Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : PTTGC กำไรโค้งแรกวูบ 48% หลังราคาปิโตรฯหด แม้มี Stock Gain

4,759

HotNews : PTTGC กำไรโค้งแรกวูบ 48% หลังราคาปิโตรฯหด แม้มี Stock Gain

 

PTTGC ไตรมาส 1/62 กำไรสุทธิหด 48% จากไตรมาส 1/61 ราคาผลิตภัณฑ์โดยรวมปรับลดลง แต่กำไรQ1/62 ปรับเพิ้มขึ้น 59% จากไตรมาส 4/61 เหตุรับรู้ Stock Gain ขณะที่เผยแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง 62 มีแผนหยุดซ่อมบํารุงโรงกลั่นน้ํามันใน Q4/62 ราว 2 เดือน คาดการใช้กําลังการผลิตทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 86% พร้อมคาดช่วงที่เหลือของปี 62 ราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 65-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

 

 

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) PTTGC รายงานผลประกอบการ ไตรมาส 1/62 มีกำไรสุทธิ 6.44 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.43 บาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.24 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.75 บาท โดยมีรายได้จากการขาย112,783 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 7 จากไตรมาส 1/2561 และร้อยละ 12 จากไตรมาส 4/2561 โดยเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบดูไบที่มีการปรับตวัลดลงจากไตรมาส 1/2561 และไตรมาส 4/2561 ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์โดยรวมปรับลดลงไปในทิศทางเดียวกัน

 

 

 

 

โดยในไตรมาสนี้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 6,443 ล้านบาท (1.43 บาท/ หุ้น) ลดลงร้อยละ 48 จากไตรมาส 1/2561 แต่ปรับตัวเพิ้มขึ้นร้อยละ 59 จากไตรมาส 4/2561บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินการหลัก ไม่รวมผลของรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติเทียบกับไตรมาส 4/2561 ลดลงตามการปรับตัวลงของราคาผลิตภัณฑ์โดยธุรกิจโรงกลั่นน้ำมีค่าการกลั่น (GRM) ลดลงมาอยู่ที่ 3.22 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ

 

 

ขณะที่ธุรกิจอะโรเมติกส์ ส่วนต่างผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์(BTX P2F) ลดลงมาอยู่ที่ 206 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ส่งผลให้ธุรกิจมี Adjusted EBITDA ร้อยละ 8 เนื่องจากตลาดมีความกงัวลเรื่องกำลงการผลิตใหม่ สำหรับธุรกิจโอเลฟินส์และโพลีเมอร์ ราคาผลิตภัณฑ์โพลีเอทิลีนยังคงได้รับแรงกดดันจากผลกระทบของสงครามการค้า แต่ปรับตัวดีขึ้น จากช่วงปลายปีที่แล้ว ส่งผลให้Adjusted EBITDA margin ของธุรกิจโอเลฟิ นส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องปรับตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่รอ้ยละ 18

 

 

สำหรับบริษัทย่อยมีกำไรลดลงโดยเฉพาะธุรกิจเอทิลีนออกไซด์และธุรกิจฟีนอลโดยทั้งสองธุรกจิ มีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนและมีส่วนต่างของผลิตภัณฑ์ที่่อ่อนตัวทำให้ Adjusted EBITDA ของบริษัทฯในไตรมาส 1/2562 เท่ากับ 9,768 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20 จากไตรมาส 4/2561 ขณะทีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน มีการ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1,186 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 17 จากไตรมาส 4/2561

 

 

 

 

โดยหลักเป็นผลจากการอ่อนตัวของธุรกิจอะคริโลไนไตรล์ (AN) ขณะที่ผลประกอบการในส่วนของธุรกิจไบโอพลาสติกที่บริษัทฯ ดำเนินการผ่านบริษัท Natureworksประเทศสหรัฐอเมริกาปรับตัวดีขี้น

 

ทั้งนี้ในไตรมาสนี้บริษัท ฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 438 ล้านบาทจากการปรับตัวแข็งค่าของค่าเงินบาทและจากการปรับขึ้น ของราคาน้ามันดิบดูไบตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาสส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้Stock Gain และ NRVรวม 1,426 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 6,443 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 59 จากไตรมาส 4/2561

 

 

 

 

PTTGC เผยแนวโน้มธุรกิจ ครึ่งปีหลังของปี 62

 

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) PTTGC เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดน้ํามันในช่วงที่เหลือของปี 2562 คาดว่าราคาน้ํามันดิบดูไบจะอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 65-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยสํานักงานพลังงานสากล (IEA) ยังคงคาดการณ์ความต้องการใช้น้ํามันของโลกในปี 2562 อยู่ที่ระดับ 100.6 ล้านบาร์เรล ต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ดี ตลาดน้ํามันดิบในครึ่งปีหลังยังมีความไม่แน่นอน ทั้งจากสงครามการค้า ระหว่างประเทศสหรัฐฯ และประเทศจีน

 

 

ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับความกังวลในเศรษฐกิจโลก อาจ กดดันความต้องการใช้น้ํามัน และแม้ว่าหางกลุ่มโอเปคและรัสเซียมีความพยายามหาข้อตกลงในการลดกําลังการผลิต แต่ ปริมาณการผลิตน้ํามันดิบของสหรัฐฯ ที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจะเป็นปัจจัยกดต้นราคาน้ํามัน

 


สําหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในช่วงที่เหลือของปี 2562 บริษัทฯ คาดว่าส่วนต่างราคาน้ํามันดีเซลกับน้ํามันดิบดูไบเฉลี่ยจะอยู่ที่ 14.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการของ International Marine Organization (IMO) ใน การควบคุมระดับกํามะถันในน้ํามันเตาที่ใช้ในอุตสาหกรรมเดินเรือ ทําให้มีความต้องการในการใช้น้ํามันดีเซลเข้าไปผสม เพื่อให้ได้มาตรฐาน ในขณะที่ส่วนต่างราคาน้ํามันเตาและแก๊ซโซลีนคาดว่าจะมีการปรับตัวลดลง

 

 

 

 

โดยคาดว่าจะมีการปรับตัว ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 3.9 และ 7.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลตามลําดับ โดยในส่วนของน้ํามันเตาคาดว่าจะได้รับผลกระทบ จากการดําเนินตามนโยบาย IMO โดยคาดว่าจะเห็นผลกระทบที่ชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ขณะที่น้ํามันแก๊ซโซลีนยัง ได้รับปัจจัยกดดันจากระดับสินค้าคงคลังที่สูงและปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการใช้กําลังการผลิตในระดับสูงของโรงกลั่นใน ภูมิภาคอเมริกาเหนือ ทั้งนี้ในส่วนของการใช้กําลังการผลิตของโรงกลั่นน้ํามันนั้นมีแผนการหยุดซ่อมบํารุงในไตรมาส 4 ประมาณ 2 เดือน คาดว่าการใช้กําลังการผลิตทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 86

 


แนวโน้มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์คาดว่าส่วนต่างของผลิตภัณฑ์พาราไซลืนกับแนฟทาในช่วงที่เหลือของปี 2562 จะอยู่ที่ ประมาณ 352 เหรียญสหรัฐฯ ต่อต้น ลดลงจากครึ่งปีแรกเนื่องจากอุปทานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากอุปทานใหม่จากประเทศจีน ในขณะที่อุปสงค์จากภาคอุตสาหกรรม เส้นโยและสิ่งทอ (Fiber Filament) กรดเทเรฟทาริคบริสุทธิ์ (PTA) และขวดบรรจุ ภัณฑ์ (PET Bottle Resin) ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง

 

 

สําหรับส่วนต่างของราคาเบนซินและแนฟทาจะอยู่ที่ประมาณ 68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อต้น เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกจากการคาดการณ์ว่าอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์เบนซินจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยคาดว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์ขั้นกลาง เช่น สไตรีนโมโนเมอร์ (Styrene monomer) และฟีนอลจะเพิ่มสูงขึ้น สําหรับในปีนี้บริษัท ฯ มีแผนการหยุดซ่อมบํารุงเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของหน่วยผลิตอะโรเมติกส์ 1 ในไตรมาส 2 ประมาณ 2 เดือน คาดว่าการใช้กําลังการผลิตทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 90

 

 

 


แนวโน้มของสถานการณ์ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2562 มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นตาม ทิศทางของราคาน้ํามัน ซึ่งราคาผลิตภัณฑ์ขึ้นอยู่กับการพัฒนาด้านการเจรจาจากประเด็นความขัดแย้งทางด้านการค้า ซึ่ง ปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนและยังไม่สามารถบรรลุถึงข้อตกลงทางการค้าได้ ประกอบกับคาดว่าจะมีอุปทานเพิ่มขึ้นทั้งจาก ประเทศสหรัฐอเมริกาเข้ามาในภูมิภาคมากขึ้น และกําลังการผลิตใหม่ในภูมิภาคนี้เอง

 

 

ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าราคาเฉลี่ย เม็ดพลาสติก HDPE จะอยู่ราว 1,117 เหรียญสหรัฐฯ ต่อต้น สําหรับสถานการณ์ราคา MEG คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัว ลดลงจากครึ่งปีแรก ซึ่งปัจจัยสาคัญมาจากปริมาณอุปทานมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากกาลังการผลิตใหม่ที่เริ่มทยอยเข้าสู่ ตลาดจากทวีปอเมริกา จีนรวมทั้งในภูมิภาค

 

 

ในขณะที่ปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์การใช้งานของตลาดผลิตภัณฑ์ปลายน้ํา โดยเฉพาะ Polyester ในจีนยังคงเติบโตได้ตามสภาพเศรษฐกิจของประเทศ บริษัทฯ คาดว่าราคา MEG ASP เฉลี่ยจะอยู่ ประมาณ 637 เหรียญสหรัฐฯ ต่อต้น ทั้งนี้คาดว่าการใช้กําลังการผลิตเฉลี่ยทั้งปีของธุรกิจโอเลฟินส์จะอยู่ที่ร้อยละ 102 และ ธุรกิจโพลิเมอร์จะอยู่ที่ร้อยละ 104

 

 

PTTGC

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ลุ้น หวยออก By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ลุ้น หวยออก ระหว่างรอ ครม. ระหว่างรอผลประชุม เฟด เงินบาทแข็งค่า.....

ATLAS ผนึก PTG เปิดสถานี 'PT Max Rest นครชัยศรี 11' ใหญ่ที่สุดในไทย รองรับไลฟ์สไตล์นักเดินทางยุคใหม่

ATLAS ผนึก PTG เปิดสถานี 'PT Max Rest นครชัยศรี 11' ใหญ่ที่สุดในไทย รองรับไลฟ์สไตล์นักเดินทางยุคใหม่

มัลติมีเดีย

PTG × ATLAS ร่วมกันเปิดปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ “PT Max Rest นครชัยศรี 11”

PTG × ATLAS ร่วมกันเปิดปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ “PT Max Rest นครชัยศรี 11”

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้