HotNews : TPCH เร่งสปีดกำไร ปี 63 โตแรง 144%

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ( 25 มิถุนายน  2562) หุ้น TPCH วันนี้ปิดพุ่งขึ้น  7.63% มาอยู่ที่ 12.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท มูลค่าซื้อขาย  99.23 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่  11.90  บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่  12.80   บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่  11.80 บาท  ด้านโบรกฯ  มองว่าเป็นหุ้นที่มีความมั่นคงทางกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน  คาดระยะยาวมีแนวโน้มโตสดใส จากเป้าปี 63 จะเพิ่มกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวล เป็น 200  เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าจากขยะกำลังการผลิต 50  เมกะวัตต์    ขณะที่ผู้บริหาร มั่นใจรายได้และกำไรปี 2562  โตกว่าปีที่ผ่านมา  เผยไตรมาสที่ 4/62 เตรียม COD โรงไฟฟ้า TPCH 1 และ 2 ในจังหวัดยะลา กำลังผลิต 20 เมกะวัตต์ พร้อมเดินหน้าศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายลงทุนต่างแดน หนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

 

 

บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) TPCH ประกอบธุรกจิหลักโดยการถือหุ้นใน บริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกจิผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประเภทต่างๆ และให้การสนับสนุนการดำเนินการของบริษัทในกลุ่ม โดยในปี 2561 TPCH ได้มีการลงทุนในบริษัทย่อยและกิจการ ร่วมค้าที่มีแผนดำเนินการประกอบธุรกจิผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรวมทั้งสิ้นจำนวน 12 แห่ง บริษัทฯ

 

 

 

 

มีรายได้หลักเป็นเงินปันผลจากการที่บริษัทเข้าไปถือหุ้น และบริษัทย่อยแห่งใหม่ๆที่จะลงทุนในอนาคต ตามเป้าหมายที่ต้องการขยายธุรกิจผลติและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ได้มีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการ (Project Feasibility Study)ตามเป้าหมาย เมื่อโครงการนนั้ๆมีความน่าสนใจ ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าตามนโยบายของบริษัทและสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการ สร้างความมนั่คงในการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวยีนอย่างยั่งยืน บริษัทจะทำการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแห่งใหม่เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการ

 

 

โดยบริษัทฯ อาจลงทุนเองทั้งหมดหรือร่วมลงทุนกับพันธมิตรของบริษทฯ เพื่อใหก้ารดำเนินการได้รับประโยชน์สูงสุด และนอกจากจะเป็นผู้ศึกษาและพัฒนาโครงการแล้ว บริษทฯ ยังศึกษาถึง โอกาสในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่เจ้าของโครงการเดิมได้มีการพัฒนาโครงการแล้วโดยบริษัทฯ จะเข้าไปสอบทานธุรกจิก่อนเข้าลงทุนและจะต้องสอดคล้องกับนโยบายการลงทุนที่บริษัทฯ ได้กำหนดไว้

 

 

บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจผลติไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งส่การเป็นผู้นำด้านการผลติไฟฟ้าพลงงานหมุนเวียนสอดคล้อง กับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ โดยมุ่งเน้นลงทุนโรงไฟฟ้าประเภทใช้เชื้อเพลิงชวีมวลซึ่งเป็นประเภทที่บริษัทฯมีประสบการณ์ อีกทั้งทางบริษัทได้มีการเริ่มลงทุนใน โครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนชนิดอื่นๆ อย่างเช่น ขยะชุมชน เป็นต้น

 

 

 

ทั้งนี้ ทางบริษัทได้เริ่มมีการศึกษาโครงการในต่างประเทศอีกด้วย เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำ โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงต่อไปในอนาคต โดยเป้าหมาย ในปี 2562 มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่กำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มเติมประมาณ 90 เมกะวัตต์ จากการเข้าซื้อกิจการและประมูลโครงการตามแผนนโยบายของ รัฐบาลขณะที่จะประมลูโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะตามแผนนโยบายของรฐับาลเพิ่มเติม โดยวางเป้าหมายที่กำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 40 เมกะวัตต์ รวมทั้งพัฒนาโครงการที่ประกอบธุรกจิเกี่ยวกับพลังงานในต่างประเทศ

 

 

 

 

 

 

บล.เออีซี มองว่า TPCH

เป็นหุ้นที่มีความมั่นคงทางกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน คาดระยะยาวมีแนวโน้มโตสดใส จากเป้าปี 63 จะเพิ่มกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวล เป็น 200 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าจากขยะกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าที่ COD แล้ว 60 เมกะวัตต์, โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 49 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา 10 เมกะวัตต์

 

ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง

แนะนำทยอย "สะสมซื้อ" TPCH อีกครั้ง เพราะไตรมาส 4/62 จะเป็นจุดเริ่มต้นของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมที่จะขยายตัว +37% ต่อปี ระหว่าง 2 ปีนี้ ซึ่งจะดันให้กำไรสุทธิปี 2563 ขยายตัวแรง +144% YoY หากโรงไฟฟ้า PTG และ TPCH1-2-5 ไม่ล่าช้ากว่าแผน ซึ่งล่าสุด บริษัทมีความเชื่อมั่นอย่างมาก

 

 

ขณะที่โรงไฟฟ้าขยะ SP คาดจะสร้างโมเมนตัมต่อราคาหุ้นในระยะสั้น จากกำหนดลงนาม PPA ในเดือน ก.ค. นี้อีกด้วย เรานำประมาณการโรงไฟฟ้าใหม่ทั้ง 5 ใส่ในประมาณการ และ roll-over มูลค่าโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟแล้วปัจจุบัน ได้ราคาเหมาะสมปี 2563 ที่ 16.60 บาท/ หุ้น (อิง SOTP) ปรับลงเล็กน้อย 7% จากข้อมูลโครงสร้างสัมปทานจริงที่ได้รับ ซึ่งยังเหลือ upside 49% ให้ค้นหา ปัจจุบัน TPCH เป็นหุ้นโรงไฟฟ้าที่ซื้อขายบน PE19F 12.3x และเพียง PE20F 5.0x เท่านั้น ขณะที่โรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตใหม่ๆซื้อขายระดับสูงกว่า 30-60 เท่า

 

 

 

24 เดือนข้างหน้านี้ ด้วยแผนการจ่ายไฟฟ้ายืนยันโดยผู้บริหารในงานแถลงผลประกอบการ เราพบว่า กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมจะเร่งตัวขึ้นเฉลี่ย +37% ต่อปี จากปัจจุบัน 52.8MW(ตามสัญญา) สู่ 71.2MW ในปี 2562 จากนั้น 98.5MW ในปี 2563 และ 108.5MW ในปี 2564 ซึ่งทั้งหมด ถูกรองรับด้วยใบอนุญาต

 

(1) โรงไฟฟ้าชีวะมวลระบบ FiT จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 แห่งรวม 24.7MW (บริษัทชนะประมูลปี 2559)

 

(2) โรงไฟฟ้าชีวะมวลระบบ Adder โรงใหญ่ 1 แห่ง 21MW จ.ปัตตานี ได้สัญญา PPA ปี 2560 

 

(3) โรงไฟฟ้าขยะ 8MW จ.นนทบุรี จะลงนามสัญญา 17 ก.ค. นี้ โดยความพิเศษของโรงไฟฟ้าชุดนี้คือ ราคาขายไฟฟ้าได้การสนับสนุนพิเศษจากรัฐบาล จากการตั้งอยู่จังหวัดชายแดน และ เป็นโรงไฟฟ้าขยะโครงการเร่งด่วนของรัฐ (Quick win) โดยราคาขายไฟฟ้า 3.4-5.7 บาท/ หน่วย จะต่ำกว่าราคาขายเฉลี่ยปัจจุบัน (4.5 บาท/ หน่วย) 3 แห่ง (24.7MW) อีก 2 แห่ง (29MW) ขายได้แพงกว่า

 

 

โรงไฟฟ้าชุดแรก 18.4MW จะจ่ายไฟในไตรมาส 4/62 ทำให้กำไรไตรมาส 2-3 จะยังคงภาพทรงตัว YoY แต่จะเริ่มแสดงการขยายตัวแรงตั้งแต่ 1Q63 เป็นต้นไป โดยครั้งนี้เราได้รวมประมาณการรายได้ของโรงไฟฟ้าทั้ง 5 เข้าไปในประมาณการหลัก ซึ่งหากเป็นไปตามแผน งวดปี 2563 คาดกำไรจะเติบโต +144% YoY แตะ 888 ลบ. และ +31% YoY ในปีถัดไป

 

 

 

 

 

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด คงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับ TPCH ราคาเป้าหมาย 15.20 บาท คาดการพัฒนาโครงการเป็นไปตามแผนสำหรับ PTG ปัจจุบัน TPCH ดำเนินงานโรงไฟฟ้าชีวมวล 6 แห่งด้วยกำลังการผลิตที่ 37.6 MWe โดย 4 โครงการกำลังพัฒนาด้วยกำลังการผลิตที่ 37.4 MWe การก่อสร้าง TPCH 1 และ 2 (16.8 MWe) และ TPCH 5 (5.6 MWe) เป็นไปตามแผน โดยจะเริ่มดำเนินงานได้ในไตรมาส 4/2562 และ 1/2563 ตามลำดับ (วันเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการ PTG (15.0 MWe) ถูกเลื่อนไปจากไตรมาส 3/2562 เป็น 1/2563 TPCH คาดว่าจะได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SP) ขนาด 10 MW ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าแปรรูปของเสียให้เป็นพลังงาน (WTE) ในเดือน ก.ค. นี่เป็นครั้งแรกที่บริษัทได้รับงานโครงการ WTE ทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างการประมูลโครงการ WTE ในเขตอ่อนนุชที่มีกำลังการผลิต 23 MW ด้วย ภาพรวมไตรมาส 2/2562 สดใส คาดกำไรจะโต QoQ และ YoY

 

 

ด้านนางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) เปิดเผยว่า มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปีนี้จะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ ทั้งในส่วนของรายได้ และกำไร ตามแผนงานที่วางไว้ แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1/62 รายได้อยู่ที่ 392.46 ล้านบาท ลดลง 27.38 ล้านบาท หรือลดลง 6.52% ซึ่งกดดันกำไรสุทธิให้ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 134.65 ล้านบาท ลดลง 13.80 ล้านบาท หรือ 9.30% จากไตรมาส 4/61 โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรปรับตัวลดลงมาจาก การปิดซ่อมบำรุงตามแผนงานประจำปีของโรงไฟฟ้า 3 แห่งพร้อมกันซึ่งเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 1 เพื่อรักษาสภาพเครื่องจักรให้เดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในปีนี้ยังเหลืออีก 3 โรงไฟฟ้า ที่ต้องปิดซ่อมบำรุงตามแผน

 

 

"ถึงแม้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ของปีนี้จะปรับตัวลดลง แต่มั่นใจว่า แนวโน้มรายได้และกำไร ของปีนี้จะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ จากการที่เราเตรียม COD เพิ่มอีก 3 โครงการ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ กำลังการผลิตรวมประมาณ 40 เมกะวัตต์ ส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 100 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตรอบใหม่ จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น"

 

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกันในในวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศรายชื่อ "บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด" ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ โครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ในรูปแบบ FIT เรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดให้ยื่นลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายภายใน 120 วัน โดยโครงการดังกล่าวมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ ปริมาณไฟฟ้าเสนอขาย 8 เมกะวัตต์ ภายใต้สัญญาก่อสร้างและบริหารจัดการระบบการนำขยะมูลฝอยจากหลุมฝังกลบมาใช้ประโยชน์เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตไฟฟ้าปริมาณ 3 ล้านตัน เป็นเวลา 23 ปี มูลค่าลงทุน 1,500 ล้านบาท โดยโครงการนี้ได้รับค่าไฟฟ้าในรูปแบบ FIT ราคาหน่วยละ 5.78 บาท คาดอัตราผลตอบแทน EIRR อยู่ที่ 18-23 % ต่อปี

 

ประธานคณะกรรมการบริหาร TPCH กล่าวอีกว่า โดยในช่วงเดือนมกราคม 2562 บริษัทฯ ได้เข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะในพื้นที่ กทม.มูลค่าราคากลางการลงทุนโครงการละประมาณ 6,700 ล้านบาท ในนาม บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด ที่บริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 50% และได้เตรียมเครื่องมือทางการเงินไว้รองรับเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันเพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและกระจายความเสี่ยงธุรกิจ บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าต่างประเทศ เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมุ่งเน้นไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV เป็นหลัก คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ 

 

TPCH