HotNews: TAPAC  อวดกำไรปี61/62 โต10.40%

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(2 มกราคม 2563 )--------บมจ.ทาพาโก้ (TAPAC) ปิดงบปี 62 สุดสตรอง! กำไรสุทธิ 79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.40% เทียบปีก่อน อานิสงส์รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์พลาสติก-ค้าปลีกเครื่องสำอางพุ่ง

นายโสฬส ตั้งในธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน) (TAPAC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานบริษัทฯและบริษัทย่อย ประจำปี 2562 (สำหรับรอบระยะเวลาสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2562) มีกำไรสุทธิ 79.227 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 71.765 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 10.40%

โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้จากการขายสินค้าและให้บริการผลิตภัณฑ์พลาสติก แม่พิมพ์ ธุรกิจค้าปลีก (เริ่มมีรายได้ในเดือนเมษายน 2561) และขายที่ดินโดยบริษัทย่อยประเทศสวีเดน ทั้งสิ้น 1,143.899 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งมีรายได้จากการขายสินค้าและให้บริการอยู่ที่ 996.114 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็น 14.84% มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25.62% และ บริษัท C4Hus AB มีรายได้ค่าก่อสร้างอยู่ที่ 671.811 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ อีก 20.346 ล้านบาท ทำให้มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,836.056 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทย่อยได้มีการลงทุนในบริษัทร่วม บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด และได้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทดังกล่าวอยู่ที่ 15.774 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 1.482 ล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัทฯและบริษัทย่อยได้มีการบันทึกต้นทุนในอดีตตามภาระผลประโยชน์พนักงาน 5.668 ล้านบาท เพื่อสอดคล้องกับพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับที่ 7/2562 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2562

***TAPAC เผยปี62(สิ้นสุด 31 ต.ค.62) กำไรโต 10.40% ตามรายได้เพิ่มขึ้น***

นายโสฬส ตั้งในธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน) TAPAC เปิดเผยว่า งบการเงินประจำปี 2562 ของบริษัทฯและบริษัทยอย สำหรับรอบระยะเวลาสิ้นสุด ณวันที่31 ตุลาคม 2562 มีผลกำไรสุทธิ79.227ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกนัของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 71.765ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 10.40โดยมีสาเหตุหลักและรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายสินค้าและให้บริการผลิตภัณฑ์พลาสติก,แม่พิมพ,ธุรกิจค้าปลีก(เริ่มมีรายได้ในเดือนเมษายน 2561) และขายที่ดินโดยบริษัทยอยประเทศสวีเดน ทั้งสิ้น 1,143.899ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งมีรายได้จากการขายสินค้าและให้บริการอยู่ที่ 996.114ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 14.84และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 25.62 ลดลงกว่าปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 30.34 โดยอัตรากำไรขั้น ในส่วนของผลิตภัณฑ์พลาสติกลดลง
2. บริษัทย่อย C4Hus AB มีรายไดค่าก่อสร้างอยู่ที่671.811 ล้านบาท ลดลดจากช่วงเดียวกัน ของปีก่อนซึ่งอยู่ที่1,055.291 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 36.34อันเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศสวีเดนและสถาวะเศรษฐกิจยุโรป ขณะเดียวกัน ก็มีต้นทุนค่าก่อสร้างอยู่ที่ 596.082ล้านบาท โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ ร้อยละ 11.27 เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ2.34
3. บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีค่าใช้จ่ายการขายและบริหารอยู่ที่ 261.211ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 239.403ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ10.36โดยเพิ่มขึ้นหลกั ๆ ในส่วนของธุรกิจค้าปลีก
4. บริษัทย่อยได้มีการลงทุนในบริษัทร่วม บริษัท พรีเมียร์แทงค์คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด และได้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทดังกล่าวอยู่ที่15.774 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่1.482 ล้านบาท (เริ่มลงทุน 26 กันยายน 2561)
5. บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีต้นทุนการเงิน 34.414 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 20.453 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 68.26 เนื่องจากการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น
6. บริษัทฯ และบริษัทย่อยได้มีการบันทึกต้นทุนในอดีตตามภาระผลประโยชน์พนกังาน 5.668 ล้านบาทเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับที่7/2562 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่5 พฤษภาคม 2562

TAPAC