Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: BGRIM คว้า PPA โซลาร์ฟาร์มส่วนราชการ-สหกรณ์ 30.83 MW

1,541

 
 
 
 



 
 
 
 
 
 
 
 
HotNews: BGRIM  คว้า PPA 
 โซลาร์ฟาร์มส่วนราชการ-สหกรณ์ 30.83 MW 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(7พฤศจิกายน 2560)----- BGRIM  เข้าวินโซลาร์ฟาร์มสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร 7โครงการ 30.83 เมกะวัตต์   
 
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร    บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) BGRIMเปิดเผยว่า  อ้างอิงตามประกาศสานักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (“กกพ.”) เรื่อง รายชื่อผู้ผ่านการพิจารณาคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้า และมีสิทธิเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย (การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร พ.ศ. 2560 ฉบับลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 (“ประกาศของ กกพ.”) โดยมีโครงการที่ได้รับการรับรองทั้งหมดรวม 35 โครงการ กำลังการผลิตรวม 154.52 เมกะวัตต์
บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (“บี.กริม”) ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้มีสิทธิเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย จำนวนรวม 7 โครงการ กำลังการผลิตรวม 30.83 เมกะวัตต์  โดยแบ่งเป็นโครงการร่วมลงทุนกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (“อผศ.”) จำนวน 5 โครงการ กำลังการผลิตรวม 23.58 เมกะวัตต์ และเป็นผู้สนับสนุนโครงการของสหกรณ์ภาคการเกษตร 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 7.25 เมกะวัตต์ โดยมีรายละเอียดโครงการดังต่อไปนี้
โครงการร่วมลงทุนกับ อผศ.
1. โครงการของ อผศ. โรงพยาบาลทหารผ่านศึก กำลังการผลิตติดตั้ง 5 เมกะวัตต์
2. โครงการของ อผศ. สำนักงานรักษาความปลอดภัย กำลังการผลิตติดตั้ง 5 เมกะวัตต์
3. โครงการของ อผศ. สำนักงานกิจการโรงงานในอารักษ์ กำลังการผลิตติดตั้ง 5 เมกะวัตต์
4. โครงการของ อผศ. สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตชลบุรี กำลังการผลิตติตตั้ง 3.58 เมกะวัตต์
5. โครงการของ อผศ. สำนักงานกิจการการเกษตรการอุตสาหกรรมและการบริการ กำลังการผลิตติดตั้ง 5 เมกะวัตต์
โครงการที่เป็นผู้สนับสนุนสหกรณ์ภาคการเกษตร
1. โครงการของสหกรณ์การเกษตรบ้านนาเดิม กำลังการผลิตติดตั้ง 5 เมกะวัตต์
2. โครงการของสหกรณ์การเกษตรชนแดน กำลังการผลิตติดตั้ง 2.25 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ บี.กริม จะต้องทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายภายใน 120 วันนับถัดจากวันที่ในประกาศของ กกพ. หรือภายในวันที่ 2 มีนาคม 2561 โดยมีอัตราการรับซื้อไฟฟ้าที่ 4.12 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 25 ปี
ขณะที่บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์   BGRIM ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมีบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (แหลมฉบัง) 1 จำกัด เป็นบริษัทแกน บริษัทประกอบธุรกิจหลักด้านการผลิตและขายไฟฟ้า ไอน้ำ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ คือ การผลิตและขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. กฟภ. และลูกค้าอุตสาหกรรม โดยกลุ่มบริษัทฯ ขายไฟฟ้าซึ่งผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมให้กับ กฟผ. ภายใต้โครงการรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP โดย กฟผ. เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศ และไฟฟ้าที่ขายให้แก่ กฟผ. จะถูกส่งไปขายต่อให้ กฟภ. และ กฟน. ซึ่งจะจัดส่งไฟฟ้านี้ต่อไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังขายไฟฟ้าซึ่งผลิตจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมโดยตรงอีกด้วย ส่วนไฟฟ้าที่ผลิตจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเป็น VSPP และไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมจะถูกขายให้แก่ กฟภ. โดยตรง
          กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.8% แต่หากหักกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนออกจากกำไรสุทธิแล้วบริษัทมีกำไรปกติเพิ่มขึ้นเพียง 10.8% ซึ่งมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 14.73% โดยปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าทุกภาคส่วน (EGAT,PEA และ IU) ปรับเพิ่มขึ้นถึง 23.2% ท่ามกลางราคาขายไฟฟ้าต่อหน่วยที่ลดลงจากผลกระทบของการปรับตัวลงของราคาก๊าซธรรมชาติ อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มมาที่ 21.19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 20.18% จากการควบคุมต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนอัตรากำไรสุทธิที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินกู้โครงการที่เป็นสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 87.98%
   ทางฝ่ายคาดกำไรช่วงครึ่งหลังจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมองว่าการ refinance หุ้นกู้จนทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลงเหลือเพียง 4.6% จะส่งผลให้ดอกเบี้ยจ่ายในครึ่งปีหลังลดลงเฉลี่ย 15-20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะเดียวกันคาดว่ารายได้ในครึ่งปีหลังจะเพิ่มขึ้นประมาณ 19.78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการเริ่ม COD ของโครงการโรงไฟฟ้า BGWHA-1 ใน 2Q60 และการเดินเครื่องเต็ม 6 เดือนของโครงการโรงไฟฟ้า ABP5 อีกทั้งในปี 61 และ 62 ทางฝ่ายคาดว่ารายได้และกำไรจะเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 14.34% และ 19.64% ตามลำดับ
        แนะนำ "ทยอยซื้อ" ราคาพื้นฐานปี 61 ที่ 29.50 บาท   การมีผู้รับซื้อไฟฟ้าที่มั่นคงจะส่งผลโดยตรงต่อความมั่นคงของกระแสเงินสดของบริษัท อีกทั้ง BGRIM เป็นหนึ่งในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานประเทศ พลังงานและสาธารณูปโภคมาเป็นระยะเวลายาวนาน จึงทำให้โครงการต่างๆในอนาคตมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง โดยทางฝ่ายมีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการในอนาคตอีกอย่างน้อย 3-5ปีข้างหน้า ทางฝ่ายประเมินราคาพื้นฐานปี 61 ของ BGRIM อยู่ที่ 29.5 บาทต่อหุ้น (อ้างอิง DCF ใช้ WACC ที่ 5.34% g=3%)


บล.เคจีไอ  ระบุในบทวิเคราะห์หลกทรัพย์   เราเริ่มดูแลหุ้น BGRIM ด้วยคำแนะนำ ถือ และให้ราคาเป้าหมายปี 2561 ที่ 26.00 บาท ซึ่งคำนวณโดยวิธีdiscounted cash flow (DCF) การที่บริษัทมีแผนจะขยายกำลังการผลิตอีก 36% จาก 896MW ในปี 2559 เป็น 1,221MW ในปี 2562 ทำให้เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะโตถึง 29% CAGR โดยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปี 2565 จากแผนการขยายกำลังการผลิตเป็น 1,613MW (+77% จากกำลังการผลิตที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน) แต่อย่างไรก็ตาม เรามองว่าราคาหุ้นในสะท้อนความน่าสนใจต่างๆ ไปหมดแล้ว และเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายของเราอีกไม่มาก โดย upside จากนี้ไปจะขึ้นอยู่กับโครงการลงทุนใหม่ๆเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้หุ้น BGRIM กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง
   เราเริ่มดูแลหุ้น BGRIM ด้วยคำแนะนำถือ เนื่องจากเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายของเราอีกไม่มาก แม้เราจะรวมมูลค่าของโครงการทดแทน SPPs โรงเก่าเข้ามาแล้วก็ตาม ทั้งนี้เรามองว่า upside จากโครงการลงทุนใหม่ๆ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้หุ้น BGRIM กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง
การเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ทุกปีจะทำให้ผลประกอบการเติบโตทุกปีเช่นกัน
จากแผนของ BGRIM ที่จะขยายกำลังการผลิตอีก 36% จาก 896MW ในปี 2559 เป็น 1,221MW ในปี2562 เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะโตถึง 29% CAGR เราเชื่อว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 46% ในปี FY61 จากการเริ่มโครงการใหม่ในปี และ การรับรู้รายได้จากโครงการใหม่เต็มปี ทั้งนี้การเติบโตสูงเป็นอันดับที่สองในกลุ่มโรงไฟฟ้าแบบ conventional และเรามองว่าธุรกิจของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปี 2565 จากแผนการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 1,613MW (+77% จากกำลังการผลิตที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน)
  การที่ผลการดำเนินงานของ BGRIM แข็งแกร่ง นอกจากจะมาจากสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาวที่ทำไว้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (กฟภ.) และ การไฟฟ้าลาว (EDL) นั้นแล้ว แต่ยังมาจากประสบการณ์อันยาวนานในการบริหารโรงไฟฟ้า SPP, ประวัติการดำเนินงานที่ดี, และการกระจายตัวของทำเลที่ตั้งโครงการต่างๆ ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีสัญญาขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมไปอีกแค่ 10 ปี และ 8 ปี แต่เราเชื่อว่าความสัมพันธ์และประวัติการให้บริการที่ดีจะทำให้มีการต่อสัญญาใหม่ในเฟสต่อไป
  เนื่องจากสัดส่วนหนี้สินต่อทุนสูงสุดของธุรกิจโรงไฟฟ้าอยู่ที่ 3.0x เราจึงมองว่าบริษัทยังมีความสามารถในการก่อหนี้เพิ่มได้อีกประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ BGRIM มีเงินทุนสำหรับลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าเพิ่มได้อีกประมาณ 325-650MW ซึ่งโครงการที่บริษัทเน้นน่าจะอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่น ลาว เวียดนาม มาเลเซีย เมียนมาร์ และฟิลิปปินส์ โดยคาดว่าจะเป็นโครงการประเภทที่สืบเนื่องกับสิ่งที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ คือ ก๊าซธรรมชาติ พลังน้ำ และแสงอาทิตย์ แต่อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าการลงทุนในโครงการใหม่ยังต้องอาศัยเวลา
   เราเริ่มดูแลหุ้น BGRIM ด้วยคำแนะนำถือ และให้ราคาเป้าหมายปี 2561 ที่ 26.00 บาทซึ่งคำนวณโดยวิธี discounted cash flow (DCF) ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีแผนขยายธุรกิจที่น่าสนใจในอีกห้าปีข้างหน้าซึ่งจะหนุนให้กำไรของบริษัทอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่เราเชื่อว่าราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยบวกต่างๆ ไปแล้ว และเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายของเราอีกไม่มากแล้ว โดยราคาปิดล่าสุดคิดเป็น PER ปี 61ที่สูงถึง 30.2x และ PEG ที่ 1.0x ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 22.2x และ 0.9x นอกจากนี้ เงินปันผลก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่น่าสนใจจนกว่าโครงการทั้งหมดของบริษัทจะเริ่มเปิดดำเนินการ

Risks มีการปิดโรงไฟฟ้าโดยไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า, เกิดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ, เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการใหม่, และอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน

      



----จบ--- 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้