
HotNews : BANPU มั่นใจดันเป้าขายถ่านหิน ปีนี้ 47.3 ล้านตัน
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(22 สิงหาคม 2562) "สมฤดี ชัยมงคล " บิ๊ก BANPU คาดผลงาน H2/62 ดีกว่า H1/62 หลังดีมานด์เพิ่ม-ราคาถ่านหินปรับตัวดีขึ้น มั่นใจทั้งปีปริมานขายเข้าเป้า 47.3 ล้านตัน ยันยังดำเนินธุรกิจปกติ แนะนลท.ดูปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง กระแสเงินสดหนาพร้อมลงทุนต่อเนื่อง

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่าผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี2562 จะดีกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจาก เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ โดยบริษัทฯคาดว่าดีมานด์จะเพิ่มขึ้นถึง3% และมีซัพพลายลดลง ส่งผลให้มีปริมาณการขายถ่านหินปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกที่มีปริมาณการขายลดลงถึง 2 ล้านตัน หรือทำได้ 21-22 ล้านตันซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้
อีกทั้ง บริษัทฯคาดการณ์ว่าราคาถ่านหินจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 75 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน(อ้างอิง จากดัชนี นิวคาสเซิล) หลังจากที่ไตรมาส 2/2562 ปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 67 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน โดยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่บริษัทฯยังคงเป้าปริมาณการขายถ่านหินปี 2562 ไว้ที่ประมาณ 47 - 48 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 2 ล้านตันจากปี 2561 ที่บริษัทฯทำได้ 45 ล้านตัน จากความต้องการใช้ถ่านหินในออสเตรเลียที่คาดว่าจะสูงขึ้น

ด้าน โรงไฟฟ้าถ่านหินซานซีลู่กวง (SLG) ในประเทศจีน ที่บริษัทฯได้เข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 30% ปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 1,320 เมกะวัตต์ โดยการผลิตและจำหน่ายได้มีความล่าช้ากว่ากำหนดเนื่องจากต้อวรอรอการก่อสร้างสายส่งจากจีน คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ในเดือนตุลาคม 2563
ขณะที่ธุรกิจพลังงาน บริษัทฯยังคงเป้าหมายที่จะมีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 4,300 เมกะวัตต์ ภายในปี2568 โดย ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนของโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนที่ COD รวมอยู่ที่ 2,300 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตรวม 2,893 เมกะวัตต์ หลังบริษัทฯพร้อมการขยายโอกาสการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนในประเทศที่มีศักยภาพ โดยปัจจุบันบริษัทฯได้เข้าไปลงทุนโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น 37 เมกะวัตต์ ซึ่งเหลืออีก 18.90 เมกะวัตต์บริษัทฯจะมีเพิ่มเติมเข้ามาอีกภายในปีนี้
นอกจากนี้ ยังมีประเทศเวียดนาม ที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 35% ในซันซีป กรุ๊ป (Sunseap Group Pte. Ltd.) โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิต 168 เมกะวัตต์ และในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาเพิ่มเติมอีก 400 เมกะวัตต์ รวมถึงจะรับรู้กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จีซิน ประเทศจีน เข้ามาเพิ่มอีก 25 เมกะวัตต์ ส่งผลทำให้ประเทศจีนโดยรวมจะมีการ COD สิ้นปีนี้อยู่ที่ 175 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทฯยังเตรียมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิต 80-90 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับธนาคารพาณิชย์ เพื่อทำโปรเจคไฟแนนซ์ ด้านธุรกิจก๊าซ รวมถึงมองหาโอกาสเข้าไปลงทุนเพิ่มเติม คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้น่าจะเห็นความชัดเจนได้ โดยบริษัทฯวางงบลงทุนจำนวน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และก่อนหน้านี้ได้เข้าลงทุนธุรกิจก๊าซฯในสหรัฐฯ ไปแล้ว 522 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ใน 5 แหล่ง มีกำลังการผลิต 250 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในปี 2563 เต็มปี

ด้านธุรกิจ Energy tecnologyบริษัทฯมองถึงการให้บริการพลังงานแบบครบวงจรภายในประเทศ ทั้งการออกแบบหลังคา smart city และ ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีต่างๆโดยล่าสุดบริษัทฯมีบริการรถตุ๊ก ตุ๊กไฟฟ้า ซึ่งใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น มูฟมี่ โดยปัจจุบันมีจุดให้บริการทั้งสิ้น 2 จุด และในปี2563 บริษัทฯคาดว่าจะมีรถตุ๊ก ตุ๊ก ให้บริการ 100 คัน จากปัจจุบัน 10 คัน และบริษัทฯยังได้รับงาน Solar rooftop ที่เมืองทองธานี อีก 1 เมกกะวัตต์ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะมีการปรับพอร์ตเป็นกรีนเนอร์สมาร์ทเทอร์เพื่อไม่ให้รับผลกระทบจากสงครามทางค้ามากนัก โดยในปี2568 บริษัทฯจะปรับเพิ่มสัดส่วน Ebitda จากธุรกิจถ่านหินจะลดลงจาก 65% เหลือ 40% ส่วนธุรกิจConven tional power จะเพิ่มเป็น 30% จาก 10% ขณะที่ธุรกิจ GAS บริษัทฯมองว่ามีโอกาสเติบโตได้ดี โดยคาดว่าสัดส่วน EBITDA จะเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปัจจุบัน 12% ส่วนธุรกิจ Energy tecnologyเพิ่มเป็น 10% จากปัจจุบันที่ยังมีสัดส่วนน้อยอยู่
นางสมฤดี กล่าวทิ้งท้ายว่า ถึงแม้ในช่วงไตรมาส 2/2562 บริษัทฯได้ผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากว่า 10% โดยบริษัทฯมีรายได้กว่า 90% มาจากต่างประเทศ แต่บริษัทฯยังคงมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลง การทำธุรกิจยังคงดำเนินตามปกติ ในระยะกลาง-ระยะยาว นักลงทุนจะเห็นความพร้อมความแข็งแรงของบริษัทฯ และบริษัทฯยังคงนโยบายจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้งเช่นเดิม
BANPU