Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : ออโตคอร์ป (ACG) จ่อขาย IPO 156 ล้านหุ้น

3,746


HotNews : "ออโตคอร์ป" ACG จ่อขาย IPO 156 ล้านหุ้น

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (10 มิถุนายน 2562) บมจ. ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง (ACG) ผนึกที่ปรึกษาทางการเงิน บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) เดินสายโรดโชว์ 6 จังหวัด สุรินทร์-ขอนแก่น-เชียงใหม่-พิษณุโลก-หาดใหญ่-กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 10-18 มิถุนายนนี้ ประกาศศักดาผู้จำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ "ฮอนด้า" ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย เตรียมขายไอพีโอ 156 ล้านหุ้น เร็วๆนี้ ระบุเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี โดยชูจุดเด่น แผนการขยายสาขาให้ครบทุกภูมิภาคของไทย

 

 

 

 

 

นายภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (ACG) ผู้จำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อ "ฮอนด้า" ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมเดินสายโรดโชว์ให้ข้อมูลนักลงทุนใน 6 จังหวัด ระหว่างวันที่ 10-18 มิถุนายน 2562 นี้ ประกอบด้วย จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดขอนแก่น จัดหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพิษณุโลก อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และปิดท้ายการโรดโชว์ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ก่อนเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 156 ล้านหุ้น โดยคาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้เร็วๆ นี้

 


ทั้งนี้ การเดินสายโรดโชว์ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักลงทุนได้เข้าใจในธุรกิจของกลุ่ม ACG ซึ่งประกอบธุรกิจการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding company) ซึ่งมีบริษัทย่อย คือ บริษัท ฮอนด้ามะลิวัลย์ จำกัด เป็นบริษัทแกน ประกอบธุรกิจผู้จำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย

 

 

 

"แผนการระดมทุนของ ACG ในครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปใช้สำหรับการขยายสาขาศูนย์จำหน่ายและบริการ ตามหัวเมืองใหญ่และเมืองรองของภูมิภาคต่างๆ อีก 7 สาขา ภายในปี 2562-2565 ผลักดันยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น หนุนธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงไปกับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า" นายภานุมาศ กล่าวในที่สุด

 

 


นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ ACG กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุญาตการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชน (IPO) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 156 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด

 

 


"มั่นใจว่าหุ้น ACG จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะกลุ่ม ACG เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการยี่ห้อฮอนด้า ซึ่งถือเป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ประกอบแผนการขยายสาขาของกลุ่มบริษัท ACG ให้ครบทุกภูมิภาคของประเทศไทย จะทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของกลุ่ม ACG เพิ่มขึ้นจากจำนวนสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน 9 สาขา จะทำให้ยอดขายและรายได้เติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ACG จะเป็นบริษัทที่ลงทุนในบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการรายแรกของประเทศไทยที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย"นายวิชา กล่าว

 

 

 

 


สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา (2559-2561) ของกลุ่ม ACG มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,515 ล้านบาท 1,847 ล้านบาท และ 2,413 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตในปี 2560 และ 2561 อยู่ที่ 21.91% และ 30.64% ตามลำดับ โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดสาขาใหม่ ได้แก่ สาขามะลิวัลย์ (สำนักงานใหญ่) จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อ "ฮอนด้า" ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเมื่อปี 2559 สาขาวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดสุรินทร์ ปี 2560 และสาขาภูเก็ต และสาขานาคา จังหวัดภูเก็ต ปี 2561 ที่ช่วยหนุนรายได้ส่วนเพิ่มจากสาขาเดิม ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2559-2561 อยู่ที่ 8.74 ล้านบาท 21.54 ล้านบาท และ 27.68 ล้านบาท ตามลำดับ

 


ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/62 มีรายได้รวมจำนวน 825.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 390.46 ล้านบาท หรือ 89.65% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 435.52 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.69 ล้านบาท หรือ 682.12% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 2.74 ล้านบาท ซึ่งต้นปี 2562 กลุ่มบริษัท ACG ได้เริ่มดำเนินการขยายสาขาและศูนย์บริการที่จังหวัดกระบี่เป็นสาขาที่ 9

 

 

อนึ่งบริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “ACG”) ประกอบธุรกิจการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding company) ที่ประกอบธุรกิจจำหน่ายและการให้บริการในอุตสาหกรรมรถยนต์ และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ปัจจุบัน ACG ถือหุ้น ในบริษัทย่อย คือ บริษัท ฮอนด้ามะลิวัลย์ จำกัด (“บริษัทแกน”) ซึ่งเป็นบริษัทผู้จำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซึ่งก่อตั้งโดยนายภานุมาศ รังกูลนุวัฒน์ ที่จังหวัดสุรินทร์เป็นแห่งแรก ตั้งแต่ปี 2535

 

 

 

 

 

สำหรับผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2558-2560 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายรถยนต์ อะไหล่ และอุปกรณ์ตกแต่ง การให้บริการซ่อมบำรุง ซ่อมตัวถังและสี และรายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เท่ากับ 1,328.09 ล้านบาท 1,501.92 ล้านบาท และ 1,836.27 ล้านบาท ตามลำดับ โดยเหตุผลหลักของการเติบโตของรายได้เกิดจากการขายรถยนต์และบริการอันเนื่องมาจากการเพิ่มสาขาโชว์รูมและศูนย์บริการ ที่ถนนมะลิวัลย์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นโชว์รูมและศูนย์บริการยี่ห้อฮอนด้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการทั้งการจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา และในต้นปี 2561 กลุ่มบริษัทได้เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการสาขาภูเก็ตและสาขานาคาในจังหวัดภูเก็ตอีกด้วย

 


นอกจากนี้ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของฮอนด้า มีผลต่อรายได้จากการขายรถยนต์ของกลุ่มบริษัท โดยทางฮอนด้ามีการวางแผนการออกผลิตภัณฑ์สู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นยอดขายโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประเภทที่ไม่เคยวางตลาดมาก่อน (New Model) หรือมีการออกโฉมใหม่ (Full Model Change)

 

 

อีกทั้งสัดส่วนการขายกลุ่มประเภทรถยนต์ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของรายได้จากการขายเช่นกัน ซึ่งรถยนต์กลุ่ม SEDAN (Accord) และกลุ่ม SUV (CR-V, HR-V และ BR-V) จะมีราคาขายเฉลี่ยต่อคันสูงกว่ากลุ่ม Compact (Civic) กลุ่ม Sub Compact (City และ Jazz) และกลุ่ม Eco Car (Brio และ Amaze) โดยในปี 2559 รายได้จากการขายรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มขึ้นจากปี 2558 เนื่องมาจากการเปิดสาขามะลิวัลย์เป็นหลัก ในขณะที่รายได้จากการขายในสาขาอื่น ๆ ลดลงจากปี 2558 เนื่องมาจากปี 2558 มีการออกรถรุ่น Honda HR-V เป็นครั้งแรก และมีการขายรถยนต์กลุ่ม Sub compact มากกว่าปี 2559

 

 

 

จากนโยบายการส่งเสริมการขายของฮอนด้า ทั้งนี้ รายได้จากการขายรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งในปี 2560 เพิ่มขึ้นจากปี 2559 จากการเติบโตของยอดขายในทุก ๆ สาขาของกลุ่มบริษัท เนื่องมาจากสัดส่วนรายได้จากการขายรถยนต์กลุ่ม SUV และกลุ่ม Compact ที่มากกว่าในปี 2559 โดยเฉพาะ CR-V โฉมใหม่ และ Civic และภาวะอุตสาหกรรมตลาดรถยนต์ในประเทศโดยรวมเริ่มฟื้นตัว ซึ่งการเติบโตของธุรกิจของกลุ่มบริษัทสอดคล้องไปตามภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทย โดยในปี 2560 ตลาดรถยนต์ในประเทศได้พลิกผัน กลับขึ้นมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีหลังโครงการรถยนต์คันแรกสร้างผลกระทบต่อตลาด จากข้อมูลของสภาอุตสาหกรรม พบว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในปี 2560 มีการขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ทั้งการผลิตรถยนต์และการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศและคาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องถึงปี 2561 ซึ่งส่งผลให้รายได้รวมของกลุ่มบริษัทในปี 2560เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2559 โดยส่วนใหญ่มูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นมาจากส่วนงานจำหน่ายรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่ง

 


สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.91 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในปี 2561 มีการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่ม 2 สาขาในจังหวัดภูเก็ต โดยสาขาภูเก็ตเปิดให้และบริการในต้นเดือนมีนาคม 2561 และสาขานาคาเปิดให้บริการปลายเดือนมีนาคม 2561 (เฉพาะโชวร์รูมชั่วคราว)

 


นอกจากนั้น รายได้ของกลุ่มบริษัทจะสอดคล้องกับการจัดกิจกรรมการส่งเสริมการขายของฮอนด้าในแต่ละปี อาทิเช่น การจัดรายการส่งเสริมการขายสำหรับการซื้อรถบางรุ่นที่ต้องการผลักดันหรือกระตุ้นยอดขาย เช่น แคมเปญส่งเสริมการขายดับเบิ้ลสไมล์ (Double Smile) ออกรถโดยไม่ต้องดาวน์ ซึ่งเริ่มในปี 2561

 


กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2558-2560 และช่วง 9 เดือนแรกปี 2561 มูลค่าเท่ากับ 3.97 ล้านบาท 8.74 ล้านบาท 21.54 ล้านบาท และ 17.14 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 0.30 ร้อยละ 0.58 ร้อยละ 1.17 และร้อยละ 0.99 ตามลำดับ ในปี 2560 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 146.44 จากปี 2559 เนื่องจากประเด็นสำคัญจากผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการของสาขามะลิวัลย์ที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นศูนย์บริการขนาดใหญ่ ทำให้ยอดขายสินค้าและบริการของกลุ่มบริษัทเพิ่มสูงขึ้น โดยโชว์รูมดังกล่าวเปิดให้บริการเต็มปีในปี 2559 และในปี 2560 เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ ฮอนด้าจะวางตลาดรถรุ่นใหม่โดยเฉลี่ยไตรมาสละ 1 รุ่นซึ่งรถรุ่นใหม่นี้จำแนกประเภทได้เป็น New Model (รถรุ่นใหม่ที่ไม่เคยวางตลาดมาก่อน) Full Model Change(รถที่มีวางจำหน่ายอยู่และมีการปรับรูปทรงใหม่) และ Minor Model Change (รถที่วางจำหน่ายอยู่และปรับรูปแบบเพียงเล็กน้อย)

 


สำหรับช่วง 9 เดือนแรกปี 2561 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 17.14 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 0.49 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาไปจังหวัดภูเก็ต ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิลดลงจากช่วง 9 เดือนปี 2560 ซึ่งบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 1.26 และช่วง 9 เดือนปี 2561 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 0.99 ลดลงร้อยละ 0.27 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นลดลงและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น เช่น เงินเดือน ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าธรรมเนียมวิชาชีพ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ ซึ่งสอดคล้องกับการขยายสาขาและการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ต้นทุนทางการเงินลดลงเนื่องจากการลดลงของเงินกู้ยืมระยะยาวซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเงินกู้ยืมระยะสั้น

 

ACG

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

พลังแบงก์ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นแรงซื้อ แรงเก็งกำไรเข้ามาหุ้นแบงก์หลายตัวหนาแน่น ทำให้ ดัชนีตลาด ยืน1,400 จุด ได้...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้