Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : ส่อง Q1/63 PTG โกยกำไร 204 ลบ. ดีกว่าโบรกฯและตลาดคาดไว้

2,246

HotNews : ส่อง Q1/63 PTG โกยกำไร 204 ลบ. ดีกว่าโบรกฯและตลาดคาดไว้

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (14 พฤษภาคม 2563) ส่อง Q1/63 PTG โกยกำไร 204 ลบ. ลดลง 60.6% เหตุค่าการตลาดลดลง-ปรับปรุงการบันทึกรายงานทางการเงินตามมาตรฐานบัญชี ขณะที่กูรูทิสโก้ ระบุ PTG รายงานกำไรสุทธิ Q1/6 ดีกว่าคาดและตลาดคาดไว้ หลังแบ่งกำไรจากการลงทุนในปาล์มคอมเพล็กเติบโตทั้ง YoY และ QoQ

 

 

ด้าน "พิทักษ์ รัชกิจประการ" แม่ทัพ PTG ประเมินครึ่งปีหลังปีนี้ ปริมาณจำหน่ายน้ำมัน จะกลับมาโตได้ที่ 15 - 17% - ทั้งปีโต 10-12% จากขยายสาขา- คาดปีนี้ EBITDA เติบโตอยู่ที่ 10 - 12% จากปีที่แล้ว พร้อมลดงบลงทุนปีนี้ลงเหลือ2-2.5พันลบ.จาก4.5-5พันลบ.-ลดขยายสาขาสถานีบริการน้ำมัน เหลือ50-100สาขา-ลดขยายสาขาธุรกิจ Non-Oil จากประมาณ 200 สาขา เป็น 100 สาขา คาดโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ สร้างผลกำไรปีนี้500-600ลบ. รับรู้ส่วนแบ่งตามถือหุ้น 40%

 

 


นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG เปิดเผยว่า ผลประกอบการทางการเงินในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 พีทีจีมีรายได้จากการขายและการบริการเท่ากับ 29,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว จากปริมาณการจําหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่ลดลง 6.2% จากไตรมาสก่อน จาก ราคาน้ำมันขายปลีกที่ปรับตัวลดลงและปริมาณการจําหน่ายน้ำมันที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยรายได้จากการ จําหน่ายน้ำมัน คิดเป็นสัดส่วน 95.6% ของรายได้จากการขายและการบริการทั้งหมด ในขณะที่ต้นทุนขายและการบริการอยู่ที่ 26,890 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.0% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามปริมาณการจําหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่ลดลง 5.8% จาก ไตรมาสที่แล้ว

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วของราคาน้ำมันมันดิบในเดือนมีนาคม ทําให้มีการปรับราคาน้ำมัน ดีเซลหน้าสถานีบริการลดลงมากถึง 9 ครั้ง คิดเป็น 4.70 บาท และมีการปรับราคาน้ำมันเบนซินหน้าสถานีบริการลดลงมากถึง 11 ครั้ง คิดเป็น 6.50 บาท ซึ่งกระทบต่อค่าการตลาดของบริษัทให้ต่ำกว่าระดับปกติ เนื่องจากราคาขายหน้าสถานีบริการลดลง เร็วกว่าต้นทุนในถังน้ำมัน ส่งผลให้พีทีจี มีกําไรขั้นต้น 2,231 ล้านบาท ลดลง 12.1% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และลดลง 10.8% จากไตรมาสที่แล้ว โดยกําไรขั้นต้นจากธุรกิจน้ำมันคิดเป็นสัดส่วน 87.1% ของกําไรขั้นต้นทั้งหมด และกําไรขั้นต้นจาก ธุรกิจ Non-oil คิดเป็นสัดส่วน 12.9% โดยแบ่งเป็นกําไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 3.6% ธุรกิจแก๊ส LPG 4.6% และ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ Max Mart และธุรกิจอื่นๆ 4.7%

 

 

ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและการบริการเท่ากับ 1,944 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ ลดลง 6.3% จากไตรมาสก่อน ปัจจัยหลักเกิดจากในปีนี้มีการปรับการบันทึกรายงานทางการเงินใหม่ตามมาตรฐานบัญชีฉบับ ที่ 16 โดยการรับรู้มูลค่าปัจจุบันของสิทธิในการใช้สินทรัพย์และหนี้สินที่บริษัท มีภาระผูกพันตามสัญญาเช่ารวมถึงระยะเวลาที่ บริษัทสามารถต่ออายุสัญญาดังกล่าวในงบแสดงฐานะการเงิน ดังนั้นบริษัทจึงต้องรับรู้ค่าเสื่อมราคาจากสิทธิในการใช้ สินทรัพย์และดอกเบี้ยจ่ายจากหนี้สินตามสัญญาเช่า แทนการบันทึกค่าเช่าแบบเดิม

 

 

นอกจากนี้ พีทีจี มี EBITDA เท่ากับ 1,209 ล้านบาท ลดลง 15.7 % จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และลดลง 7.5% จาก ไตรมาสที่แล้ว ทั้งนี้ พีทีจีมีกําไรสุทธิอยู่ที่ 204 ล้านบาท ลดลง 60.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และลดลง 43.2% จาก ไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากค่าการตลาดที่ลดลง และการปรับปรุงการบันทึกรายงานทางการเงินตามมาตรฐานบัญชีที่เปลี่ยนไป

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม พีทีจียังคงเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้และกําไร โดยการขยายการให้บริการทั้งธุรกิจน้ำมันและธุรกิจ Non-Oil รวมถึงต่อยอด และใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ที่มีอยู่เดิมให้คุ้มค่ามากที่สุด พร้อมกับการเชื่อมโยงระบบบัตรสมาชิกกับพันธมิตร ที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มมูลค่า และช่วยสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า

 

 


ด้านสำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า PTG รายงานกำไรสุทธิ 1Q20 ดีกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ หลักๆ มาจากส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในปาล์มคอมเพล็กซ์ที่เติบโตทั้ง YoY และ QoQ เราเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น 1) ปริมาณขายเริ่มกลับมาเติบโตระดับ 2 หลักในเดือน พ.ค. และคาดจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังจากผ่อนคลายมาตรการ ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันสูงขึ้น 2) ค่าการตลาดที่กลับมาอยู่ในระดับที่ดีขึ้น 1.80-1.90 บาทต่อลิตร 3) การควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้นของบริษัทที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และ 4) ธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ยังมีทิศทางที่ดีจากความต้องการไบโอดีเซลที่ยังสูงต่อเนื่อง ตามการผลักดันของภาครัฐ และด้วยเราคาดว่าใน 1Q20 จะเป็นไตรมาสที่ต่ำสุดของบริษัท และทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้น เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 15 บาท

 



PTG รายงานกำไรสุทธิ 203 ล้านบาท ลดลง -61% YoY และ -43% QoQ ซึ่งดีกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ มาจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ดีกว่าที่เราคาดไว้ค่อนข้างมากมาที่ 165 ล้านบาทซึ่งหลักๆ ปาล์มคอมเพล็กซ์ที่มีส่วนแบ่งกำไรสูงถึง 170 ล้านบาทจากขาดทุนใน 1Q19 และ 30 ล้านบาทใน 4Q19 ในขณะที่การดำเนินงานธุรกิจหลักเป็นไปตามที่เราคาดไว้ด้วยปริมาณขายน้ำมันที่เติบโต 9.7% YoY มาที่ 1,217 ล้านลิตร และค่าการตลาดที่ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย 1.60 บาทต่อลิตร (คาดไว้ที่ 1.62 บาทต่อลิตร) เราเห็นการควบคุมที่ดีขึ้นของบริษัทด้วยค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อปริมาณขายลดลงมาที่ 1.60 บาทต่อลิตรเท่านั้น (จาก 1.67-1.70 บาทต่อลิตรในก่อนหน้า) อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น 214 ล้านบาท เป็นผลมาจากมาตรฐานบัญชี TFRS16 เนื่องจากบริษัทมีการเช่าพื้นที่เพื่อเปิดสถานีบริการ หากไม่รวมผลกระทบจาก TFRS16 กำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 250 ล้านบาท (-51.8% YoY , -29.8% QoQ) ดีกว่าที่เราคาดไว้

 

 

 



ใน 1Q20 ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ผันผวนทำให้ราคาขายและค่าการตลาดปรับตัวลงในเดือนมีนาคม โดยปัจจุบันเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงปลายเดือนเม.ย.-พ.ค. โดยปริมาณขายหดตัวในช่วงต้นเดือนเม.ย. เริ่มปรับตัวดีขึ้นและในปลายเดือนทำให้เดือนเม.ย. ติดลบเพียง -5% YoY เท่านั้น และปัจจุบันปริมาณขายเติบโตระดับ 2 หลักในเดือน พ.ค. และจากการผ่อนคลายมาตรการภาครัฐ เราคาดจะเห็นปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นในช่วงนี้เป็นต้นไป ในขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันเห็นทิศทางที่ดีขึ้นมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ 2Q19 ที่ 1.8-1.90 บาทต่อลิตร ในส่วนของส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วม เรามองว่าจะอ่อนตัวลง QoQ จากปัจจัยด้านฤดูกาลและ

 

 

ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 15 บาท (PER 20x ปี 2020F) สำหรับ PTG ปัจจุบัน PTG ซื้อขายอยู่ที่ PBV 2.9 เท่าและ PER 17.6 เท่า เท่านั้นเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยการซื้อขายในอดีตของบริษัทที่ PER 27 เท่า ปัจจัยเสี่ยงสำหรับ PTG ได้แก่ 1) ค่าการตลาดที่อ่อนตัวกว่าที่เราคาดไว้ 2) ปริมาณขายน้ำมันที่ต่ำกว่าคาด และความล่าช้าของธุรกิจ non-oil 3) ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานบัญชีที่สูงกว่าคาด

 

 

 

พร้อมกันนี้ นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG คาดว่าภายหลังสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 คลี่คลายลง ทําให้เศรษฐกิจกลับมาเดินหน้าได้ปริมาณ การเติบโตของการจําหน่ายน้ำมันของประเทศจะค่อยๆ กลับมาเติบโต พีทีจีคาดว่าในครึ่งปีหลังของปี 2563 ปริมาณการ จําหน่ายน้ำมันของพีทีจี จะสามารถกลับมาเติบโตได้ที่ 15 - 17% และคาดทั้งปีพีทีจี จะมีปริมาณการเติบโตของปริมาณการ จําหน่ายน้ำมันที่ 10 - 12% จากการขยายสาขา การที่แบรนด์เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และการพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

 

รักษากระแสเงินสดเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนของสถานะการระบาดของไวรัส COVID-19 และ ตลาดการเงิน โดยการบริหารค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม พิจารณาปรับลดการลงทุนในปี 2563 จาก 4,500 - 5,000 ล้านบาท เป็น 2,000 – 2,500 ล้านบาท โดยจะลดการขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันจาก 150 - 200 สาขา เป็น 50 - 100 สาขา และปรับลด การขยายสาขาธุรกิจ Non-Oil จากประมาณ 200 สาขา เป็น 100 สาขา นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้จ่ายเงินปัน ผลระหว่างกาลเป็น 0.20 บาทต่อหุ้น เพื่อเป็นการบริหารเงินสดให้เพียงพอต่อการดําเนินงานหากสถานการณ์การระบาดของ ไวรัส COVID-19 ยังยืดเยื้อต่อไป และสํารองเงินสดเพื่อรองรับหุ้นกู้ที่จะครบกําหนดในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 นี้ จํานวน 1,000 ล้านบาท

 

 


ทั้งนี้ พีทีจี ตระหนักถึงความสําคัญของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มพัฒนาศักยภาพ และสร้างโอกาสในวิกฤต แม้ว่าในช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 จะกระทบต่อการ เติบโตของปริมาณการจําหน่ายน้ำมันของบริษัท และการเติบโตของธุรกิจ Non-Oil ทั้งธุรกิจอาหารแลเครื่องดื่ม และธุรกิจร้าน สะดวกซื้อของบริษัท อย่างไรก็ตาม พีทีจีได้ใช้วิกฤตในครั้งนี้ให้เป็นโอกาสในการพัฒนาศักยภาพ เช่น การเพิ่มช่องทางการ ให้บริการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มทั้งในส่วนของกาแฟพันธุ์ไทย และ Coffee World ผ่านแอปพลิเคชั่นสั่งอาหารออนไลน์ ต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า ทั้งนี้ พีทีจียังคงคัดสรรธุรกิจที่สร้างความแข็งแกร่งและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้กับ บริษัทในระยะยาวได้ต่อไป

 

 

 

 


ประมาณการผลการดําเนินงานในปี 2563 จากเป้าหมายเรื่องการขยายสถานีบริการน้ำมัน ที่ลดลงจากผลกระทบของการ แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทําให้คาดการณ์ปริมาณการเติบโตของการจําหน่ายน้ำมันของบริษัทอยู่ที่ 10 - 12% จากเดิม ที่คาดว่าจะเติบโต 15 - 20% อย่างไรก็ตาม พีทีจียังคาดว่าโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ยังสามารถดําเนินงานได้เต็มกําลังการ ผลิตและสร้างผลกําไรในปี 2563 อยู่ที่ 500 - 600 ล้านบาท ซึ่งพีทีจีจะรับรู้ส่วนแบ่งกําไรตามการถือหุ้นในสัดส่วน 40% ทั้งนี้ คาดการณ์ผลกระทบจากการปรับปรุงรายงานทางการเงินตามมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 16 จากการคํานวณภาระผูกพันตาม สัญญาเช่ารวมถึงระยะเวลาที่บริษัทสามารถต่ออายุสัญญาอยู่ที่ 160 - 180 ล้านบาท

 

 

ด้วยเหตุนี้ พีทีจีจึงปรับประมาณการผลประกอบการของบริษัท โดยคาดว่าจากผลกระทบที่กล่าวมาข้างต้น พีทีจี จะมี EBITDA เติบโตอยู่ที่ 10 - 12% จากปีที่แล้ว

 

 

PTG

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

TERA เปิดเทรดวันแรกราคาพุ่งเหนือจอง 122.86 %

TERA เปิดเทรดวันแรกราคาพุ่งเหนือจอง 122.86 %

คุมเชิง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองเกมหุ้นภาพรวม น่าจะเป็นรูปแบบการเทรด การเล่นคุมเชิง เน้นเล่นรอบ เล่นสั้น บนปัจจัยบวกใหม่...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้