Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : ออโตคอร์ป (ACG) จ่อขาย IPO 156 ล้านหุ้น

3,726


HotNews : "ออโตคอร์ป" ACG จ่อขาย IPO 156 ล้านหุ้น

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (10 มิถุนายน 2562) บมจ. ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง (ACG) ผนึกที่ปรึกษาทางการเงิน บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) เดินสายโรดโชว์ 6 จังหวัด สุรินทร์-ขอนแก่น-เชียงใหม่-พิษณุโลก-หาดใหญ่-กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 10-18 มิถุนายนนี้ ประกาศศักดาผู้จำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ "ฮอนด้า" ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย เตรียมขายไอพีโอ 156 ล้านหุ้น เร็วๆนี้ ระบุเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี โดยชูจุดเด่น แผนการขยายสาขาให้ครบทุกภูมิภาคของไทย

 

 

 

 

 

นายภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (ACG) ผู้จำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อ "ฮอนด้า" ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมเดินสายโรดโชว์ให้ข้อมูลนักลงทุนใน 6 จังหวัด ระหว่างวันที่ 10-18 มิถุนายน 2562 นี้ ประกอบด้วย จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดขอนแก่น จัดหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพิษณุโลก อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และปิดท้ายการโรดโชว์ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ก่อนเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 156 ล้านหุ้น โดยคาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้เร็วๆ นี้

 


ทั้งนี้ การเดินสายโรดโชว์ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักลงทุนได้เข้าใจในธุรกิจของกลุ่ม ACG ซึ่งประกอบธุรกิจการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding company) ซึ่งมีบริษัทย่อย คือ บริษัท ฮอนด้ามะลิวัลย์ จำกัด เป็นบริษัทแกน ประกอบธุรกิจผู้จำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย

 

 

 

"แผนการระดมทุนของ ACG ในครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปใช้สำหรับการขยายสาขาศูนย์จำหน่ายและบริการ ตามหัวเมืองใหญ่และเมืองรองของภูมิภาคต่างๆ อีก 7 สาขา ภายในปี 2562-2565 ผลักดันยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น หนุนธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงไปกับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า" นายภานุมาศ กล่าวในที่สุด

 

 


นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ ACG กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุญาตการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชน (IPO) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 156 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด

 

 


"มั่นใจว่าหุ้น ACG จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะกลุ่ม ACG เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการยี่ห้อฮอนด้า ซึ่งถือเป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ประกอบแผนการขยายสาขาของกลุ่มบริษัท ACG ให้ครบทุกภูมิภาคของประเทศไทย จะทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของกลุ่ม ACG เพิ่มขึ้นจากจำนวนสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน 9 สาขา จะทำให้ยอดขายและรายได้เติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ACG จะเป็นบริษัทที่ลงทุนในบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการรายแรกของประเทศไทยที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย"นายวิชา กล่าว

 

 

 

 


สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา (2559-2561) ของกลุ่ม ACG มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,515 ล้านบาท 1,847 ล้านบาท และ 2,413 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตในปี 2560 และ 2561 อยู่ที่ 21.91% และ 30.64% ตามลำดับ โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดสาขาใหม่ ได้แก่ สาขามะลิวัลย์ (สำนักงานใหญ่) จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อ "ฮอนด้า" ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเมื่อปี 2559 สาขาวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดสุรินทร์ ปี 2560 และสาขาภูเก็ต และสาขานาคา จังหวัดภูเก็ต ปี 2561 ที่ช่วยหนุนรายได้ส่วนเพิ่มจากสาขาเดิม ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2559-2561 อยู่ที่ 8.74 ล้านบาท 21.54 ล้านบาท และ 27.68 ล้านบาท ตามลำดับ

 


ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/62 มีรายได้รวมจำนวน 825.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 390.46 ล้านบาท หรือ 89.65% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 435.52 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.69 ล้านบาท หรือ 682.12% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 2.74 ล้านบาท ซึ่งต้นปี 2562 กลุ่มบริษัท ACG ได้เริ่มดำเนินการขยายสาขาและศูนย์บริการที่จังหวัดกระบี่เป็นสาขาที่ 9

 

 

อนึ่งบริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “ACG”) ประกอบธุรกิจการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding company) ที่ประกอบธุรกิจจำหน่ายและการให้บริการในอุตสาหกรรมรถยนต์ และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ปัจจุบัน ACG ถือหุ้น ในบริษัทย่อย คือ บริษัท ฮอนด้ามะลิวัลย์ จำกัด (“บริษัทแกน”) ซึ่งเป็นบริษัทผู้จำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซึ่งก่อตั้งโดยนายภานุมาศ รังกูลนุวัฒน์ ที่จังหวัดสุรินทร์เป็นแห่งแรก ตั้งแต่ปี 2535

 

 

 

 

 

สำหรับผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2558-2560 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายรถยนต์ อะไหล่ และอุปกรณ์ตกแต่ง การให้บริการซ่อมบำรุง ซ่อมตัวถังและสี และรายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เท่ากับ 1,328.09 ล้านบาท 1,501.92 ล้านบาท และ 1,836.27 ล้านบาท ตามลำดับ โดยเหตุผลหลักของการเติบโตของรายได้เกิดจากการขายรถยนต์และบริการอันเนื่องมาจากการเพิ่มสาขาโชว์รูมและศูนย์บริการ ที่ถนนมะลิวัลย์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นโชว์รูมและศูนย์บริการยี่ห้อฮอนด้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการทั้งการจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา และในต้นปี 2561 กลุ่มบริษัทได้เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการสาขาภูเก็ตและสาขานาคาในจังหวัดภูเก็ตอีกด้วย

 


นอกจากนี้ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของฮอนด้า มีผลต่อรายได้จากการขายรถยนต์ของกลุ่มบริษัท โดยทางฮอนด้ามีการวางแผนการออกผลิตภัณฑ์สู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นยอดขายโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประเภทที่ไม่เคยวางตลาดมาก่อน (New Model) หรือมีการออกโฉมใหม่ (Full Model Change)

 

 

อีกทั้งสัดส่วนการขายกลุ่มประเภทรถยนต์ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของรายได้จากการขายเช่นกัน ซึ่งรถยนต์กลุ่ม SEDAN (Accord) และกลุ่ม SUV (CR-V, HR-V และ BR-V) จะมีราคาขายเฉลี่ยต่อคันสูงกว่ากลุ่ม Compact (Civic) กลุ่ม Sub Compact (City และ Jazz) และกลุ่ม Eco Car (Brio และ Amaze) โดยในปี 2559 รายได้จากการขายรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มขึ้นจากปี 2558 เนื่องมาจากการเปิดสาขามะลิวัลย์เป็นหลัก ในขณะที่รายได้จากการขายในสาขาอื่น ๆ ลดลงจากปี 2558 เนื่องมาจากปี 2558 มีการออกรถรุ่น Honda HR-V เป็นครั้งแรก และมีการขายรถยนต์กลุ่ม Sub compact มากกว่าปี 2559

 

 

 

จากนโยบายการส่งเสริมการขายของฮอนด้า ทั้งนี้ รายได้จากการขายรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งในปี 2560 เพิ่มขึ้นจากปี 2559 จากการเติบโตของยอดขายในทุก ๆ สาขาของกลุ่มบริษัท เนื่องมาจากสัดส่วนรายได้จากการขายรถยนต์กลุ่ม SUV และกลุ่ม Compact ที่มากกว่าในปี 2559 โดยเฉพาะ CR-V โฉมใหม่ และ Civic และภาวะอุตสาหกรรมตลาดรถยนต์ในประเทศโดยรวมเริ่มฟื้นตัว ซึ่งการเติบโตของธุรกิจของกลุ่มบริษัทสอดคล้องไปตามภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทย โดยในปี 2560 ตลาดรถยนต์ในประเทศได้พลิกผัน กลับขึ้นมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีหลังโครงการรถยนต์คันแรกสร้างผลกระทบต่อตลาด จากข้อมูลของสภาอุตสาหกรรม พบว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในปี 2560 มีการขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ทั้งการผลิตรถยนต์และการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศและคาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องถึงปี 2561 ซึ่งส่งผลให้รายได้รวมของกลุ่มบริษัทในปี 2560เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2559 โดยส่วนใหญ่มูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นมาจากส่วนงานจำหน่ายรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่ง

 


สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.91 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในปี 2561 มีการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่ม 2 สาขาในจังหวัดภูเก็ต โดยสาขาภูเก็ตเปิดให้และบริการในต้นเดือนมีนาคม 2561 และสาขานาคาเปิดให้บริการปลายเดือนมีนาคม 2561 (เฉพาะโชวร์รูมชั่วคราว)

 


นอกจากนั้น รายได้ของกลุ่มบริษัทจะสอดคล้องกับการจัดกิจกรรมการส่งเสริมการขายของฮอนด้าในแต่ละปี อาทิเช่น การจัดรายการส่งเสริมการขายสำหรับการซื้อรถบางรุ่นที่ต้องการผลักดันหรือกระตุ้นยอดขาย เช่น แคมเปญส่งเสริมการขายดับเบิ้ลสไมล์ (Double Smile) ออกรถโดยไม่ต้องดาวน์ ซึ่งเริ่มในปี 2561

 


กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2558-2560 และช่วง 9 เดือนแรกปี 2561 มูลค่าเท่ากับ 3.97 ล้านบาท 8.74 ล้านบาท 21.54 ล้านบาท และ 17.14 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 0.30 ร้อยละ 0.58 ร้อยละ 1.17 และร้อยละ 0.99 ตามลำดับ ในปี 2560 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 146.44 จากปี 2559 เนื่องจากประเด็นสำคัญจากผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการของสาขามะลิวัลย์ที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นศูนย์บริการขนาดใหญ่ ทำให้ยอดขายสินค้าและบริการของกลุ่มบริษัทเพิ่มสูงขึ้น โดยโชว์รูมดังกล่าวเปิดให้บริการเต็มปีในปี 2559 และในปี 2560 เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ ฮอนด้าจะวางตลาดรถรุ่นใหม่โดยเฉลี่ยไตรมาสละ 1 รุ่นซึ่งรถรุ่นใหม่นี้จำแนกประเภทได้เป็น New Model (รถรุ่นใหม่ที่ไม่เคยวางตลาดมาก่อน) Full Model Change(รถที่มีวางจำหน่ายอยู่และมีการปรับรูปทรงใหม่) และ Minor Model Change (รถที่วางจำหน่ายอยู่และปรับรูปแบบเพียงเล็กน้อย)

 


สำหรับช่วง 9 เดือนแรกปี 2561 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 17.14 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 0.49 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาไปจังหวัดภูเก็ต ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิลดลงจากช่วง 9 เดือนปี 2560 ซึ่งบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 1.26 และช่วง 9 เดือนปี 2561 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 0.99 ลดลงร้อยละ 0.27 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นลดลงและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น เช่น เงินเดือน ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าธรรมเนียมวิชาชีพ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ ซึ่งสอดคล้องกับการขยายสาขาและการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ต้นทุนทางการเงินลดลงเนื่องจากการลดลงของเงินกู้ยืมระยะยาวซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเงินกู้ยืมระยะสั้น

 

ACG

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

แนวรบเก็งกำไร By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ แม้สภาพตลาดหุ้นไทย นักลงทุน ยังไม่กลับมา แต่สำหรับแนวรบ หุ้นเก็งกำไร ......

พีทีจี เอ็นเนอยี ส่ง ออโต้แบคส์ เข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เตรียมประกาศความพร้อมการแข่งขัน PT Maxnitron Racing Series 2024

พีทีจี เอ็นเนอยี ส่ง ออโต้แบคส์ เข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เตรียมประกาศความพร้อมการแข่งขัน PT Maxnitron Racing..

มัลติมีเดีย

NER กางปีก..รับราคายางพาราพุ่ง - สายตรงอินไซด์ - 18 มี.ค.67

NER กางปีก..รับราคายางพาราพุ่ง - สายตรงอินไซด์ - 18 มี.ค.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้