HotNews : SEAFCO ยันปั้มรายได้ปี 63 โต 10% ฟุ้ง Backlog หนา 2 พันลบ.

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 3 เมษายน 2563) "ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์"  บิ๊ก  SEAFCO คงเป้ารายได้ปี 63 โต 10% แต่หาก โควิด-19 ยืดเยื้ออาจปรับแผนธุรกิจใหม่ พร้อม ตุน Backlog ในมือ 2 พันลบ. รับรู้ปีนี้ทั้งหมด พร้อมรอผลประมูลงานใหม่ 1.9 หมื่นลบ. ด้าน บล.เอเซีย พลัส  ส่อง แนวโน้มกำไรโค้ง 1/63 โดดเด่น ตามปริมาณงานที่มีอยู่ในมือที่ทยอยบันทึกรายได้สูงขึ้น แนะนำซื้อราคาเป้าหมายปี 2563 อิง PER 18x อยู่ที่ 9.30 บาท

 

 

 

ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) SEAFCO เปิดเผยว่า บริษัทฯคงเป้ารายได้ปี 2563 เติบโต 10% จากปีก่อนทำได้ 3,062.06 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯมีงานในมือ(Backlog) กว่า 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐ 40% ภาคเอกชน60% ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ทั้งหมด

 

 

อย่างไรก็ตามหากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีความยืดเยื้อบริษัทฯอาจมีการออกมาปรับแผนการดำเนินงานใหม่อีกครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานใหม่มูลค่ารวม 19,000 ล้านบาท โดยเป็นงานที่บริษัทฯเข้าไปประมูลในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งยอมรับว่าการเจรจางานใหม่กับลูกค้าเกิดความล่าช้าด้วยเช่นกัน ส่วนงานประมูลใหม่ๆก็ยังไม่มีออกมาและหลายโครงการที่คาดว่าจะมีการเปิดประมูลได้ถูกเลื่อนออกไปก่อนหลังสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย

 

 

 

"ตอนนี้ทุกคนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่เราทำงานได้ตามปกติแค่ความคล่องตัวอาจจะลดน้อยถอยลงนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไร แต่ในระยะยาวอาจจะมีปัญหาเรื่องแรงงาน เพราะว่าส่วนใหญ่ตอนนี้ใช้แรงงานต่างชาติ และปัจจุบันไม่มีแรงงานไหลเข้า มีแต่พากันจะทยอยกลับบ้านกันหมด ให้อารมณ์เหมือนน้ำมันหยด และไม่มีน้ำเติมถัง แต่ตอนนี้นโยบายเรายังเงียบๆอยู่ จริงๆเราก็เข้าใจว่าตอนนี้งานภาคเอกชนก็ต่างพากันหยุดหมด งานประมูลใหม่ที่จะมีก็เลื่อนออกไปก่อน และเราก็ไม่รู้ โควิด-19 จะคลี่คลายลงตอนไหนเราตอบอะไรมากไม่ได้จริงๆก็ต้องติดตามไป" ดร.ณรงค์ กล่าว

 

 

สำหรับแผนการดูแลพนักงานบริษัทฯได้มีการติดตั้งอุปกรรณ์ป้องกันการติดเชื้อไว้ตามจุดต่างๆ เช่น เจลล้างมือแอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานมากขึ้น หรือหากพนักงานคนไหนเข้ามีการเข้าข่ายเป็นผู้ติดเชื้อบริษัทฯจะให้หยุดงานพร้อมกักตัวตามระยะเวลากำหนดทันที

 

 

ดร.ณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมของบริษัทฯยังคงมีความแข็งแรงอยู่ เราดูแลและรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันเราก็ดูแลแลพนักงานรวมถึงสังคมส่วนรวมด้วยเช่นกัน

 

 

บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า ประเมิน Earning Momentum 1Q63 ของ SEAFCO อยู่ในขาขึ้นชัดเจน ประเมินรายได้สูงขึ้นจาก 4Q62 ที่ 600 ล้านบาท สู่ระดับ 700-800 ล้านบาท ด้วยปริมาณงานที่เซ็นต์เข้ามามากทำให้ SEAFCO สามารถใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรได้ในระดับสูง โดยมีการรับรู้รายได้โครงการใหญ่พร้อมกัน อาทิ โครงการทางด่วนดาวคะนอง-พระราม 3, หมอชิต คอมเพล็ก และดุสิตธานี นอกจากนี้ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โซน C มูลค่าทั้งหมดกว่า 549 ล้านบาท ถือได้ว่าเป็น Project Highlight ที่สำคัญ ยิ่งกว่านั้นยังมีโอกาสบันทึกกลับรายการลูกหนี้ค้างชำระจากโรงเหล้าที่บางคล้าราว 10 ล้านบาท ผลักดันกำไร 1Q63 เติบโต QoQ โดดเด่น เทียบกับ 4Q62 ที่มีกำไร 85 ล้านบาท

 

 

การเร่งเบิกงบประมาณปี 2563 ใช้จ่ายลงทุน คาดทำให้งานที่ SEAFCO ติดตามอยู่รวมมูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท มีความชัดเจนเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์) และสายสีแดง 3 เส้นทาง (ตลิ่งชัน-ศิริราช,ศิริราช-ศาลายา,รังสิต-ม.ธรรมศาสตร์) รวมถึงรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่น่าจะเริ่มก่อสร้างช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนงานภาคเอกชนยังพอมีให้เห็น จึงเป็นเหตุให้บริษัทซื้อเครื่องจักรเพิ่ม 7 ชุด จนปัจจุบันมีเครื่องจักรเสาเข็มเจาะมากกว่า 50 ชุด (ไม่รวม Diaphragm Wall) เปิดโอกาสให้สามารถได้รับงานโครงการใหม่เข้ามาเติมเต็ม Backlog ได้ต่อเนื่องจากที่มีอยู่ 2.7 พันล้านบาท Secured รายได้ปีนี้เกือบทั้งหมด

 

 

แนวโน้มกำไร 1Q63 โดดเด่น ตามปริมาณงานที่มีอยู่ในมือที่ทยอยบันทึกรายได้สูงขึ้น ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวลดลงตามภาวะตลาดจน Dividend Yield ปี 2563 เพิ่มสูงเป็น 7.96% และ PER ซื้อขายเพียงแค่ 7.29x ฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อราคาเป้าหมายปี 2563 อิง PER 18x อยู่ที่ 9.30 บาท

 

 

 

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า SEAFCO ปัจจุบันมีงานในมือ 2.5 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นปี 2562 ที่ 2.1 พันล้านบาท เกิดจากงานใหม่ที่ได้รับในปี 2562 สูงถึง 3.4 พันล้านบาท และในช่วงต้นปี 2563 บริษัทมีการรับงานใหม่เพิ่ม 458 ล้านบาท งานมูลค่าที่สูงมาจากโครงการ ดุสิตเซ็นทรัล ปาร์ค และงานศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ วงเงินโดยรวม 2 โครงการ 1.5 พันล้านบาท หรือ คิดเป็น 60% ของมูลค่างานในมือโดยรวม หนุนรายได้ให้มีความต่อเนื่องไปถึง 3Q63

 

 

บริษัทคาดเห็นความคืบหน้าของงานใหม่ ในปี 2563 ในช่วงท้ายของปี เช่นงานรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน รวมถึงงานรถไฟฟ้า เช่นรถไฟฟ้าสายสีส้ม/สีแดงส่วนต่อขยาย ทั้งนี้ยังมีงานภาคเอกชน ทั้งจากกลุ่มคอนโดมีเนียม และ ธุรกิจมิกซ์ยูส ที่มีโอกาสรับงานใหม่เพิ่มระหว่างปี 2563 คาดมูลค่างานใหม่ที่ได้รับราว 2.5-3.5 พันล้านบาท จากงานรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบินเป็นหลัก ซึ่งมีมูลค่างานเฉพาะฐานรากกว่า 1หมื่นล้านบาท จะช่วยหนุนงานในมือระหว่างปี 2563/2564 เพื่อรองรับรายได้ในปี 2564

 

 

คาดผลประกอบการ 1Q63 ของ SEAFCO จะมีการรับรู้รายได้ที่ต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดใกล้เคียง 800 ล้านบาท จากความคืบหน้าของงานใหม่จากโครงการ ดุสิตเซ็นทรัล ปาร์ค และงานศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ระดับมาร์จิ้นจะทำได้ราว 19-20% โดยผลประกอบการจะเห็นการเติบโตเมื่อเทียบกับ QoQ ขณะที่รายปี(YoY) อาจทำได้เพียงทรงตัว เนื่องจาก 1Q62 มีการรับรู้รายได้รถไฟฟ้าสายสีส้มค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันมีรายการพิเศษจากการได้รับชำระหนี้คืนจากรายการหนี้สูญของลูกค้า เข้ามา 1 รายการ ราว 10 ล้านบาท

 

 

คงคำแนะนำ "เก็งกำไร" ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 และ 2564 ลง 14.2% และ 18.8% ตามลำดับ เป็น 345 ล้านบาท และ 355 ล้านบาท ผลจากงานในมือใหม่ที่ได้รับส่วนใหญ่เป็นงานของรวมค่าแรงซึ่งมีระดับมาร์จิ้นที่ระดับ 15-19% น้อยกว่างานเฉพาะค่าแรงที่มากกว่า 20% เราปรับระดับมาร์จิ้นลง เป็น 18.4% และ 18.2% จากเดิมที่ระดับ 21.7% คงคำแนะนำจาก "เก็งกำไร" SEAFCO ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2563 ใหม่ที่ 6.24 บาท (อ้างอิง PE ที่ 13.6 เท่า ซื้อขายระดับ PE-1SD น้อยกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 18 เท่า) จากเดิมที่ราคา 9 บาท บริษัทคงแผนการจ่ายปันผลทุกไตรมาส โดยให้อัตราผลตอบแทน Dividend Yield เฉลี่ย 4 % ต่อปี โดยมีประเด็นติดตามคือ ความต่อเนื่องของงานประมูลภาครัฐที่อาจมีผลกระทบจากโรคระบาด Covic-19 และการคุมระดับมาร์จิ้นกรณีรับงานโครงการภาครัฐบางโครงการที่มีมาร์จิ้นไม่สูง

 

 

SEAFCO