Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews:DELTA ตั้งธงปีหน้าดันกำไรโต 10% หลังปีนี้ไม่เข้าเป้า

1,082

 

 HotNews:DELTA ตั้งธงปีหน้าดันกำไรโต 10%

หลังปีนี้ไม่เข้าเป้า 


  สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(  25  ตุลาคม  2560 ) --------DELTA คาดปีนี้กำไรพลาดเป้าที่คาดโต 10% รับผลตั้งสำรองฯ เสียภาษี 733 ลบ. หวังปีหน้ากลับมาโต10% หลังลุยตลาดชิ้นส่วนรถ EV ในยุโรป คาดปีหน้ารายได้แตะ 5 หมื่นลบ. จากปีนี้รับพลาดเป้า 5 หมื่นลบ.  เหตุบาทแข็งกระทบ  คาดกำไร-รายได้ โค้ง4/60 ดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน หลังยอดขายจากโรงงานใหม่ในสโลวาเกียสดใส เลื่อนแผนสร้างรง.ใหม่ในอินเดียไปปลายปีหน้า จากแผนเดิมคาดเริ่มก่อสร้าง Q3/61 เหตุติดปัญหาเวนคืนที่ดิน เผยปี61 ตั้งงบลงทุน- งบ R&D ราว 1.5-1.8 พันลบ. 

นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เปิดเผยว่า  คาดภาพรวมกำไรสุทธิปีนี้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดเติบโต10% จากปีก่อนที่มีกำไร 5,516.29 ล้านบาท   รวมทั้งรายได้รวมปีนี้จะต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท  จากปี59 มีรายได้ 47,651.76  ล้านบาท   เนื่องจากบริษัทได้ตั้งสำรองจากการถูกประเมินภาษีเงินได้และเบี้ยปรับเงินเพิ่มในไตรมาส 2/60 จำนวน 734 ล้านบาท(ปีภาษี 40-43) และสำรองเพิ่มอีก 258 ล้านบาท(ปีภาษี 44-49)  ประกอบกับได้ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเกือบ 100%
  อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการปี61 กำไรสุทธิเติบโตราว 10%  ขณะที่รายได้จะเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ราว 5 หมื่นล้านบาท  เนื่องจากประเมินว่าแนวโน้มธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า(Electronic Vehicle) จะเติบโตอย่างโดดเด่นในปีหน้า จากการความนิยมของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรปที่เริ่มมีการเปิดประมูลสถานีจ่ายไฟฟ้าให้แก่รถยนต์มากขึ้น อีกทั้งในปีหน้าจะไม่มีภาระการตั้งสำรองจากภาษีและเบี้ยปรับเงินเข้ามาเหมือนในปีนี้ ประกอบกับบริษัทจะมีการป้องกันความเสี่ยงทางด้านค่าเงิน(Hedging)อย่างเข้มงวดขึ้น
" เราคาดกำไรสุทธิปีหน้าจะกลับมาเติบโตได้ 10% จากปีนี้โดยบริษัทเตรียมขยายตลาดชิ้นส่วนยานยนต์EV ให้มากยิ่งซึ่งจะทำให้สัดส่วนการขายของโปรดักส์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามสัดส่วนการขายของโปรดักส์อื่นๆบริษัทก็ยังประเมินว่ายังคงมีการเติบโตอยู่ โดยการที่บริษัทมุ่งเน้นการขยายตลาดดังกล่าวสืบเนื่องมาจากชิ้นส่วนยานยนต์EV มีมาร์จิ้นค่อนข้างสูงซึ่งอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 12-13% เมื่อเทียบกับโปรดักส์อื่นๆของบริษัท" นายอนุสรณ์ กล่าว 
สำหรับงบลงทุนในปี 61 บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ราว 1.5-1.8  พันล้านบาท  แบ่งเป็นใช้ในการปรับปรุงไลน์การผลิตในประเทศไทยมาใช้เป็นแบบเครื่องจักรแขนกลให้มากยิ่งขึ้น เพื่อลดต้นทุนและบริหารจัดการในการผลิตได้ดียิ่งขึ้น   และจะนำไปใช้เพื่อการวิจัยและพัฒนา (R&D) อีก 500-800 ล้านบาท โดยใช้ในการศึกษาผลิตแขนกลอุตสาหกรรมเพื่อใช้ในการจำหน่ายเพื่อต่อยอดเครื่องจักรแขนกล หลังจากที่บริษัทได้ประสบความสำเร็จในการผลิตและใช้เองในบริษัท นอกจากนี้บริษัทยังอยุ่ระหว่างการศึกษาการผลิตแผงโซลาร์เซลเพื่อจำหน่ายด้วยเช่นกัน 
พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนที่จะรุกไปยังตลาดยุโรปเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากตลาดดังกล่าวมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตที่ค่อนข้างสูง สะท้อนจากนโยบายการผลักดันและสนับสนุนให้ประชาชนหันให้ใช้งานรถยนต์EV มากขึ้น ซึ่งทางบริษัทจึงเล็งเห็นถึงช่องทางในการเติบโตดังกล่าวจึงประเมินว่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะเป็นตัวผลักดันให้อัตรากำไรสุทธิ(net profit margin)ของบริษัทอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 12% 
  นายอนุสรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า  แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส4/60  บริษัทคาดกำไรสุทธิและรายได้ ไตรมาส4/60 จะดีจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขายจากโรงงานประเทศสโลวาเกียปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่หากเทียบกับรายได้และกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 3/60 บริษัทคาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกันที่มียอดขายอยู่ที่ 1.21 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.40 พันล้านบาท 
  ส่วนความคืบหน้าการลงทุนก่อสร้าง โรงงานผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศอินเดีย บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องเลื่อนการสร้างออกไปเป็นในช่วงปลายปี 61 จากเดิมคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 3/61 เนื่องจากบริษัทมีปัญหาในการเวนที่ดินคืนจากผู้อยู่อาศัยในพื้นที่จึงทำให้การแผนการก่อสร้างต้องชะลอออกไป อย่างไรก็ตามบริษัทประเมินว่าจะส่งผลกระทบแก่บริษัทมากนัก เนื่องจากในปัจจุบันบริษัทได้เช่าโรงงานในประเทศอินเดียอยู่แล้ว จึงทำให้การผลิตโปรดักส์ต่างๆยังดำเนินการได้อยู่

บล.บัวหลวง แนะนำ DELTA เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มในระยะยาวของ DELTA ซึ่งได้แรงหนุนจากการเติบโตของกลุ่มยานยนต์และกลุ่มการผลิตพัดลม รวมถึงหน่วยธุรกิจการผลิตที่อินเดีย บริษัทคาดว่ายอดขายธุรกิจ EV จะเติบโต จากเครื่องชาร์ตพลังงานและชิ้นส่วนประกอบทั่วไป แม้ว่ายอดขายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ยังค่อนข้างเล็ก แต่เราคาดว่าจะมีออร์เดอร์เพิ่มมากขึ้นสอดคล้องกับเทรนด์ EV และเทคโนโลยี ADAS ที่เริ่มพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามเรามองว่าราคาหุ้นยังแพงเกินไปจากแนวโน้มการเติบโตของกำไรหลักในระยะสั้นที่ไม่น่าตื่นเต้น ด้วย core PER ปี 2561 ที่ 16.7 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 14 เท่า และค่าเฉลี่ยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของไทยที่ 14.6 เท่า ดังนั้น เราแนะนำให้รอดูและเข้าซื้อเมื่อราคาน่าสนใจกว่านี้ เรายังคงคำแนะนำ ถือ
รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/60 ที่ 1.41 พันล้านบาท ทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น 67% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ ได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 8 ล้านบาท,
ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จากการถูกประเมินภาษี 19 ล้านบาท และอื่นๆอีก 4 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 1.42 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY และ 1% QoQ กำไรหลักต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดอยู่ 4% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าที่เราคาด
ประเด็นหลักผลประกอบการ
รายได้รวมอยู่ที่ 1.21 หมื่นล้านบาท (362 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้น 5% YoY แต่ลดลง 1% QoQ (เพิ่มขึ้น 8% YoY และ 1% QoQ ในแง่ของเหรียญสหรัฐ) ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ EVSBG (Electric Vehicle Solutions) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 49% YoY (DELTA ให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจยานยนต์อย่างต่อเนื่อง) ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ EPSBG (Embedded Power Solutions) ได้แก่สินค้าประเภท เพาเวอร์ซัพพลายและ DCDC คอนเวอร์เตอร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% YoY จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะธุรกิจกลุ่มดาต้าเซนเตอร์ แต่ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ICTBG (ICT Infrastructure Solutions) ปรับตัวลดลง 9% YoY เนื่องจากการจำหน่ายเงินลงทุนบางส่วนในบริษัทย่อยใน ไตรมาส2/60
อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25.5% ในไตรมาส3/60 เทียบกับ 26.5% ในไตรมาส3/59 (การเพิ่มขึ้นของการสำรองสินค้าล้าสมัยในไตรมาส3/60) และ 25.4% ในไตรมาส2/60 (Product mix ที่ดีขึ้น กลบผลกระทบค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ) ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาปรับตัวเพิ่มขึ้น 35% YoY และ 12% QoQ ส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มยานยนต์ ซึ่งคาดว่าจะหนุนการเติบโตในอนาคต
แนวโน้ม
กำไรหลักไตรมาส 4/60 คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากออเดอร์ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งสำหรับ Power supply ในกลุ่มยานยนต์และพัดลมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมทั้งหน่วยธุรกิจการผลิตของ DELTA ที่ประเทศอินเดียซึ่งโดยรวมคาดว่าจะกลบผลกระทบของค่าเงินบาทที่แข็งตัวเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เนื่องจากกำไรไตรมาส3/60 ต่ำกว่าคาด เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2560 ลง 2.5% มาอยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท
----จบ--- 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

แนวรบเก็งกำไร By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ แม้สภาพตลาดหุ้นไทย นักลงทุน ยังไม่กลับมา แต่สำหรับแนวรบ หุ้นเก็งกำไร ......

พีทีจี เอ็นเนอยี ส่ง ออโต้แบคส์ เข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เตรียมประกาศความพร้อมการแข่งขัน PT Maxnitron Racing Series 2024

พีทีจี เอ็นเนอยี ส่ง ออโต้แบคส์ เข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เตรียมประกาศความพร้อมการแข่งขัน PT Maxnitron Racing..

มัลติมีเดีย

NER กางปีก..รับราคายางพาราพุ่ง - สายตรงอินไซด์ - 18 มี.ค.67

NER กางปีก..รับราคายางพาราพุ่ง - สายตรงอินไซด์ - 18 มี.ค.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้