HotNews: GGC คาดโค้ง 2 สร้างผลงานโต คลายล็อคดาวน์ หนุนดีมานด์

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(20 พฤษภาคม 2563) "วิทูร ซื่อวัฒนากุล " บิ๊ก GGC คาดผลงานQ2/63 ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังเข้าไฮซีซั่นของน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ระบุเมษายน - พฤษภาคม ผลผลิตปรับตัวสูงขึ้น จากไตรมาส1/63 หดตัว พร้อมรับแรงหนุนคลายล็อคดาวน์ ดันดีมานด์ ด้านกำไร Q1/63 พุ่งปรี๊ด 986 % รับอานิสงส์บาทอ่อน - รับส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมค้า

 

 

นายวิทูร ซื่อวัฒนากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/2563จะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) โดยเดือนเมษายน-พฤษภาคม เริ่มเห็นผลผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ไตรมาส1/63 ปริมาณการผลิตของประเทศปรับตัวลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากปัญหาภัยแล้ง รวมถึงราคาผลผลิตปาล์มค่อนข้างต่ำส่งผลให้เกษตกรชะลอการใส่ปุ๋ย ทำให้ผลผลิตออกมาน้อย โดยไตรมาส1/2563 มีผลผลิตอยู่ที่ 480,000 ตัน ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

 

อีกทั้งในไตรมาส2/2563 ความต้องการของน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) กลับมาสูงอีกครั้งหลังเริ่มคลายมาตรการปิดเมือง(ล็อคดาวน์) โดยจะเริ่มเห็นคำส่งซื้อน้ำมันไบโอดีเซล (Biodiesel) เข้ามาบ้างแล้ว รวมถึงไตรมาสนี้บริษัทฯยังได้มีกำลังการผลิตที่ลดลงตามฤดูการด้วยเช่นกัน ประกอบกับกระทรวงพลังงานได้ประกาศช่วยพยุงราคาน้ำมันปาล์มในประเทศด้วยการมีนโยบายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) รับซื้อน้ำมันปาล์มจากตลาดเพิ่มอีก 37,000 ตัน ส่งผลให้บริษทฯคาดการณ์ว่าแนวโน้มราคาน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) ในไตรมาส 2/2563 จะปรับตัวดีขึ้น

 

 

"ในไตรมาสที่ผ่านมามีปริมาณการใช้ CPO เกือบๆ 200,000 ตันต่อเดือนมากกว่าการผลิตที่มี ส่งผลให้สต็อกในประเทศปรับตัวลดลงเรื่อยๆ ถือว่าตอนนี้ลดลงต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แต่ของบรษัทฯเราแก้ไขด้วยการทำสัญญากับซัพพลายเออร์รายใหญ่ในภาคใต้แบบระยะยาว ทำให้มั่นใจว่าเพียงพอแน่นอน และตอนนี้เราก็ได้ทำสัญญาไปแล้วกว่า 50% " นายวิฑูร กล่าว

 

 

ด้านน้ำมันเมล็ดในปาล์ม(CPKO)มองว่ายังคงเป็นไปตามกลไกลตลาด หลังช่วงที่ผ่านมาประเทศจีนได้มีการปิดเมืองตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้ความต้องการใช้แฟตตี้แอลกอฮอล์ปรับตัวลดลง โดยเดือนเมษายนที่ผ่านมาราคาปรับตัวลดลงไปต่ำสุดกว่า 500 เหรียญสหรัฐฯ แต่ทั้งนี้หลังจากสถานการณ์คลี่คลายประเทศจีนเริ่มเปิดเมืองและกลับมาซื้อผลิตภัณฑ์ในตลาดอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาน้ำมันเมล็ดในปาล์ม(CPKO) เริ่มส่งสัญญานที่ดีขึ้น โดยล่าสุดสัปดาห์นี้(18-22 พ.ค.63) ราคาอยู่ที่ 600 เหรียญสหรัฐฯ

 

 

ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโครงการร่วม (JV) ของบริษัทฯ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ Refined Glycerine Plant2 ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 363 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักร คาดว่าจะพร้อมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์(COD) ในไตรมาส4/2563 ส่วนโครงการ NaKhonsawan Biocomplex Phase1 ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 51% ปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การสั่งซื้อเครื่องจักรจากประเทศจีน และอินเดีย เกิดความล่าช้า ซึ่งบริษัทฯยังอยู่ระหว่างพิจารณาว่าหากผลกระทบยังมีความยืดเยื้อ บริษัทฯจะตัดสินใจเลื่อนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการดังกล่าวไปเป็นไตรมาส4/2564 แทน จากเดิมไตรมาสคาดเริ่มได้ 1/2564

 

 

 

GGC เผยกำไร Q1/63 พุ่งปรี๊ด 986 %

บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) GGC เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมำส 1/2563 บริษัทฯ สามารถขายผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์เป็นจำนวน 101,371 ตัน เพิ่มขึ้นจำนวน 22,346 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 28 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2562 ซึ่งไม่รวมปริมาณการขายเมทิลเอสเทอร์จำนวน 15,678 ตัน ของไตรมาส 1/2562 ที่ไม่สามารถบันทึกลงในงบกำไรขาดทุนได้ เนื่องจากไตรมาสดังกล่าวโรงงานผลิตเมทิลเอสเทอร์แห่งที่ 2 อยู่ระหว่างทดลองการผลิต ประกอบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นของราคาน้ำมันปาล์มดิบ ถึงแม้ว่าบริษัทฯ มีปริมาณการขายผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ลดลงร้อยละ 16จากไตรมาส 1/2562 มาอยู่ที่ 20,938 ตัน แต่บริษัทฯ ก็สามารถสร้างรายได้จากการขายจำนวน 5,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 86 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2562

 

 

อีกทั้ง บริษัทฯ ยังสามารถทำกำไร EBITDA จ นวน 345 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 145 ในไตรมาส 1/2563 บริษัทฯ มีผลกำไรที่เพิ่มขึ้น สำเหตุหลักมาจากอัตรากำไรของผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์ที่เพิ่มขึ้นจากการแข่งขันทางด้านส่วนลดผลิตภัณฑ์ที่ลดความรุนแรงลงเนื่องจากอุปสงค์และอุปทานของอุตสาหกรรมไบโอดีเซลปรับเข้าสู่สมดุลมากขึ้น

 

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้รับผลกระทบของ Stock Gain & NRV จำนวน 92 ล้านบาท เมื่อหักผลกระทบดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ มี Adjusted EBITDA จำนวน 253ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2562 คิดเป็นร้อยละ 18

 

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมค้า บริษัท ไทยอีทอกซีเลท จำกัด (TEX) และบริษัท จีจีซี เคทิส ไบโออินดัสเทรียล จำกัด (GKBI) รวมจำนวน 62 ล้านบาท จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น รวมถึงค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับ 30.11 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงต้นไตรมาส 1/2563 มาอยู่ที่ระดับ 32.67 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงปลายไตรมาส 1/2563 คิดเป็นการอ่อนค่าร้อยละ 9 ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 217 ล้านบาท จากกำไรสุทธิหลังรวมรายการพิเศษในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 986

 

 

 

เซียนหุ้น แนะถือGGC เคาะเป้า 9.70 บาท

 

บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า GGC รายงานผลประกอบการ 239 ล้านบาทใน 1Q20 หากไม่รวมรายการพิเศษ 18 ล้านบาท จากค่าเงินแล้วกำไรปกติจะอยู่ที่ 220 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 25 ล้านบาท และขาดทุน 26 ล้านบาทใน 1Q19 และ 4Q19 ตามลำดับซึ่งผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นมาจากผลของ ME ที่เพิ่มขึ้นมาตรการหนุนภาครัฐ แต่ราคาของ FA ลดลงจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ

 

 

GGC รายงานยอดขายเพิ่มขึ้น 85.6% YoY และ 36.1% QoQ จากยอดขายของ ME ที่เพิ่มขึ้น โดยปริมาณขายเพิ่มขึ้น 7% YoY แต่ลดลง 5% QoQ จากผลของ COVID-19 ในเดือน มี.ค. แต่ด้วยราคาที่เพิ่มขึ้น 83% YoY และ 47% QoQ จากมาตรการภาครัฐทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 154% YoY และ 48% QoQ ทำให้ EBITDA ของ ME เพิ่มขึ้น 16 เท่า YoY และ 147% QoQ

 

 

EBITDA ของ FA ติดลบจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ ตรงข้ามกับ ME ยอดขายของ FA ลดลง 20% YoY และ 2% QoQ จากปริมาณการขายที่ลดลง 16% YoY และ 15% QoQ จากผลของ COVID-19 นอกจากนี้ P2F ของ FA ลดลง 43% YoY และ 7% QoQ จากราคา FA ที่ลดลงตาม CPKO ซึ่งอุปทานถูกจำกัดจากการปิดเมืองในมาเลเซียและอินโดนีเซียจากโรคระบาด ทำให้ EBITDA ของ FA ติดลบ 86 ล้านบาท จากเดิมกำไร 195 ล้านบาท และ 102 ล้านบาทใน 1Q19 และ 4Q19 ตามลำดับ

 

 

แนะนำให้ "ถือ" โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 9.70 บาท (อิง PBV ที่ 1 เท่าสำหรับปี 2020F) มีความเสี่ยงเชิงลบจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าคาด, อัตรากำไรที่ลดลง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

 

 

GGC