Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : LALIN ทะยานสู่ยอดขาย 5.3 พันลบ. - รายได้ 4.56 พันลบ.

2,891

HotNews : LALIN ทะยานสู่ยอดขาย 5.3 พันลบ. - รายได้ 4.56 พันลบ. 

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(3 กันยายน 2562) LALIN คงเป้ารายได้ปี 62 โตแตะ 4.65 พันลบ. - ยอดขายแตะ 5.3 พันลบ. หลังตุนBacklog 900-1,000 ลบ. ทยอยรับรู้ใน H2/62 พร้อมเตรียมเปิดโครงการใหม่มูลค่า 700-800 ลบ. เร็วๆนี้

 

 

 

นายเสรี สินธุอัสว์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN เปิดเผยว่า บริษัทฯ คงเป้าหมายรายได้แตะที่ 4,650 ล้านบาท หรือเติบโตจากปีก่อน 15% ที่มีรายได้ 4,098.66 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของยอดขายบริษัทฯ คงเป้าหมายยอดขายแตะที่ระดับ 5,300 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯยังมี ยอดขายที่รอรับรู้ราย(Blacklog) จำนวน 900-1,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ทั้งหมด

 

 

ขณะที่ในไตรมาส 2 ปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายเท่ากับ 864.93 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 1,119.65 ล้านบาท หรือคิดเป็นการลดลงร้อยละ 22.75 ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากมาตรการ LTV ใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเริ่มบังคับใช้เมื่อ 1 เมษายน 2562 ทำให้มีลูกค้าบางส่วนเร่งโอนกรรมสิทธิ์ไปในไตรมาสที่ 1/2562

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการต่างๆที่อยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งสิ้น 58 โครงการ แบ่งเป็นโครงการที่อยู่ในกรุงเทพฯ 70 % และเป็นโครงการในต่างจังหวัด 30% ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 8 โครงการ มูลค่ารวมปรมาณ 6,050 ล้านบาท และจะเปิดโครงการใหม่อีก 1 โครงการเร็วๆนี้ มูลค่าโครงการอยู่ประมาณ 700-800 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนที่บริษัทฯ วางไว้ที่จะเปิดโครงการใหม่ในปี 2562 นี้ อย่างน้อย 8 โครงการ

 

 

"ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2562 จะเติบโตกว่าในช่วงไตรมาส 2/2562 ที่ผ่านมา โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงมั่นใจในลูกค้ากลุ่ม Real Demand แม้กำลังการซื้อจะมีการชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่สินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าของบริษัทฯ จะสามารถช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทฯ อย่างแน่นอน" นายเสรี กล่าวเพิ่มเติม

 

 

 


**LALIN เผยครึ่งปีแรกโกยยอดขายแล้ว 3.1 พันลบ. แม้กำลังซื้อชะลอตัว หลังมาตรการLTV มีผลบังคับใช้ ***

 

 

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหารบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ "บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี" แสดงมุมมองเกี่ยวกับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงครึ่งปีแรก 2562 ว่า ตลาดรวมสำหรับผู้ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยยังมีอัตราการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนโดลดลงรุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการบ้านแนวราบในกลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรกทรงตัว ขณะที่ตลาดผู้ซื้อเพื่อการลงทุนโดยมากจะอยู่ในกลุ่มตลาดคอนโดมิเนียม มีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน เป็นผลจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุนลดลง นอกจากนี้ยังส่งผลให้ผู้บริโภคบางส่วนชะลอการตัดสินใจซื้อ เพราะไม่มั่นใจว่าจะขอสินเชื่อได้หรือไม่

 

 


"บมจ. ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ยังคงอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม ผู้ซื้อบ้านหลังแรก โดยยอดขายของบริษัทฯ ในครึ่งปีแรกของปี 2562 อยู่ที่ 3,100 ล้านบาท เทียบเท่ากับ 58% ของยอดตามแผนประจำปี 2562 ทั้งนี้การเติบโตของยอดขายดังกล่าว เป็นการยืนยันถึงผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี 2562 ที่ประสบความสำเร็จตามแผนกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินงาน ที่วางไว้"

 

 

 

 

ด้านมุมมองต่อภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยหลังจัดตั้งรัฐบาล นายไชยยันต์ แสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่า

 

"หากย้อนไปดูนโยบายของพรรคแกนนำทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ต่างก็มีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งทางตรงทางอ้อม โดยพรรคพลังประชารัฐ ประกาศสานต่อโครงการบ้านล้านหลังที่ได้ให้ประชาชนมาจองสิทธิ์สินเชื่อไว้แล้ว 1.27 แสนล้านบาท ซึ่งจะมีการปล่อยสินเชื่อในเฟสที่ 2 วงเงินอีก 1 แสนล้านบาท มีโครงการบ้านประชารัฐที่จะเดินหน้าต่อ และยังมีแนวคิดเสริมสร้างอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับคนที่มีรายได้ไม่พอในการผ่อนบ้าน นอกจากนี้ ยังวางแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมให้กับผู้สูงอายุในเมือง ผลักดัน รีเวิร์ส มอร์เกจ เปลี่ยนบ้านให้เป็นบำนาญสำหรับผู้สูงอายุ ใช้อีอีซี โมเดล เป็นต้นแบบกระจายศูนย์กลางความเจริญไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ สร้างเมืองน่าอยู่ใกล้บ้านมีงานทำในจังหวัดใหญ่ๆ และจังหวัดรอง เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาย่านธุรกิจและนวัตกรรม สร้างเมืองอัจฉริยะสีเขียว พัฒนากรุงเทพฯให้เป็น Bangkok 5.0 เป็นต้น

 

ถ้าย้อนดูความสำเร็จจากเฟสแรกจากรัฐบาลก่อน ที่ยังปล่อยกู้ไปได้แค่ไม่กี่พันล้านจากที่มาจองสิทธิ์ไว้กว่า 1 แสนล้านบาท นั่นเป็นเพราะบ้านราคา 1 ล้านมันแทบไม่มีอยู่ในตลาด ประเด็นนี้จึงต้องฝากให้รัฐบาลชุดใหม่ทบทวนอีกครั้งว่า เงื่อนไขบ้านราคา 1 ล้านบาทนั้น ควรจะมีการยืดหยุ่นด้านราคาเพิ่มขึ้นหรือไม่ เช่นเดียวกับมาตรการลดค่าโอน ค่าจดจำนอง เพื่อสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองในราคา 1 ล้านบาท และมาตรการลดหย่อนภาษีบ้านไม่เกิน 5 ล้าน อีกเรื่องที่ส่งผลกระทบคือมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ทำให้ตลาดอสังหาฯชะลอตัวอยู่ในปัจจุบัน หากสามารถผ่อนปรนบางเงื่อนไขได้บ้าง เพื่อให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงก็จะส่งผลทางบวกเพิ่มมากขึ้น นายไชยยันต์ กล่าวแสดงความเห็นเพิ่มเติม

 

 

 

ทั้งนี้ ปัจจัยบวกสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยแนวโน้มลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว และ สหรัฐอเมริกา ลดดอกเบี้ย ขณะที่ซัพพลายคอนโดเข้าสู่ตลาดน้อยลงเพราะมีหลายบริษัทปรับกลยุทธ์ชะลอการเปิดโครงการ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดปรับสู่สมดุลมากยิ่งขึ้น และจะช่วยผ่อนคลายให้ราคาที่ดินไม่ปรับขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ปัจจัยจากสงครามการค้า คือ จะมีการย้ายฐานการผลิตจากจีนสู่ไทยเพิ่มขึ้น และกลยุทธ์ EEC ของรัฐบาลใหม่น่าจะผลักดันต่อเนื่อง ทำให้โอกาสธุรกิจใน EEC ดีขึ้น แต่คงต้องรอเวลา1-2 ปี

 

 

โดยเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศจะเห็นถึงความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อชดเชยยอดส่งออกและท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เพื่อดึงความเชื่อมั่นในการลงทุน ของภาคเอกชนและการบริโภคของประชาชนให้กลับคืนมาโดยเร็ว ซึ่งการกระตุ้นการบริโภคผ่านภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ควรต้องผลักดันมาตรการ LTV ลงชั่วคราว เนื่องจากใช้ในจังหวะเศรษฐกิจชะลอตัว เพื่อรักษาดุลยเศรษฐกิจให้มี Growth เพิ่มขึ้น

 

 

 

"สำหรับการแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลังจัดตั้งรัฐบาล จะยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จากการเร่งระบายสต๊อกที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จ และที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องระมัดระวังการลงทุนใหม่ โดยเน้นตลาดสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่จริงเป็นตลาดหลัก และพยายามรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio : D/E) ไม่ให้สูงเกินไป รวมถึงรักษาสภาพคล่องทางการเงินให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย ขณะที่ผู้บริโภคจำเป็นจะต้องวางแผนทางการเงินในการซื้อบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการขอสินเชื่อกับธนาคาร" นายไชยยันต์ กล่าวสรุป

 

 

ทั้งนี้ จากผลสำรวจโครงการบ้านจัดสรรล่าสุดของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ พบว่า ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบถือเป็นตลาดที่ซื้อ เพื่ออยู่อาศัยจริง หรือ Real Demand และเป็นการซื้อบ้านหลังแรกเป็นส่วนใหญ่ทำให้ความต้องการซื้อยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงได้รับผลกระทบจากมาตรการน้อยกว่าคอนโดมิเนียม แต่ทั้งนี้ ผู้บริโภคก็จำเป็นจะต้องปรับตัวในการวางแผนการออมก่อนการซื้อที่อยู่อาศัย

 

LALIN

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

หุ้นใหญ่ฟื้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองเห็นหุ้นใหญ่หลายตัว ฟื้นตัว เนื้อตัวเต็มไปด้วยแสง สีเขียว ตามตลาดสหรัฐบวก ....

หุ้นขึ้นยาก By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง มองตลาดหุ้นไทย ดูท่า แลทาง น่าจะขึ้นยาก หุ้นขึ้นยาก ถ้าใช้เวลานาน คงไม่พ้นทางลง....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้