Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: KTC ปูพรมปี61 กำไรทะยานต่อเนื่อง -ส่อง TMILL กำไรปีนี้สู่จุดสูงสุดใหม่

1,152

 
 
 
 
HotNews: KTC ปูพรมปี61 กำไรทะยานต่อเนื่อง
-ส่อง TMILL กำไรปีนี้สู่จุดสูงสุดใหม่


  สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(   17 พฤศจิกายน   2560)-------- KTC คาดกำไรปี61  โตสวยกว่าปีนี้  มองกำลังซื้อฟื้นตัว  ตั้งเป้าปี61 ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรโต 15%  ,เป้าสินเชื่อบุคคลโตกว่า 10%  มอง NPL ใกล้เคียงปีนี้ที่ 1.2%  แผนปี61  เน้นทำดิจิทัล-โมบายแอพ  พร้อมรุกตลาดต่างจังหวัด - เตรียมทุ่มงบ 600 ลบ. ลงทุนด้านไอที ระบุปี 60-61 ตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญไว้ที่ระดับ 8.3-8.5%  
-ส่อง TMILL กำไรปีนี้สู่จุดสูงสุดใหม่  กูรูแนะซื้อเป้า7.50บ.-ปีนี้กำไรพุ่ง70%ทำจุดสูงสุดใหม่-มีแผนโตระยะยาวจาก M&A ขยายไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแป้งสาลี   งบQ3/60กำไรโต88.8% แม้รายได้จากการจำหน่ายลดลง เหตุต้นทุนขายวูบ เป็นผลมาจากราคาเฉลี่ยของวัตถุดิบที่ใช้ปรับลดลง หนุนกำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น22.6% จาก12.7%


นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิปี61 จะเติบโตมากกว่าปีนี้อย่างแน่นอน โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ากำไรสุทธิที่ 10% ซึ่งเชื่อว่า ในไตรมาส 4/60  ซึ่งมีมาตรการช้อปช่วยชาติ จะเป็นแรงสนับสนุนให้การจับจ่ายใช้สอยเติบโตได้หลังจากผ่านช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ในปี 61 บริษัท ตั้งเป้าหมายยอดใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 15% พร้อมตั้งเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อที่ 10% ทรงตัวจากปีนี้ ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL บริษัทจะรักษาอัตรา NPL ไว้ที่ระดับ 1.2%
"กำลังซื้อในปีหน้านั้นจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจบัตรเครดิตโดยตรง เศรษฐกิจภายในประเทศจะฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี ตามการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ   นอกจากนี้บริษัทยังคงมุ่งเน้นให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ โดยจะบริหารต้นทุนเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการหาต้นทุนที่ต่ำและเพิ่มสัดส่วนของเงินกู้ระยะยาวมากขึ้น"นายระเฑียร  กล่าว
ขณะที่ในปีหน้าบริษัทยังตั้งเป้างบการลงทุนด้านไอทีไว้ที่ 600 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าดิจิทัลเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงรองรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วย
สำหรับในปีนี้ต่อเนื่องถึงปี 2561 บริษัทยังคงประมาณการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้ที่ระดับ 8.3-8.5%  
นายระเฑียร  กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับมาตรการเกณฑ์คุมบัตรเครดิตของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.  คาดว่าจะกระทบกับรายได้ของบัตรเครดิต เพราะจากเดิมดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ที่ 20% จะเหลือที่ 18% เป็นต้น แต่บริษัทจะพยายามหาตลาดใหม่ๆ และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพิ่มมากขึ้นด้วย 
ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลนั้น บริษัทตั้งเป้าหมายในปี 61จะเติบโตประมาณ 11-13% จากการเดินหน้าการทำตลาดและโปรโมชั่นเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันในปีนี้ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทยังเน้นการเจาะตลาดระดับบนมากขึ้น โดยเน้นเจาะฐานลูกค้าที่มีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป  รวมทั้งจะเจาะตลาดต่างจังหวัด ที่มีแนวโน้มที่เติบโตการเชิงการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ?
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทคาดว่า ยอดจับจ่ายใช้สอยทั้งปีจะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 15% โดยคาดว่าปีนี้ยอดจับจ่ายใช้สอยจะอยู่ที่ประมาณ 4% 

บทวิเคราะห์   บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด  เปิดเผยว่า  คาด TMILLจะรายงานผลการดำเนินงานปี 2017 ที่ 118 ล้านบาท (+70% YoY) ทำจุดสูงสุดใหม่ โดยกำไรสุทธิ 9M17 คิดเป็น 79% ของคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2017 คาดการณ์ว่า TMILL จะรายงานผลการดำเนินงานช่วง 4Q17 ที่ราว 25 ล้านบาท (+6% YoY, -7% QoQ) ประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 อย่าง conservative ไว้ที่ 134 ล้านบาท (+14% YoY) จากการขยายตลาดไปยังภูมิภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับภาพระยะยาว  TMILL ยังมีแผนการเติบโตระยะยาวจากการทำ M&A เพื่อขยายไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแป้งสาลี
เริ่มต้นแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเหมาะสมที่ 7.50 บาท อิง PER ย้อนหลังเฉลี่ย 3 ปีที่ประมาณ 19.00 เท่า
"เราประมาณการรายได้ของ TMILL สำหรับปี 2018 อย่าง conservative ที่ประมาณ 1,455 ล้านบาท เติบโต +8% YoY รายได้ที่เติบโตเป็นผลมาจากการขยายตลาดไปยังภูมิภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ และอ้างอิงจากคาดการณ์การใช้จ่ายภาคครัวเรือนปี 2018 โดยกระทรวงพาณิชย์ที่จะขยายตัวที่ระดับประมาณ 3.5% เราคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นปี 2018 สูงขึ้นเล็กน้อยจาก 21.3% ในปี 2017 เป็น 21.5% ในปี 2018 ซึ่งเป็นผลมาจากแผนการติดตั้งหุ่นยนต์ลำเลียงวัตถุดิบซึ่งคาดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 3-4 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้เรายังมองทิศทางราคาข้าวสาลีปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากผลผลิตข้าวสาลีในประเทศสหรัฐอเมริกาสูงขึ้น หลังผลกระทบจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์และเออร์มาได้หมดลงไป ส่งผลให้เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 ของ TMILL ที่ระดับ 134 ล้านบาท  (+14% YoY)  นอกจากนี้เรายังมองว่า TMILL จะเติบโตได้ต่อเนื่องในปี 2019 ที่ประมาณ 143 ล้านบาท (+6% YoY)"บทวิเคราะห์ระบุ
          นอกจากการเติบโตในลักษณะ organic growth จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งสาลีแล้ว TMILL ยังมีแผนการเติบโตระยะยาวจากการทำ M&A เพื่อขยายไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแป้งสาลี โดย TMILL มีข้อได้เปรียบจากการเป็นธุรกิจต้นน้ำและมีเครือข่ายทางธุรกิจที่เป็นทั้งผู้ผลิตน้ำตาล, น้ำมันปาล์ม, ผงชูรส (ยี่ห้อราชา) คาดว่าจะเริ่มเห็นแผนทางธุรกิจอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นไป
ด้าน ดร.ชาญกฤช เดชวิทักษ์  รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ   บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) TMILLเปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30กันยายน 2560 มีผลกำไรสุทธิ 26.92 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีผลกำไรสุทธิเติบโตขึ้น 12.66ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 88.8 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงมากกว่าร้อยละ 20 นั้นมีสาเหตุสำคัญ คือ
บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายในไตรมาส 3 ปี 2560 ลดลง 31.81 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.0 จากงวดเดียวกันของปี 2559 เป็นผลมาจากปริมาณจำหน่ายแป้งลดลงร้อยละ 6.8 ราคาจำหน่ายแป้งเฉลี่ยลดลงร้อยละ 3.1 และปริมาณจำหน่ายรำข้าวสาลีลดลงร้อยละ 12.3 แต่ราคาจำหน่ายรำเฉลี่ยสูงขึ้นร้อยละ 14.6
ต้นทุนขายในไตรมาส 3 ปี 2560 คิดเป็นร้อยละ 77.4 ของรายได้ ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2559 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 87.3 ของรายได้ เป็นผลมาจากราคาเฉลี่ยของวัตถุดิบที่ใช้ปรับลดลง จึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3 ปี2560 สูงขึ้นเป็นร้อยละ 22.6 จากร้อยละ 12.7 ในงวดเดียวกันของปี 2559
ค่าใช้จ่ายในการบริหารในไตรมาส 3 ปี 2560 สูงขึ้น 9.95 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 55.0 จากงวดเดียวกันของปี2559 โดยค่าใช้จ่ายหลักที่สูงขึ้นมาจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 6.59 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 มีผลกำไรสุทธิ 93.03 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีผลกำไรสุทธิเติบโตขึ้น 47.04 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 102.3 มีสาเหตุสำคัญ คือบริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายในรอบ 9 เดือนของปี 2560 สูงขึ้น 6.02 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.6 จากงวดเดียวกันของปี 2559 เป็นผลมาจากการเพิ่มปริมาณจำหน่ายแป้งขึ้นร้อยละ 5.7 แต่ราคาจำหน่ายแป้งเฉลี่ยลดลงร้อยละ5.2 และปริมาณจำหน่ายรำข้าวสาลีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 โดยที่ราคาจำหน่ายรำเฉลี่ยใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปี 2559
ต้นทุนขายในรอบ 9 เดือนของปี 2560 คิดเป็นร้อยละ 78.3 ของรายได้ ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2559 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 86.2 ของรายได้ เป็นผลมาจากราคาเฉลี่ยของวัตถุดิบที่ใช้ปรับลดลง และการใช้อัตรากำลังการผลิตที่สูงขึ้นร้อยละ 3.24 ของกำลังการผลิตมวลรวมเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยลดลง จึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2560 สูงขึ้นเป็นร้อยละ 21.7 จากร้อยละ 13.8 ในงวดเดียวกันของปี 2559
รายได้อื่นในรอบ 9 เดือนของปี 2560 ลดลง 7.05 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 72.8 จากงวดเดียวกันของปี 2559เนื่องจากปี 2559 มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 7.02 ล้านบาท แต่ในปี 2560 มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 4.76 ล้านบาทซึ่งจัดอยู่ที่ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
ค่าใช้จ่ายในการบริหารในรอบ 9 เดือนของปี 2560 สูงขึ้น 17.72 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 33.9 จากงวดเดียวกันของปี 2559 โดยค่าใช้จ่ายหลักที่สูงขึ้นมาจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการพนักงาน และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
----จบ---- 



 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

GUNKUL คว้า CG ดีเลิศ 5 ดาว 8 ปีซ้อน

GUNKUL คว้า CG ดีเลิศ 5 ดาว 8 ปีซ้อน

หน้าเดิม By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ พบแรงซื้อ แรงดัน เข้ามาในหุ้นบิ๊กแคปหน้าเดิม ตัวเล่นเดิม ไมว่าจะเป็น DELTA ADVANC PTTEP ....

มัลติมีเดีย

รู้จัก เมดีซ กรุ๊ป ก่อนเทรด บนกระดาน SET - สายตรงอินไซด์

รู้จัก เมดีซ กรุ๊ป ก่อนเทรด บนกระดาน SET - สายตรงอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้