหนดวันกําหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ MINT-W7 (Record Date) ในวันที่ 7 สิงหาคม 2563 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ (XW) เป็นวันที่ 6 สิงหาคม 2563 กำหนดใช้สิทธิทุกวันที่ 15 ของเดือนกุมภาพันธ์ พฤษภาคม สิงหาคม และ พฤศจิกายนของทุกปี นักลงทุนจึงแห่กันไปจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนอย่างครึกครื้นตั้งแต่ 2 วันแรกของช่วงเวลาการจองซื้อ

 

 

ส่วนรายละเอียดในการจองซื้อ บริษัทได้กำหนดช่วงเวลาจองซื้อและชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่ ระหว่างวันที่ 17-23 กรกฎาคม 2563 รวมทั้งสิ้น 5 วันทำการ ตั้งแต่เวลา 9.00 น. – 16.00 น. โดยสามารถชำระเงินได้ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โอนเงินผ่านระบบ Electronic Bill Payment ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ส่วนการจองซื้อสามารถจองซื้อหุ้นผ่านทางระบบออนไลน์บนเว็บไซต์ www.bualuang.co.th หรือ สามารถยื่นเอกสารที่สำนักงานใหญ่ บริษัท หลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เลขที่ 191 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 29 ถนนสีลม นอกจากนี้ สำหรับผู้ถือหุ้นในต่างจังหวัด ผู้จองซื้อสามารถจองซื้อผ่านระบบออนไลน์ หรือ สามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ที่ท่านมีบัญชีเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ โดยทางบริษัทหลักทรัพย์ของท่านจะรวบรวมเอกสารการจองซื้อต่อไป

 

 

การลงทุนไม่ควรดูแค่ปัจจุบัน แต่ต้องคำนึงถึงอนาคตด้วย ไม่ใช่แค่ราคาเสนอขายที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน แต่ยังมีวอแรนต์อายุ 3 ปีให้ผู้ถือหุ้นได้ใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นในราคาที่คุ้มค่าในอนาคต เพื่อนักลงทุนจะได้เติบโตไปพร้อมกับบริษัทฯ ระดับโลกผู้นำธุรกิจ โรงแรม ร้านอาหาร และไลฟ์สไตล์

 

 

MINT

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

FTI จัดงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ผถห.อนุมัติจ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ผถห.อนุมัติจ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ได้เวลาซื้อหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นหุ้นตก หุ้นร่วง ณ จุด นี้ ด้วยข่าวอิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการโจมตีอิหร่าน.. ขอมองต่าง

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้