วันที่ 4 มิถุนายน 2563 พบกับนานยกล้วยหอมได้ที่  www.hooninside.com (Line : @hooninside) รู้ลึกรู้จริงคลุกวงในหุ้นสไตล์กล้วยๆ

          นายกล้วยหอม  เดือน มิ.ย. ต่างชาติ ซื้อหุ้น 2 วัน รวม  3,483.44 ล้านบาท สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ2,448.03 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 1,389.34 ล้านบาท  ฝั่งรายย่อยขายสุทธิ7,320.81 ล้านบาท วันนี้ หากบาทแข็งค่าต่อ ต่างชาติหรือFund Flow ยังคงเข้าไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง  ....SET 1,400 จุด คงฝ่าและฝุ่นตลบ  สำหรับมุมมองของนายกล้วยหอม  ยินดีกับนักลงทุนที่ได้กำไรรอบนี้กันทุกคน ก๊าบ

          กระแสทุนไหลเข้า ไม่ได้ อิงปัจจัยพื้นฐาน ตัวเลขผลประกอบการ แต่ต้องยอมรับ เงินทุน วิ่งหาแหล่งพัก ฝากชั่วคราวไว้ก่อน ด้วยดอกเบี้ยต่ำ ตลาดหุ้นเป็นทางเลือกหนึ่งเท่านั้น เมื่อเงินไหลเข้าแบบนี้ ก็ต้องตามน้ำ  ตามหุ้นบิ๊กแคป หุ้นตัวใหญ่ไป  ใครมีทุนต่ำ ก็กอดไว้ ส่วนใครจะแบ่งขาย ทยอยขาย อันนี้ ต้องแล้วแต่กลยุทธ์ของแต่ละคน

          สำหรับบ้านเรา  ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติอนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับแล้ว สถานการณ์โควิด-19 ก็ดีมากๆ  ผู้ติดเชื้อฯ ล้วนมาจากต่างประเทศ แต่ไปไหน มาไหน ก็ควรสวมหน้ากากอนามัยไว้  ปลอดภัยไว้ก่อนดีสุดครับ

          วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีตลาดปิดที่ระดับ 1,374.18 จุด เพิ่มขึ้น 21.81 จุด หรือ 1.61% มูลค่าการซื้อขาย 70,987.07 ล้านบาทสรุปสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,049.62 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 972.98 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 2,089.51 ล้านบาท  นักลงทุนทั่วไปในประเทศขายสุทธิ 4,112.11 ล้านบาท

          มาที่หุ้นรายตัว เมื่อทุนนอกทะลัก  หุ้น AOT ก็คึกคัก  ถือเป็นหุ้นขวัญใจมหาชน  ยิ่งมีข่าวนักท่องเที่ยวจีน อยากบินมาเที่ยวประเทศไทย ใจจะขาด แถม ยังมีข่าว ญี่ปุ่นเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวจาก 4 ชาติ (ไทย เวียดนาม นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย) เกมหุ้น AOT ติดเครื่อง  สำหรับมุมมองส่วนตัว ของนายกล้วยหอม แล้ว  วัคซีน ป้องกันโควิด-19 มา ใช้ได้จริง  ค่อยเปิดรับนักท่องเที่ยว   ตอนนี้  ภาครัฐ-เอกชน สนับสนุนให้คนไทย เที่ยวในประเทศดีที่สุด  เม็ดเงินหมุนภายใน  ปลอดภัยอีกต่างหาก  ถ้าขืนหิวเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ   เปิดประเทศ  หาก เกิด โควิด-19 ระบาดในประเทศ  คราวนี้ คนไทย ต้องเจอ Lockdown อีก.....ภาครัฐ ลุงตู่และชาวคณะ  ต้องจ่ายเงินเดือนให้ทุกคนและทุกกิจการ ไม่มีข้อยกเว้น ไม่ต้องทำเราแล้ว โครงการเราไม่ทิ้งกัน

          ESSO ปิดลิ่งที่ 6.70 บาท บวก 0.85 บาท คิดเป็น 14.53%  วันนี้ ต้องฝ่าด่าน 7 บาทให้ได้.... จุดเปลี่ยน ชีวิตของราคาหุ้น ของเกมหุ้น ESSO เขาว่า มันอยู่ตรงนี้ 5555

          SPRC ก็เด่น  นายกล้วยหอม เห็นค่ายเมย์แบงก์ กิมเอ็ง ก็เชียร์  บล.บัวหลวง ก็เชียร์   ณ ราคาปิด เมื่อวันอังคาร ที่ 7.40 บาท ก็ยังมีอัพไซด์ น่าสนใจ.... .จากนี้ ต้องจับตามอง

          TOP ก็ปิดหล่อ ยืนที่ 46.75 บาท บวก 2.25 บาท คิดเป็น 5.06% ล่าสุด  นายกล้วยหอม เห็นนักวิเคราะห์DBS อัพเกรด TOP เป็นเชียร์ซื้อ เป้าใหม่ 54 บ. จาก 41 บ.  พร้อมกับชี้ โรงกลั่น TOP มีประสิทธิภาพสูงมากเมื่อเทียบกับโรงกลั่นอื่นในไทย  ว้าว สำหรับหุ้นTOP แล้ว  ถือเป็นหุ้นพื้นฐาน หลายค่าย  หลายสำนักเอ็นดู....

          KTC พลิกมาปิดบวกจนได้  ราคายืนที่ 37.25 บาท บวก 25 สตางค์  คิดเป็น 0.68% แม้ มงคล ประกิตชัยวัฒนา  ปาดหุ้นKTC ในพอร์ตออกไปแค่ 0.0892% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ  คงเหลืออีกบาน  14.9852% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

          กลุ่มบริษัทคันทรี่กรุ๊ป ประกอบด้วย บมจ. คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (CGH) และ บล. คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) ร่วมกับกลุ่มบริษัทผาแดงอินดัสทรี (PDI) จัดทำโครงการเพื่อสังคม “ปันน้ำใจช่วยภัยโควิด-19” เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด 19  โดยจัดเตรียมถุงยังชีพปันน้ำใจ จำนวนกว่า 10,000 ชุด  นำไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบความเดือดร้อนทั้งในกรุงเทพฯ และชุมชนต่างๆ ที่อยู่ใกล้โรงงานในจังหวัดต่างๆ  โดยจัดสรรงบประมาณกว่า 5.5 ล้านบาท และเงินบริจาคสมทบส่วนหนึ่งจากผู้บริหารและพนักงาน เพื่อส่งต่อปัจจัยและสิ่งของจำเป็นบรรเทาความเดือดร้อนต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2  เดือน (พฤษภาคม-มิถุนายน) เพื่อให้ทุกคนสามารถก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน

          สุวัชชัย  พิทักษ์วงศาภรณ์  กรรมการผู้จัดการบริษัท แอตลาส ออยล์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการบริษัท โอลิมปัส ออยล์ จำกัด (บริษัทในเครือ พีทีจี เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ) ได้รับมอบน้ำดื่มเทสโก้ จำนวน 8,400 ขวด จาก นางสาว จุฬาภรณ์ ตันประสาท  ผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด หรือ “เทสโก้ โลตัส" เพื่อร่วมโครงการ “พีที ตู้ปันสุข ปันน้ำใจ” ณ สถานี LPG PT วังทองหลาง3 เมื่อเร็วๆนี้

@@@ปิดท้ายสาส์นจากPR@@@ PR ขอฝากสารถึงผู้ถือหุ้นและเหล่าแฟนคลับ EIC ว่าตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป “บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน)” (ชื่อเก่า บมจ.อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์) จะเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์จาก “EIC” เป็นชื่อย่อใหม่คือ “W” ต่อไปจะซื้อจะขายหุ้นของวาว แฟคเตอร์ เพียงแค่พิมพ์ W ตัวเดียวก็เจอเลยทันที เซิร์จหาง่าย ทันใจ ไม่ต้องจำชื่อย่อยาวๆ  แถมผู้บริหารยังบอกมาว่า W ย่อมาจาก WOW FACTOR หรือชื่อของบริษัทในภาษาอังกฤษ ซึ่ง “วาว แฟคเตอร์” จะสะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจอาหารของบริษัทมีความน่าสนใจและยังอร่อยจนใครชิมก็ต้องร้อง ว้าวววววว อย่างแน่นอน

                    ***การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน***