
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(26 สิงหาคม 2562)---------"ภากร ปีตธวัชชัย " กรรมการและผู้จัดการตลท. วอนนลท.อย่าตกใจ ในภาวะตลาดหุ้นร่วงแรง ระบุเป็นไปตามตปท. เหตุกังวลเทรด วอร์ แนะจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ยันพื้นฐานเศรฐกิจไทยยังแกร่ง พร้อม คาดกระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับ หลังสถานการณ์คลี่คลาย เชื่องาน Thailand focus เรียกความเชื่อมั่นได้
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรงในวันนี้ เป็นไปตามตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศอย่างสถานการณ์สงครางทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ได้กลับมาทวีความรุนแรงอีกครั้ง
"ขอบอกว่าการที่ตลาดหุ้นนั้นปรับตัวลงแรงไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายในประเทศ แต่เกิดจากนอกประเทศ โดยวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นนิวยอร์กติดลบ 2.5% ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียก็ต่างพากันปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อาทิตย์ที่ผ่านมา โดยดัชนีจากาต้า -1% , ดัชนีฮั่งเส็ง -2.9% และดัชนีเซี่ยงไฮ้ -1.2% ซึ่งขอนักลงทุนอย่าตกใจไปเพราะไม่ได้ลงแค่เราแต่ลงทั้งทวีปเอเชีย " นาย ภากร กล่าว
อย่างไรก็ตามมองว่าปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจภายในประเทศไทยยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ โดยปัจจุบันมีค่า P/E อยู่ในระดับที่เหมาะสม และไม่แพง รวมทั้งยังมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน ซึ่งหากเข้าดูรายละเอียดกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นพวกส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา รวมถึงหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน ซึ่งหากสถานการณ์กล่าวสามารถคลี่คลายได้ เชื่อว่าจะเห็นราคาหุ้นกลุ่มเหล่านี้กลับมาเป็นบวกอีกครั้ง
ส่วน สถานการณ์กระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศ(ฟันด์โฟลว์) ถึงแม้ขณะนี้จะมีการขายสุทธิมากกว่าซื้อสุทธิ แต่ยังมองว่าเป็นบวกอยู่ โดยเชื่อว่าหากสถานการณ์สงครามการค้าคลี่คลาย เชื่อว่ากระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศจะกลับเข้ามาอีกครั้งโดยเฉพาะ นักลงทุนประเภทที่ลงทุนและรอรับผลตอบแทนจากการลงทุน (Passive Investor) ที่เชื่อว่าจะกลับเข้ามาเป็นอันดับแรกๆเพื่อรักษาน้ำหนักกการลงทุน รวมถึงภายใน 3-4 เดือนข้างหน้าจะมีการปรับน้ำหนัก MSCI อีกหลายครั้งด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้การจัดงาน Thailand Focus 2019 ในวันพุธที่ 28 สิงหาคม 2562 เพื่อเป็นการพูดคุยและให้ข้อมูลแก่นักลงทุน รวมถึงหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะมีนโยบายออกมาในทิศทางใดบ้าง ซึ่งเชื่อว่าการจัดงานดังกล่าวจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนได้ โดยเบื้องต้นประเมินผู้ที่จะเข้าร่วมงานมีจำนวนไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา
สำหรับ กลยุทธ์ในการลงทุน แนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเล็กน้อย เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เป็นต้น
https://www.youtube.com/watch?v=mnBL2Lpli4Y&t=3s