Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : PRM มั่นใจรายได้ปี 62 มาตามนัด 10-15%

4,195

HotNews : PRM มั่นใจรายได้ปี 62 มาตามนัด 10-15%

 

แมกกาซีนหุ้นอินไซด์ (16 กันยายน 2562) PRM มั่นใจรายได้ปี 62 โตตามเป้าที่ 10-15% หลังธุรกิจเรือ FSU โตต่อเนื่อง- รับรู้รายได้จากการเพิ่มสัดส่วนเข้าลงทุนใน Big Sea เป็น 80% พร้อมคาดผลงาน Q4/62 โตเด่น รับช่วงไฮน์ ซีซั่น ระบุ Big Lot 36 ล้านหุ้น ที่ 9 บ./หุ้น สูงกว่ากระดาน เป็นการทำรายการของ ผถห. ต่างชาติ ขายให้กองทุนนอก

 



นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) (“PRM”) ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจการให้บริการเรือขนส่งปิโตรเลียมของ PRM ในไตรมาส 3/62 มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น จากการเริ่มให้บริการเรือขนส่งภายในประเทศที่จัดซื้อเพิ่มเติมจำนวน 2 ลำ และทยอยให้บริการครบทุกลำในไตรมาสนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีกลุ่มเรือขนส่งภายในประเทศรวม 32 ลำ พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าที่มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นตามความต้องการบริโภคน้ำมันภายในประเทศ

 

 

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการรับรู้รายได้และกำไรจากผลการดำเนินงานของ Big Sea หลังจากที่ PRM ได้เพิ่มสัดส่วนการเข้าถือหุ้นจากเดิม 70% เป็น 80% อีกด้วย

 

 

ส่วนกลุ่มธุรกิจเรือเรือขนส่งและกักเก็บน้ำมันแบบลอยน้ำ หรือ FSU จะรับรู้รายได้จากเรือที่ให้บริการรวมทั้งสิ้น 8 ลำ หลังจากได้เริ่มให้บริการแก่ลูกค้าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมที่ผ่านมาตามลำดับ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้บริการขนส่งและกักเก็บน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีอัตราใช้งานเต็ม 100% หลังจากที่กฎเกณฑ์ IMO 2020 ซึ่งกำหนดให้ใช้เชื้อเพลิงกำมะถันต่ำ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 รวมทั้งยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตราค่าใช้บริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเก็บเกี่ยวรายได้เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

 

 

“ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีปีหนึ่งของ PRM ในการสร้างผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายขนาดกองเรือและการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับทิศทางตลาด ทำให้ PRM สามารถเก็บเกี่ยวรายได้สูงสุดจากการดำเนินงาน ซึ่งจะผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้” นายชาญวิทย์ กล่าว

 

 

 

 


ด้านนายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่ารายได้ในปี 2562 เติบโตที่ 10-15% จากปี 2561 ที่มีรายได้อยู่ที่ 4,730.72 ล้านบาท เป็นผลมาจากการเติบโตในส่วนของกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บน้ำมันแบบลอยน้ำ (FSU) ที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทฯ มีการเพิ่มจำนวนเรือ FSU ใหม่3 ลำ ทำให้ในสิ้นปี 2562 บริษัทฯจะมีการรับรู้รายได้จากเรือ FSU ทั้งสิ้น 8 ลำ

 

 

ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 จะเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะในไตรมาส 4/2562 ซึ่งเป็นช่วงไฮน์ ซีซั่น(High Season) ของธุรกิจ

 

 

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการรับรู้รายได้และกำไรจากผลการดำเนินงานของบริษัท บิ๊ก ซี จำกัด (Big Sea) ที่บริษัทฯ ได้เข้าทำการซื้อหุ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งในเดือนสิงหาคมบริษัทฯ ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Big Sea เพิ่มอีก10% จากเดิมที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 70% และจะทยอยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นอีกปี 10% ในช่วง 2 ปี (2563-2564) จนครบทั้งหมด 100%

 

 

 

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเห็นถึงประโยชน์จากการประกาศใช้มาตรการ IMO 2020 ซึ่งกำหนดให้ใช้เชื้อเพลิงกำมะถันต่ำ ที่จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ซึ่งจะส่งผลให้มีปริมาณความต้องการในการใช้บริการเรือขนส่งและกักเก็บน้ำมันที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงผลักดันให้อัตราค่าใช้บริการปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

 

สำหรับรายการซื้อขายหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่ (BIG LOT) บริษัทฯได้ทราบว่าเป็นการขายของผู้ถือหุ้นรายหนึ่งในต่างประเทศ จำนวน 36 ล้านหุ้น ให้กับกองทุนในต่างประเทศ ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 9 บาท สูงกว่าราคาบนกระดาน ทั้งนี้บริษัทฯไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด แต่มองว่าสะท้อนถึงความมั่นใจในการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง นายวิริทธิ์พล กล่าวเพิ่มเติม

 

 

 

 


**3 เซียนหุ้น พร้อมใจเชียร์แนะซื้อ PRM**

 


สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า มองปีนี้เป็นปีที่ดีสำหรับ PRM จากการฟื้นตัวในทุกธุรกิจของบริษัท จาก 1) คาดครึ่งปีหลังจะเติบโต HoH และ YoY จากการเพิ่มกองเรือทั้งขนส่งและ FSU ในช่วงที่ผ่านมา และเราคาด PRM ยังเป็นหุ้นที่มีการเติบโตด้วยผลประกอบการคาดเติบโต 20% ต่อปีใน 2 ปีข้างหน้า 2) ธุรกิจเรือขนส่งในประเทศที่ยังแข็งแกร่งด้วยส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 และการขยายกองเรือมาที่ 32 ลำ 3) ธุรกิจเรือ FSU ยังคงความต้องการจากลูกค้าเข้ามาต่อเนื่องโดยบริษัทเพิ่มเรือมาที่ 8 ลำ (จาก 5 ลำ) ผลจาก IMO2020 4) ธุรกิจ Offshore และบริหารเรือยังคงรักษาระดับรายได้และกำไรอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และ 5) คาดจะเห็นความร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมากขึ้นในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ดังนั้น เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 10.80 บาท

 


ธุรกิจ FSU ของบริษัทยังเป็นตัวผลักดันหลักของรายได้และกำไรในปีนี้ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้และกำไร 33% และ 52% ตามลำดับ โดยการกลับมาเติบโตตั้งแต่ปลายปี 2018-ปัจจุบัน โดยบริษัทเพิ่มจำนวนเรือ FSU ในปีนี้ 3 ลำ เพิ่มขึ้นจาก 5 ลำมาเป็น 8 ลำ หลักๆ จากความต้องการของลูกค้าใช้เรือ FSU จัดเก็บน้ำมันเตาที่มีกำมะถันต่ำ (ULSFO) เพื่อรองรับมาตรการ IMO2020 ซึ่งบริษัทมีสัญญาระยะยาวกับลูกค้าในการให้บริการ และคาดจะเห็นความต้องการเข้ามาต่อเนื่องจาก

 

1) การคาดการณ์ราคาน้ำมัน LSFO ที่อยู่ในระดับสูงกว่า HSFO ราว 200 เหรียญฯ/ตันในปี 2020 เป็นโอกาสในการทำกำไรของ trader ลูกค้าของบริษัท

 

2) ค่าระวางเรือ FSU ยังอยู่ระดับต่ำกว่าคลังน้ำมันบนดิน (shore tanks) อยู่ราว 20%

 

3) จำนวนเรือในจากพื้นที่จอดเรือที่จำกัด ด้วย License จอดเรือ FSU ที่เต็มแล้วในพื้นที่ และค่าระวางเรือ VLCC ซึ่งเป็นเรือที่นำมาทำเป็น FSU ที่อยู่ในระดับสูงราว 40,000 เหรียญฯ จาก 20,000 เหรียญฯในปี 2018 เป็นปัจจัยทำให้ไม่ขายเรือ VLCC ออกมา

 

 



จากผลประกอบการ 2Q19 ที่ดีกว่าที่เราคาดไว้ (กำไรสุทธิ 1H19 อยู่ที่ 504 ล้านบาท คิดเป็น 59% ของประมาณการเดิมของเรา) เราปรับประมาณการผลประกอบการของเรา คาดกำไรสุทธิ 2019-20F อยู่ที่ 1,037 ล้านบาทและ 1,346 ล้านบาท ตามลำดับ สะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นของ FSU ที่ดีกว่าเราคาดไว้มาอยู่ที่ 45% (จาก 35%) หลังจากอัตราการใช้เรือ 100% และบริษัทปรับอัตราค่าเช่าเรือครบทุกลำแล้ว เราคาดจะเห็นกำไรสุทธิใน 2H19F จะเติบโตอย่างน้อย 52% YoY คาดกำไรปกติไตรมาสละมากกว่า 270 ล้านบาท จาก

 

 

1) ธุรกิจขนส่งน้ำมันในประเทศจำนวนเรือ 31 ลำ และเพิ่มอีก 2 ลำใน 3Q19 ที่จะเข้าสู่ high season ในไตรมาส 4 คาดรายได้ทั้งปีเติบโต 18% YoY ตามจำนวนเรือที่เพิ่มขึ้นและการรับรู้รายได้จาก Big Sea ที่บริษัทเพิ่มสัดส่วนมาที่ 80%

 

2) เรือ FSU ที่จำนวนเรือเพิ่มขึ้นจาก 5 ลำในช่วงต้นปีเป็น 8 ลำใน 3Q19F คาดรายได้จะเพิ่มขึ้น 34% YoY ในขณะที่ธุรกิจ Offshore และบริหารเรือค่อนข้างทรงตัว จากยังคงรอสัญญาลูกค้า

 

 

 



ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายใหม่ 10.80 บาท

 


จากการปรับประมาณการผลประกอบการและราคาเป้าหมายไปยังปี 2020F ราคาเป้าหมายใหม่ของเราอยู่ที่ 10.80 บาท อิงจาก PER 20 เท่าปี 2020F จากค่าเฉลี่ยซื้อขายในอดีตของ PRM และยังคงแนะนำ "ซื้อ" ปัจจุบัน PRM ซื้อขายอยู่ที่ PER 15.8 เท่า เทียบเท่ากับ -1SD และคิดเป็น PEG เพียง 0.5 เท่า ปัจจัยเสี่ยงมาจาก

 

 

1) ความผันผวนของน้ำมันเชื้อเพลิง

 

2) การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ FSU และการปรับเปลี่ยนสัญญากับลูกค้า

 

 

 

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า คงคำแนะนำ "ซื้อ" PRM และราคาเป้าหมายที่ 10.50 บาท อิง 2020PER ที่ 23 เท่า (-0.5SD below 2-yr average PER) โดยเรามีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ โดย PRM ยังคงประเมินแนวโน้มธุรกิจเรือ FSU สดใสต่อเนื่อง จากความต้องการใช้เรือ FSU ที่สูงขึ้น จากกฎ IMO2020 ขณะที่ supply เรือ FSU ใหม่ในอุตสาหกรรมยังเพิ่มจำกัด ส่งผลบวกต่ออัตราค่าเช่าเรือและอัตราการใช้เรือที่ดีต่อเนื่อง, ธุรกิจเรือ domestic trading จะได้ผลบวกจากการรับเรือใหม่ใน 3Q19 เพิ่มอีก 2 ลำ ส่วนธุรกิจเรือ international trading จะได้ผลบวกจากอัตราค่าระวางเรือขนาด Aframax ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ทั้งนี้ เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2019E-20E เติบโตเด่น +42% และ +23% ตามลำดับ โดยในงวด 2H19E จะเติบโตได้สูง +44% YoY จากทุกธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้นและมีการทยอยรับเรือใหม่เพิ่มขึ้น ส่วนปี 2020E จะได้ผลบวกจากเรือใหม่ที่รับรู้รายได้เต็มปี

 


ราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น +36% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากกำไรปกติ 1H19 ที่ออกมาเติบโตดีต่อเนื่อง เรายังมองว่าราคาหุ้น PRM จะยังมีปัจจัยหนุนต่อ จากแนวโน้มกำไรปกติ 2H19E และปี 2020E ที่จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกฎ IMO2020 และการรับรู้รายได้จากเรือใหม่เพิ่มขึ้น เรายังมอง PRM เป็นหุ้นที่น่าสนใจจากแนวโน้มกำไรที่เริ่มกลับเป็นขาขึ้น และกำไรปกติปี 2019E-20E จะเติบโตโดดเด่นเฉลี่ย 32% ต่อปี

 

 

ธุรกิจเรือ FSU ยังคงสดใสต่อเนื่องใน 2H19 และปี 2020 เรามองว่าธุรกิจเรือ FSU (คิดเป็นสัดส่วนรายได้ในปี 2019E-20E ที่ 33% และ 39% ตามลำดับ) จะยังคงเป็นปัจจัยผลักดันผลการดำเนินงานใน 2H19E และปี 2020E เป็นหลัก จากผลบวกของกฎ IMO2020 ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้เรือ FSU เพื่อจัดเก็บและผสมน้ำมันเตากำมะถันต่ำเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับในงวด 3Q19 จะมีเรือ FSU ใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 ลำ ซึ่งจะทำให้มีเรือ FSU รวมเป็น 8 ลำ และเรือทั้ง 8 ลำมีลูกค้าเช่าเรือไว้แล้วทั้งหมด ส่งผลให้อัตราการใช้เรือใน 2H19 และปี 2020 ยังคงสูงเกือบ 100% ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีโอกาสปรับอัตราค่าเช่าเรือเพิ่มขึ้นในอนาคตได้อีก เพราะปัจจุบัน Supply เรือ FSU ใหม่ในอุตสาหกรรมยังเพิ่มขึ้นได้จำกัด

 


ธุรกิจเรือ domestic trading จะได้ผลบวกจากการรับเรือใหม่และเข้าถือหุ้น Big Sea เพิ่มใน 3Q19 แนวโน้มธุรกิจเรือ domestic trading (คิดเป็นสัดส่วนรายได้ในปี 2019E-20E ที่ 43% และ 39% ตามลำดับ) ในงวด 2H19E จะเติบโต YoY ได้อย่างต่อเนื่อง จากการรับเรือใหม่ใน 3Q19 เพิ่มขึ้น 2 ลำ ทำให้รวมทั้งปี 2019 จะมีเรือเพิ่มขึ้น 6 ลำ โดย 3 ลำ เป็นการทดแทนเรือเก่า ซึ่งจะทำให้สิ้นปี 2019 จะมีเรือ domestic trading รวม 29 ลำ นอกจากนั้นจะมีการรับรู้รายได้จาก Big Sea เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดได้ซื้อหุ้นเพิ่มอีก 10% รวมเป็นถือหุ้น 80% แล้ว

 

 


ยังประเมินกำไรปกติปี 2019E-20E เติบโตเด่น +42% และ +23% ตามลำดับ เรายังประเมินกำไรปกติปี 2019E-20E ที่ 934 ล้านบาท และ 1,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +42% และ +23% ตามลำดับ สำหรับกำไรปกติในงวด 1H19 จะคิดเป็น 50% จากที่เราประมาณการทั้งปี โดยกำไรปกติ 2H19E จะยังเติบโตได้สูง +44% YoY จากการเติบโตของทุกธุรกิจและมีการทยอยรับเรือใหม่ ส่วนปี 2020E จะได้ผลบวกจากเรือใหม่ที่จะรับรู้รายได้เต็มปี ซึ่งเรายังไม่ได้รวมแผนขยายเรือใหม่ในปีหน้าเพิ่ม โดย PRM จะเปิดเผยแผนในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็น upside ต่อประมาณการของเราได้อีก

 

 

ประเมินราคาเป้าหมายปี 2020 ที่ 10.50 บาท ยังคงอิง PER ที่ 23 เท่า เทียบเท่า -0.5SD จากค่าเฉลี่ย PER 2 ปีย้อนหลังตั้งแต่เข้าตลาด เราชอบ PRM จากแนวโน้มกำไรปกติปี 2019E เริ่มกลับมาเป็นขาขึ้น โดยกำไรปกติปี 2019E-20E จะเติบโตโดดเด่นเฉลี่ย 32% ต่อปี

 

 


บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด แนะนำซื้อ PRM ราคาเป้าหมาย 10.60 บาท/หุ้น PRM มีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Big Sea อีก 10% ทำให้มีสัดส่วนการถือครองทั้งหมดเป็น 80% และผู้บริหารคาดว่าจะมีการซื้อเรือเพิ่มอีก 4 ลำในไตรมาส 3/2562 เราคาดว่ากำไรไตรมาส 3/2562 จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในเชิง QoQ และ YoY ด้วยแรงหนุนจากการขยายกิจการ FSU ที่จะสร้างส่วนแบ่งกำไรสุทธิราวๆ 10 ลบ./ลำ/เดือน คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 10.60 บาท

 

 

PRM

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ดัชนีฯแกว่งตัว By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม วันนี้ ตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาด ยังคงแกว่งตัวไปมา ซ้าย ขวา บนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อตลาดหุ้น....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้