Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ : 4 เซียนฟันธง-3 ขาใหญ่ คอนเฟิร์ม/ ปีแพะ SET ฟื้น

3,864

 





  
            สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(  2  ธันวาคม  2557 )----- ทีมข่าวหุ้นอินไซด์สำรวจมุมมองตลาดหุ้นไทยในปี2558 นำทีมโดยเซียนหุ้น ASP ทำนายปีหน้าดัชนีฯพุ่งแตะ1,760 จุด ตามการฟื้นตัวของศก. พร้อมแรงหนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่  ขณะที่บล.กสิกรไทย ประเมินดัชนีฯปีหน้าระดับ จะอยู่ที่ 1,710 จุด -กำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) ที่ 16% ด้านบล.เออีซี มองตลาดปีหน้าแตะ 1,800 จุด แย้มจากนี้ถึงต้นไตรมาส1/58 ฝรั่งจะเริ่มกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย  ด้านบล.ธนชาต  ทำนาย ดัชนีหุ้นไทยปีหน้า แตะ 1,700 จุด


          ขณะเดียวกัน ได้สำรวจมุมมองจาก นักลงทนรายใหญ่ในตลาดหุ้นไทย นำโดย "วิชัย  วชิรพงศ์" เสี่ยยักษ์ แนะเลือกหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์จากภาครัฐ เน้นก่อสร้าง-รถไฟฟ้า รับส่วนต่อขยาย เผยผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นปีนี้ราว100% แย้มอยู่ระหว่างเตรียมใส่เงินPP จำนวน 1 บริษัท-ซื้อกิจการ1ดีล ... พร้อมเปิดมุมมอง "ยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ" มองหุ้นไทยปี 58 แตะ 1800 จุด บนสมมุติฐานจีดีพีที่คาดโต5-8%     มอบหุ้นในดวงใจปีหน้า ITD-CK-GUNKUL-SUPER /แย้มพอร์ตปีนี้โต200-300% ตบท้ายด้วย ขาใหญ่มากประสบการณ์ " วัชระ แก้วสว่าง" หรือ เสี่ยป๋อง เชื่อปีหน้านโยบายภาครัฐหนุน SET สดใส คาด 3-6 เดือนจากนี้มีโอกาสถึงจุดพีค  เผยกลยุทธ์การลงทุน เลือกหุ้น รับเหมาฯ -วัสดุก่อสร้าง-แบงก์ รับอานิสงส์เม็ดเงินลงทุนภาครัฐฯ   เตือน นลท. หน้าใหม่ ศึกษาข้อมูลลงทุน- อย่าหลงเชื่อข่าวลือ แนะหาหุ้นที่มีสตอรี่หนุน



   
**** ASP ทำนายปีหน้าดัชนีฯพุ่งแตะ1,760 จุด ตามการฟื้นตัวของศก. ****

              นายเทิดศักดิ์ ทวีธีรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส  วิเคราะห์ ดัชนีปีหน้า โดยคาด SET แตะ 1,760 จุด ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะปรับตัวดีขึ้นโดยจะมีปัจจัยบวกจากการใช้จ่าย ของภาครัฐโดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ จะทำให้การบริโภคในประเทศเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญอย่างไรก็ตามยังมีปัจจัย ที่กดดันตลาดหลักทรัพย์ไทยคือกระแสเงินทุนจากต่างชาติที่อาจจะมีการไหลเข้า ไม่เยอะเพราะก่อนหน้านี้นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิอย่างมากกว่า 2 แสนล้านบาท โดยปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยราว 26 % ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ 28%  แต่พี่เทิดประเมินว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียน (EPS) จะเติบโต ปีนี้จะอยู่ที่ 7.7 % แม้ครึ่งปีแรก EPS จะน้อยมากแต่ถ้าจะเติบโตได้ราว 7.7 % ครึ่งปีหลัง EPS ต้องเติบโตได้ถึง 8 % อีกทั้งคาดว่า EPS ปีหน้าจะเติบโตได้ 12.5 % ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ  เสริมกันด้วยนายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ หลักทรัพย์กสิกรไทย ที่ประเมินดัชนีฯปีหน้าอยู่ 1,650-1,700 จุด ตามการการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
               ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า คาดกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้าจะเติบโตได้มากกว่า 10% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในประเทศ สำหรับกำไรจดทะเบียนในปีนี้ ต้องดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส3และไตรมาส4 ว่าจะมีทิศทางอย่างไร
   


****บล.เออีซี มองตลาดปีหน้าแตะ 1,800 จุด *****


            นายเกรียงไกร ทำนุทัศน์ นักวิเคราะห์กลยุทธ์อาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC กล่าวว่า คาดปีหน้าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 1800 จุด เนื่องจากได้รับปัจจัยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาจากภาครัฐเป็นปัจจัยหลักทั้ง ทางตรง ได้แก่ งบลงทุน 4.5 แสนล้านบาท, นโยบายด้านการปฏิรูปพลังงานและแผนการประมูลโรงไฟฟ้า PDP รวมทั้งการฟื้นตัวทางอ้อมได้แก่นโยบายกระตุ้นภาคบริโภคและท่องเที่ยว ซึ่งปัจจัยใจดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกในระยะยาว พร้อมคาดกำไรของบริษัทจดทะเบียนหรือ EPS  ในปีหน้าจะเติบโตได้ถึง 15% จากปีนี้ที่คาดเติบโต 9% ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราเร่ง โดยคาดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสสูงที่ 6% ในช่วงไตรมาส 1/2558 ประกอบกับ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง    ยังไม่หมดคุณเกรียงไกรยังมองว่าจากนี้ถึงต้นไตรมาส1/58 ฝรั่งหัวทองของเราจะเริ่มกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย อีก5-6 หมื่นล้านบาทเลยจ้า หลังเดือนกันยายนนี้ เริ่มเห็นฝรั่งกลับมาซื้ออย่างจริงจังมากขึ้น แหมก็ต้นปี-กลางปีเล่นขายกันซะหมด
   





****** บล.กสิกรไทย ประเมินดัชนีฯปีหน้าระดับ จะอยู่ที่ 1,710 จุด -กำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) ที่ 16% *****


           นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นปี 2558 จะอยู่ที่ 1,710 จุด และการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) ที่ 16% ซึ่งแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปีหน้าจะยังคงเป็นขาขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยบวกทั้งการลงทุนภาครัฐในประเทศ ขณะที่จะมีแรงหนุนจากปัจจัยบวกของต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดญี่ปุ่นได้มีมาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ และในวันที่ 6 พ.ย.นี้ คาดว่าธนาคารกลางยุโรปจะมีการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกโดยเฉพาะตลาดเกิด ใหม่ ?
         สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นบิ๊กแคปในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการลงทุนในประเทศและเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่จะไหลเข้า มา ?
       "เดิมมีการคาดว่าเงินจะไหลเข้าสหรัฐฯเนื่องจากเศรษฐกิจฟื้น แต่เชื่อว่าคงจะไม่ไหลกลับรุนแรงมากนัก เนื่องจากการอัดฉีดเม็ดเงินของญี่ปุ่นและยุโรปจะทำให้สภาพคล่องของโลกเป็นไป อย่างสมดุล โดยการลงทุนปีหน้าช่วงครึ่งปีแรกแนะนำหุ้นบิ๊กแคป กลุ่มรับเหมาและกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ส่วนในครึ่งปีหลังให้เน้นลงทุนตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป" นายเผดิมภพ กล่าว
        นายเผดิมภพ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีฐานลูกค้า 60,000 บัญชี โดยคาดว่าในปี 2558 จะมีลูกค้าเพิ่มเข้ามามากกว่า 10,000 บัญชี โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้ารายใหม่มากยิ่งขึ้น
       ด้านนายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ หลักทรัพย์กสิกรไทย ก็ได้ออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้เช่นเดียวกัน สำหรับการจะยกเลิกกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ยังไม่ได้ข้อสรุป ทั้งนี้ที่มีคนมองว่าเป็นเพียงการลงทุนระยะสั้น 3ปีก็สามารถรับผลตอบแทนได้ และมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อคนรวย แต่อย่างไรก็ตามควรจะหาทางออกเพราะถ้าหากยกเลิกไป  ทำให้เม็ดเงินกว่าแสนล้านหายไปจากระบบและอาจส่งผลกระทบต่อตลาดทุนระยะสั้น  อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูความชัดเจน
        ด้านนายเทิดศักดิ์ก็มีการออกมาพูดถึงประเด็นนี้เช่นเดียวกัน สำหรับการจะไม่ต่ออายุสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือ  LTF ซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันกว่า 53 กอง มูลค่าประมาณ 2.44 แสนล้านบาท จะทำเม็ดเงินลงทุนไหลออกไปสู่กองทุนระยะสั้นและสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น
       "หากไม่มีการต่อสิทธิทางภาษีของ LTF เงินที่มีอยู่ 2.44 แสนล้านบาท จะทยอยออกไปสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น ส่วนเม็ดเงินใหม่ๆ ที่จะเข้ามาก็จะไม่มีที่ให้ลง ก็คงจะไหลไปสู่พวกกองทุนระยะสั้น ลงทุนหุ้น ตราสารหนี้ หรือแม้แต่เงินฝาก " นายเทิดศักดิ์ กล่าว อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามความชัดเจนอีกทีถ้ามีการยกเลิกไปก็ถือว่าน่า เสียดายจ้า


          
*** บล.ธนชาต  ทำนาย ดัชนีหุ้นไทยปีหน้า แตะ 1,700 จุด****

         นางอัศวินี ไตลังคะ กรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต เปิดเผยว่า ทำนายดัชนีหุ้นไทยปีหน้า ฝ่ายวิเคราะห์ฯ มองที่ 1,700 จุด เนื่องจากมองรัฐบาลจะมีการกระตุ้นการใช้จ่าย ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้น ภาคเอกชนจะมีการลงทุนมากขึ้น โดยมองมูลค่าการซื้อขายปีหน้าอยู่ที่ 50,000 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาทต่อวัน      
        สำหรับการแข่งขันธุรกิจหลักทรัพย์ ขณะนี้ก็ถือว่ามีความรุนแรง ทั้งในเรื่องของการแข่งขันราคาและการดึงตัวเจ้าหน้าที่การตลาด แต่บริษัทฯได้รับผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากลูกค้าของบริษัทฯ เป็นลูกค้าระดับกลาง ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้ามีลูกค้าเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศในปีหน้า เพิ่มเป็น 500 บัญชี จากปัจจุบัน 300 บัญชี และมีบัญชีแอคทีฟประมาณ 50% โดยประเทศที่นักลงทุนสนใจลงทุนมากคือ อเมริกา ซึ่งบริษัทฯ เปิดให้นักลงทุนไปเทรดหุ้นต่างประเทศได้ถึง 24 ประเทศ และสามารถซื้อขายผ่านออนไลน์ได้               
   

***เสี่ยยักษ์ แนะเลือกหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์จากภาครัฐ เน้นก่อสร้าง-รถไฟฟ้า***


           นายวิชัย  วชิรพงศ์ หรือที่รู้จักในนาม "เสี่ยยักษ์" นักลงทุนรายใหญ่เจ้าของฉายา กูรูหุ้นพันล้าน เปิดเผยว่า สำหรับการลงทุนในปีหน้า (2558) แนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากนโยบาย การส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐบาล โดยเน้นหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และหุ้นกลุ่มรถไฟฟ้า ที่คาดว่าจะได้รับการก่อสร้างและมีส่วนต่อขยายภายในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เพิ่มมากขึ้น
        " ปีหน้ามองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยควรเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวเน้นหุ้นที่คาด ว่าจะได้รับอานิสงส์จากภาครัฐฯ อย่าเลือกเก็งกำไรในหุ้นที่ PE สูงและคนเลือกเก็งกำไรกันมาก เช่น หุ้นปั่น หรือหุ้นที่มีการซื้อขายผิดปกติ ผมรู้ว่าการลงทุนทุกคนมองว่าเป็นเรื่องง่ายแต่การที่จะชนะหุ้นและเป็นเศรษฐี ขึ้นมาได้เราต้องทุ่มเทศึกษาข้อมูลในการลงทุนให้มาก อย่าซื้อขายหรือเล่นหุ้นเป็นรายวัน ควรเป็นนักลงทุนระยะยาวเพราะมันจะทำให้มีผลตอบแทนที่สูง อย่างผมเองผมถือหุ้นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มาตั้งแต่ 35 บาท จนวันนี้ราคา 400 บาท มันทำให้ผมมีเงินก้อนโตในพอร์ต ดังนั้นการลงทุนในหุ้นเราควรเลือกบิ๊กช็อตหรือหุ้นที่มีพื้นฐานดีและมีการ เติบโตอย่างต่อเนื่อง..... ผมมองว่ามาตรการสกัดหุ้นร้อนของตลาดฯ จะเป็นมาตรการที่ดีที่จะทำให้นักลงทุนมีข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นเพราะที่ผ่าน มานักลงทุนมีการรวมกลุ่มในไลน์รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องต่อๆกันมา อีกทั้งค่า PE สูงแต่นักลงทุนยังเข้าไปซื้อหุ้นนั้นๆ ผมมองว่ามันเป็นการลงทุนที่เสี่ยง ดีแล้ว...ที่ตลาดฯจะมีมาตรการสกัดหุ้นร้อนออกมา" นายวิชัย  กล่าว
         สำหรับผลตอบแทนจาก การลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีนี้เติบโตราว 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน แม้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงไปบ้าง หลังมีเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงทางการเมือง อย่างไรก็ตามตนไม่ได้ขายหุ้นที่มีอยู่ในพอร์ตทิ้งแต่อย่างใด
        ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้น ตนลงทุนในพอร์ตอยู่ราว 50%  ทั้งนี้ตนได้กระจายความเสี่ยงการลงทุนไปลงทุนในที่ดินหรือสินทรัพย์เพิ่มมาก ขึ้น   
         สำหรับแผนในการดำเนินธุรกิจตนมีแผนเข้าซื้อหุ้นที่เสนอขายให้กับบุคคลในวง จำกัด (PP) 1 บริษัทภายในวันที่ 11 ธันวาคม 2557 นี้ โดยมีงบลงทุนในการซื้อหุ้นดังกล่าวที่ 100 ล้านบาท และมีแผนเข้าซื้อธุรกิจอีก 1 บริษัท ทั้งนี้ คาดจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้มากนัก
       "ผมเป็นนักลงทุนมาแล้ว...ผมอยากเปลี่ยนเป็นนักธุรกิจบ้าง ตอนนี้ก็มีคนมาขายหุ้น PP ให้ผม ซึ่งจะเห็นความชัดเจนภายใน 11 ธันวาคมนี้ 1 บริษัทและอีก 1 บริษัทจะเป็นการเข้าไปซื้อธุรกิจ ส่วนจะนั่งเข้าไปบริหารหรือไม่ยังคงต้องดูอีกที อันนี้...เป็นความฝันของผมเลยนะ ที่จะเป็นนักธุรกิจ"นายวิชัย  กล่าว
 
   

*** "ยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ" มองหุ้นไทยปี 58 แตะ 1800 จุด บนสมมุติฐานจีดีพีที่คาดโต5-8% ***


              นายยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่า มุมองตลาดหุ้นไทยปี 2558   คาดมีโอกาสที่ดัชนีฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึง 1,800  จุด  บนสมมุติฐานว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ หรือจีดีพี เติบโตราว 5-8% จากปีนี้  ซึ่งถือว่าในปีนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจในประเทศกำลังตั้งฐาน และน่าจะเรียกว่าเป็นปีที่ผ่านจุดที่แย่สุดไปแล้ว
            สำหรับปัจจัยบวกที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีฯ คาดว่าจะมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ที่จะมีการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบไปในส่วนต่างๆ  ในปีหน้า ส่งผลให้เศรษฐกกิจมีการขับเคลื่อน  ด้านปัจจัยในต่างประเทศหากไม่มีความขัดแย้งกันระหว่าง สหรัฐฯ  ,  รัสเซีย   ดัชนีฯ ก็น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปได้
           
" ผมเป็นพวกโลกสวย มอง 1800  จุด เลย  คือคิดว่าต้องมีปัจจัยบวกนะ จะไม่มีเลยคงไม่ใช่เลยเปล่า อย่างจีดีพีผมว่าจะโต5-8%   จากปีนี้ที่ไม่โตเลยเรียกว่าเป็นช่วงสร้างฐานหรือจะเรียกว่าผ่านจุดแย่สุดไป แล้วก็ได้ เอาเป็นว่าถ้ามองเป็นกรอบขอให้แบบกว้าง1800-1200  จุด .... ปีหน้าคงจะเล่นเป็นรายตัวมากกว่าพวกหุ้นที่มีสัมปทานจากรัฐมีสัญญางานเป็น ลายลักษณ์อักษร อย่าง ITD  CK    และพวกพลังงานทดแทนเน้นที่ปลอดภัยดีกว่า" นายยุทธพงษ์  กล่าว
           ทั้งนี้หุ้นที่น่าสนใจในมุมมองส่วนตัว คือ หุ้นที่มีปัจจัยบวกจากสัญญาสัมปทานที่ชัดเจน หรือ งานที่ได้รับมีการเซ็นสัญญาการันตีได้ว่าได้รับงานแน่นอน   มองหุ้นที่น่าสนใจปีหน้า ได้แก่หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง   คือ  บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ITD    และ  บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)  CK     รวมถึงหุ้นในกลุ่มพลังงานทดแทน  ชอบ       บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)    GUNKUL   และ   บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน)  SUPER  
      
        ด้านผลตอบแทนจากการลงทุนปีนี้ถือว่าเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พอร์ตการลงทุนเติบโตราว 200-300%      โดยอยากให้เติบโตถึง 400%  ซึ่งเชื่อว่ามีความเป็นไปได้  เนื่องจากปัจจุบันสไตล์การลงทุนจะเปลี่ยนเป็นการลงทุนระยะยาว มีการศึกษาธุรกิจ และเจรจาก่อนจะเข้าไปถือหุ้น  เน้นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจ

 


***" เสี่ยป๋อง" เชื่อปีหน้านโยบายภาครัฐหนุน SET สดใส -คาดเห็นดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นไปถึง 1700  จุด ได้ในปีหน้า***

   

          นายวัชระ แก้วสว่าง   หรือ "เสี่ยป๋อง"   ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ว่า  ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปี 2558    มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น  หากนโยบายที่ภาครัฐออกมาสามารถทำได้อย่างเป็นรูปธรรมมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ  มีโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดำเนินการจริง   ส่วนภาพระยะกลางช่วง 3-6   เดือน  หากดัชนีฯ ผ่าน 1650 จุด ไปได้ คาดว่าจะเห็นดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นไปถึง 1700  จุด ได้ในปีหน้า จากนั้นจะเห็นจุดสูงสุดของดัชนีฯ    ก่อนที่จะย่อตัวลงมาพักฐานเพื่อปรับขึ้นต่อ  ซึ่งจากจุดพีคที่ดัชนีฯ  จะขึ้นไป  อาจจะย่อตัวลงมาอย่างน้อย 30%     อย่างไรก็ตามมุมมองดังกล่าวเป็นการมองในเชิงเทคนิค ระหว่างทางหากมีปัจจัยลบที่เข้ามากระทบ หรือมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน ดัชนีฯ อาจะจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ได้
        " ปีหน้าผมยังไม่เห็นหุ้นอะไรที่จะได้รับประโยชน์นอกจากหุ้นที่รับประโยชน์จาก โครงการภาครัฐฯ ที่จะออกมา ถ้าทำได้จริงหุ้นที่จะได้รับประโยชน์ที่ผมมองคือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับรับ เหมาฯ   หรือพวกที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แบงก์ วัสดุก่อสร้าง ผมมองว่าคงกระจายๆ  กันไปหมดไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นตัวไหน แต่ถ้าดูตามสัญญาณทางเทคนิคก็มีเสียวๆ   บ้างนะ เพราะมีโอกาสเป็นไปได้หมด ต้องทะลุ 1650 จุดก่อนถึงจะไป 1700   จุดได้  น่าจะเห็นในช่วงQ1/58  เพราะตอนนี้ใกล้จบขาที่ 1 ใหญ่
ผม ดูแบงก์หลายๆ  ตัวก็กราฟสวยนะ ก็ดูที่ยัง Underperform ไป ผมไม่กล้าแนะนำให้ใครมาซื้อตาม ผมคงบอกเป็นตัวไม่ได้ .... ดูตามเนื้อผ้า เพราะว่าผมรู้เหมือนนักลงทุนทั่วไป แนะนำอ่านตามข่าวดีกว่า "  นายวัชระ    กล่าว
       สำหรับสไตลล์การลงทุนยังเน้นการลงทุนโดยใช้เทคนิคเป็นหลัก  ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนในช่วงปลายปี แนะนำนักลงทุนเลือกหุ้นที่ยัง Underperform   อย่างเช่นหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว ส่วนหุ้นขนาดเล็กที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงแล้วต้องระวัง       
         อย่างไรก็ตาม หุ้นที่น่าสนใจในปีหน้า เลือกหุ้น  Domestic Play  ที่ได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินลงทุนของภาครัฐฯ ที่จะมีการอัดฉีดเข้าระบบ   ซึ่งประกอบด้วย  กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มวัสดีก่อสร้าง และกลุ่มแบงก์ที่จะได้ระโยชน์จากการปล่อยสินเชื่อและการทำธุรกรรมต่างๆ ที่จะเพิ่มขึ้น
         นายวัชระ    กล่าวทิ้งท้ายว่า   นักลงทุนหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอยากให้มีการศึกษาข้อมูลดีๆ  เนื่องจากปัจจุบันข้อมูลข่าวสารมีเป็นจำนวนมาก ทั้งที่เป็นข่าวจริง และไม่จริงดังนั้น นักลงทุนก็ควรจะพิจารณา และหากจะเลือกลงทุนควรเลือกหุ้นที่มีปัจจัยสนับสนุน  โดยศึกษาข้อมูลบริษัทฯ นั้นอย่างเข้าใจ
         ด้านภาพรวมผลตอบแทนจากการลงทุนปีนี้ ถือว่าชนะตลาดเล็กน้อย ซึ่งก็อยู่ในระดับที่พอใจ โดยหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดี ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่ถือยาว   ส่วนหุ้นที่เก็งกำไรตามเทคนิคนิค ก็มีการเล่นสลับตัวไปเรื่อยๆ  บางตัวขายไปแล้วก็เข้าใหม่  ขณะที่มองว่าในช่วงที่ราคาหุ้นบางตัวปรับลงก็เป็นโอกาสในการเข้าไปซื้อเพื่อ การเก็งกำไรได้
    



---จบ---
 By:ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์/เกศรินทร์ สำแดงภัย

 

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้