คัมภีร์หุ้น By ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ :โมเดลตลาดหุ้นกับการเลือกตั้ง 24มีนาคม
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (13 มีนาคม 2562)--------ตลาดหุ้นช่วงก่อนการเลือกตั้ง 24 มีนาคมนี้ ถือว่าเป็นไปตามโมเดลนะครับ คือก่อนการเลือกตั้งวิ่งขึ้นรอบแรก พอมาใกล้ๆวันเลือกตั้งเกิดอาการซึม สรุปว่าผมถูกมา 2ช่วงแล้ว หากผมถูกอีกครั้ง พวกเราจะได้เฮครับ คือมีวิ่งยาวรอบใหญ่หลังการเลือกตั้ง
*ช่วงที่1 Pre-Election Rally หรือการวิ่งขึ้นก่อนการเลือกตั้ง (1มกราคม-28 กุมภาพันธ์2562) ดัชนี SET วิ่งขึ้นมา 130 จุด โดยขึ้นมาจาก 1545 จุด ในช่วงปีใหม่ ขึ้นมาสูงสุดที่ 1675 จุดในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ เป็นการขึ้นมาขานรับข่าวดีว่าจะมีการจัดการเลือกตั้ง นำประเทศคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย
*ช่วงที่2 สุกดิบ Election จวนใกล้วันเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ราวเกือบเดือน ก่อนถึงวันเลือกตั้ง ยังมีคลุมเครือไม่ชัดเจนว่าฝ่ายใดจะได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง (ระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับฝ่ายที่ต่อต้าน) ตลาดหุ้นจึงตกพักฐานลงมาจากเขต 1675 ลงมาแถวๆ 1625 และซึมรอความชัดเจน สถานการณ์นี้น่าจะต่อเนื่องไปถึงก่อนวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม
*ช่วงที่ 3 Post- Election Rally ระยะแรก หลัง 24 มีนาคม ถึงต้นเดือนพฤษภาคม 2562 ตลาดหุ้นน่าจะวิ่งขึ้นในช่วง Honeymoon Period เป็นระลอกแรก ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรใครชนะ หรือแพ้ก็ตาม เนื่องจากมีความชัดเจนทางการเมือง และลดปัจจัยเสี่ยงการเมือง (Political risk) ลงไปได้แล้ว
ระยะที่ 2 จะเกิดLong Election Rally หรือวิ่งยาวรอบใหญ่ใช้เวลาขึ้นยาว 2 ปี แบบ 3ครั้งก่อนในประวัติศาสตร์หรือไม่...?
*ครั้งแรก-การเลือกตั้งหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปีพ.ศ.2535 -เป็นการเลือกตั้งใหญ่ เดือนกันยายน 2535 ภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬพ.ศ.2535 เกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์จลาจลทางการเมือง และการสิ้นอำนาจของกองทัพและคณะรัฐประหารรสช.นำโดยพลเอกสุจินดา คราประยูร
หลังการเลือกตั้งครั้งนั้น พรรคประชาธิปัตย์มีชัยชนะ นายชวน หลีกภัย ได้เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลมีเสถียรภาพพอสมควร
นโยบายเศรษฐกิจเปิดเสรีและต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ
ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้า (Fund in flow)
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวิ่งขึ้นไปจบในต้นปี2537 หรือขึ้นไปยาว 2ปี โดยดัชนี SET ขึ้นจาก 650 ไปพีคที่ 1789 จุด หรือขึ้นไปมากเกือบ 3 เท่าตัว
*ครั้งที่ 2 การเลือกตั้งเดือนมกราคม พ.ศ.2544 -เกิดขึ้นภายหลังเศรษฐกิจฟองสบู่แตกปีพ.ศ.2540 และภายหลังจากมีการปฏิรูปการเมือง การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เรียกกันว่า ฉบับประชาชน ส่งเสริมให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง สามารถนำนโยบายมาปฏิบัติได้ พรรคใหญ่จัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้
พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งครั้งนั้น คุณทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีเสถียรภาพมาก
นโยบายเศรษฐกิจเปิดเสรี แปรรูปรัฐวิสาหกิจใหญ่กำไรดีอย่าง ปตท.เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้า (Fund in flow)
ดัชนีหุ้นไทยฟื้นจากเขต 250 จุดขึ้นไปสูงสุดในปี 2544 ขึ้นไปราว 2 ปี ไปจบในตอนต้นปี2547 ที่ 800 จุด หรือเป็นการวิ่งขึ้นหลังเลือกตั้งเกือบ 4 เท่าตัว
*ครั้งที่ 3 การเลือกตั้งกรกฎาคม พ.ศ.2554-เกิดขึ้นภายหลังจากความแตกแยกทางการเมือง ของ 2 ขั้วการเมืองที่นิยมคุณทักษิณ กับฝ่ายต่อต้าน และการจลาจลทางการเมืองของกลุ่มมวลชนที่ต่อต้าน และสนับสนุนอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ในช่วง1-2ปีก่อนหน้านั้น(มีม็อบพันธมิตรที่ลงเอิยด้วยการปิดสนามบินปี2551 ม็อบเสื้อแดงที่นำไปสู่การล้มประชุมASEMพัทยาปี2552 และม็อบเสื้อแดงที่นำไปสู่การจลาจลเผาห้างสรรพสินค้า และการปราบปรามผู้ประท้วงในปี2553)
ผลการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยที่สนับสนุนคุณทักษิณชนะเลือกตั้ง ได้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวคุณทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี การเมืองมีเสถียรภาพพอสมควรในระยะต้นเกือบ 2 ปีแรกของรัฐบาล
รัฐบาลมีนโยบายว่าแก้ไขไม่แก้แค้น เน้นพัฒนาเศรษฐกิจ ทุนต่างประเทศไหลเข้า(Fund in flow) เหตุมาจากวิกฤตเศรษฐกิจHamburgerของสหรัฐอเมริกา ทำให้ทุนไหลออกจากอเมริกามาภูมิภาคอาเซียน
ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากเขต 1,000จุด ขึ้นไปสูงสุด 1,650 จุด ในปี 2556 หรือขึ้นยาวกว่า 2 ปี มากกว่า 65% ก่อนจะหยุดการปรับตัวขึ้น เมื่อฝ่ายรัฐบาลผิดพลาดทำในสิ่งที่เรียกกันว่า”นิรโทษกรรมสุดซอย” ทำให้มีการก่อการประท้วงใหญ่ของฝ่ายค้าน นำโดยกปปส. และมาจบลงด้วยการก่อรัฐประหารยึดอำนาจในเดือนพฤษภาคม 2557
สรุปข้อสังเกตของการวิ่งแรลลี่ขึ้นภายหลังการเลือกตั้งทั้ง3ครั้งนั้น มีองค์ประกอบสำคัญคือ
ประการแรก-การเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นฉันทามติร่วมกันว่าจะเป็นทางออกของประเทศ จากวิกฤตการเมือง หรือวิกฤตเศรษฐกิจ (ซึ่งในการเลือกตั้งปี2562 นี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ก็มีองค์ประกอบข้อนี้)
ประการที่สอง-การจัดเลือกตั้งเป็นไปด้วยความราบรื่นเรียบร้อย เป็นที่ยอมรับของผลการเลือกตั้ง(ซึ่งการเลือกตั้งปี2562ก็ต้องจับตาดูว่าจะเป็นไปในลักษณะนี้ หรือเกิดความวุ่นวายบานปลาย)
ประการที่สาม-การจัดตั้งรัฐบาลได้นายกรัฐมนตรีที่ยอมรับกันได้ รัฐบาลมีเสถียรภาพ และนำประเทศให้มีเสถียรภาพ
ประการที่สี่-มีนโยบายต้อนรับทุนต่างประเทศ หรือเป็นสถานที่ที่ทุนต่างประเทศเลือกเข้ามาลงทุน หรือนานาชาติยอมรับผลการเลือกตั้ง
*ครั้งที่4-หากการเลือกตั้ง 24มีนาคม พ.ศ.2562 มีองค์ประกอบครบ 4ข้อนี้ หรือหลายข้อใน 4ข้อนี้ ก็ให้สันนิษฐานว่าตลาดหุ้นไทยจะมีวิ่งแรลลี่ขึ้นภายหลังการเลือกตั้งใหญ่ปี2562 และหากสถิติซ้ำรอย ตลาดหุ้นไทยจะวิ่งแรลลี่ยาวไป 2 ปี คือในปี2562 ไปจบในปี2563 ส่วนจะขึ้นไป 65% หรือ 300-400% แบบในอดีต 3 ครั้งที่ผ่านมา ขึ้นกับว่าองค์ประกอบทั้งสี่นั้นมีน้ำหนักไปทางบวกมากเพียงใดนะครับ
แต่นี่คือโอกาสที่เราจะรวยในรอบนี้
...
ติดตามผมได้ทุกวันเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/tontancorp
Line@ : https://line.me/R/ti/p/tdlbu6oZ2Y
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCKMWBIwnWn4DFmaVThAyUjg
แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....
FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น
NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68