HotNews: SEAFCO ปีนี้-ปีหน้ากำไรจ่อนิวไฮ
เดือนเม.ย. คว้างานเพิ่ม 4 โครงการ
รวม 1.25 พันลบ.

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 19 เมษายน 2561)------- SEAFCO คว้างานใหม่ 4 โครงการในเดือนเม.ย. รวมมูลค่า 1.25 พันลบ. โบรกฯ คงคำแนะนำ ซื้อ คาดกำไรปีนี้-ปีหน้าทำนิวไฮ เคาะเป้า 10.87 บาท

ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) SEAFCO เปิดเผยว่า ในเดือนเม.ย. 61 บริษัทได้งานโครงการใหม่ จำนวน 4 โครงการ มูลค่าทั้งหมดไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 1,250 ล้านบาท ได้แก่
1. โครงการ วัน แบงค็อก บริเวณพื้นที่โซน 1 (One Bangkok, Zone 1) ถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ ลักษณะของงาน กำแพงกันดิน ระบบไดอะแฟรมวอลล์ และเสาเข็มเจาะแบบกลมลึก 80 เมตรเป็นงานที่รวมค่าวัสดุ ผู้ว่าจ้าง บริษัท เกษมทรัพย์วัฒน จำกัด เริ่มดำเนินการแล้ว ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2561
2. โครงการ วัน แบงค็อก บริเวณพื้นที่โซน 2 (One Bangkok, Zone 2) ถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ ลักษณะของงาน กำแพงกันดิน ระบบไดอะแฟรมวอลล์ และเสาเข็มเจาะแบบกลมลึก 80 เมตร เป็นงานที่รวมค่าวัสดุ ผู้ว่าจ้าง บริษัท เกษมทรัพย์วัฒน จำกัด อยู่ระหว่างกำลังขนย้ายเครื่องมือเข้าเพื่อเริ่มงาน กลางเดือนพฤษภาคม 2561
3. โครงการก่อสร้าง อาคารจอดรถใหม่ของศูนย์การค้าเดอะมอลล์ สาขา ถนนงามวงศ์วาน นนทบุรีลักษณะของงาน เสาเข็มเจาะแบบกลม เป็นงานที่รวมค่าวัสดุ ผู้ว่าจ้าง บริษัท งามวงศ์วานชอปปิ้งมอลล์ จำกัด กำหนดเข้าดำเนินการ กลางเดือนเมษายน 2561
4. โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนช่องระบายอากาศอุโมงค์หมายเลข 14 ถนนรามคำแหง กรุงเทพฯ ลักษณะของงาน กำแพงกันดิน ระบบไดอะแฟรมวอลล์ เป็นงานที่ไม่รวมค่าวัสดุ ผู้ว่าจ้าง กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที กำหนดเข้าดำเนินการ ต้นเดือนพฤศจิกายน 2561

ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ ว่า คาด SEAFCO แจ้งข่าวดีได้งาน 2Q61 สูง ปกติจะแจ้งตลาดฯ สรุปการได้งานใหม่ ล่าสุดที่แจ้งเป็นเดือน ก.พ.61 แต่จากการประชุมในงาน Opportunity Day ที่ผ่านมา ทางบริษัทแจ้งว่าได้เสนอราคาต่ำสุดในงานเสาเข็มและฐานรากกับโครงการ One Bangkok อีกประมาณ 1,200 ล้านบาท ดังนั้นจากงานในมือทำสถิติสูงสุดใหม่ 2,557 ล้านบาท ณ สิ้นปี 60 อยู่แล้ว ก็จะเพิ่มเป็นประมาณ 3,757 ล้านบาท ข้อดีคือ จะเป็นแหล่งรายได้ที่มากในอนาคต และเนื่องจากที่งานในมือจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ที่ประมาณ 2,048 ล้านบาท และส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ไปรับรู้รายได้ปี 62 จึงเป็นการรับประกันรายได้ปีนี้และปีหน้าในสัดส่วน 87%/18% แล้ว ถือว่ามีโอกาสสูงที่จะทำได้ตามประมาณการได้งานก่อสร้างดีๆครบแล้ว คือโครงการ Mix Use คือ One Bangkok เปิดประมูล 3 เฟส บริษัทได้รับมา 2 เฟส แต่อีก 1 เฟสให้เอกชนรายอื่นอยู่นอกตลาดฯ ในอนาคตจะเปิดประมูลเฟส 4 ซึ่งเรามองว่าบริษัทก็ยังมีโอกาสสูงที่จะได้เช่นกัน นอกจากนี้บริษัทยังได้รับงานรถไฟฟ้าอีกถึง 2 สายคือ สายสีส้มจากผู้รับเหมาหลักคือ CK และ สายสีชมพูจากผู้รับเหมาหลักคือ STEC

ปรับประมาณการปีนี้และปีหน้าดีขึ้น ในอัตรา 3% และ 4% ตามลำดับ ด้วยการปรับอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 21.0% ทั้งสองปี จากเดิมที่ 20.6% สอดรับกับการที่บริษัทได้รับข้อดีจากงานในมือส่วนใหญ่เป็นรับค่าแรง ซึ่งจะให้อัตรากำไรขั้นต้นมากกว่างานที่รวมมูลค่าวัสดุก่อสร้าง สำหรับงานในมือปัจจุบันเป็นสัดส่วนงานค่าแรง:งานรวมวัสดุก่อสร้างเป็น 87%:13% เทียบกับปี 59 และ 60 ที่ 64%:36% และ 59%:41% ตามลำดับ เราจึงมีสมมุติฐานว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้และปีหน้าจะสูงขึ้นเทียบกับปี 59 และ 60 ที่ 17.5% และ 18.5% ตามลำดับ เช่นเดียวกับสัดส่วนงานภาครัฐเพิ่มขึ้นมาเป็น 80% ที่เหลือ 20% เป็นเอกชน ซึ่งปกติงานภาครัฐจะให้อัตรากำไรขั้นต้นมากกว่างานภาคเอกชน จากปีก่อนที่มีสัดส่วน 30%:70%

คาดกำไรเริ่มเติบโตสูงตั้งแต่ 2Q61 เป็นต้นไป แนวโน้มกำไร 1Q61 อยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเทียบ q-o-q หรือ 4Q60 เนื่องจากอยู่ในช่วงการย้ายเครื่องจักรเข้าไปในโครงการ One Bangkok และรถไฟฟ้าอีกถึง 2 สายคือ สายสีส้ม และ สายสีชมพู พอมาถึง 2Q61 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง จึงมีแนวโน้มที่ผลการดำเนินงานจะออกมาดีตั้งแต่ 2Q61 เป็นต้นไป สำหรับกำไรหลัก 1Q61 ที่ยังไม่มากพอๆกับ 4Q60 นั้นอยู่ที่ 24 ล้านบาท หากเทียบกับ y-o-y ที่ 51 ล้านบาทซึ่งเป็นไตรมาสที่ดีสุดในปี 60 ก็จะดูด้อยกว่ามาก แต่การที่ผลการดำเนินงานจะกลับมาแข็งแกร่งตั้งแต่ 2Q61 จึงไม่มีประเด็นที่ต้องกังวล

คงคำแนะนำเป็น ซื้อ คาดกำไรปีนี้และปีหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ ทั้งนี้บริษัทอยู่ในช่วงการจ่ายปันผลเป็นหุ้นและเงินสด (XD 9 พ.ค.61) หากพิจารณาอัตราการเติบโตกำไรหลักต่อหุ้นปีนี้ (คิดจำนวนหุ้นที่เพิ่มจาก หุ้นปันผลแล้ว) และปี 62 เทียบ y-o-y เป็น 70%/20% ตามลำดับ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูงมาก หลังปรับประมาณการดีขึ้น ราคาพื้นฐานใหม่ก่อน XD ปรับเพิ่มเป็น 10.87 บาท ประเมินด้วย Forward P/E ปี 61 ที่ 22 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในอดีต ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 22% ส่วนราคาพื้นฐานหลัง XD กำหนดไว้เป็น 9.88 บาท ด้านแรงกระตุ้นราคาหุ้นคือ กำลังเข้าไปประมูลงานเพิ่มอีก 10 พันล้านบาท ซึ่งมีโอกาสจะได้งานเพิ่มขึ้นอีก ด้านงานต่างประเทศ ปัจจุบันมีอยู่ที่เมียนมาร์ 140 ล้านบาท และบริษัทตั้งเป้าจะมีสัดส่วน 5% ของรายได้ที่มาจากต่างประเทศ ฐานะการเงินบริษัทดีมาก ใช้เงินกู้น้อย และมี ROE ในระดับที่สูง

-----จบ-----