หลังจากที่ บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) ประกาศผลผลงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2557 โดยกวาดกำไรสูงถึง 105.29 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมี กำไรสุทธิ 97.58ล้านบาท  ทำให้ “ธานินทร์  ตันประวัติ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (ARROW) “เชื่อว่าจะสามารถทำผลงานในไตรมาส 4/2557 ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แน่นอน  เนื่องจากภาพรวมธุรกิจต่อจากนี้ยังเติบโต  ตามความต้องการในการใช้วัสดุสำหรับงานระบบในอาคาร และโครงการสาธารณูปโภคที่ขยายตัว  หรือเรียกได้ว่าเป็น High season ของธุรกิจนั่นเอง...........เชิญอ่านบทสัมภาษณ์

​

***ฉาพภาพธุรกิจ ARROW***

จาก การที่ธุรกิจของบริษัทยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่มีการขับเคลื่อนอยู่ในขณะนี้ เมื่อผนวกเข้ากับ

การ ปรับนโยบายในการขาย  โดยหันมาแข่งขันด้านราคามากขึ้น รวมถึงการหันมารับงานติดตั้งงานท่อลมในระบบปรับอากาศ และเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ท่อร้อยสายไฟใต้ดิน เพื่อเทรดดิ้งให้กับกลุ่มลูกค้าโครงการต่างๆ อีกทั้งขณะนี้โรงงานขยายกำลังการผลิตท่อร้อยสายไฟและท่อก่อสร้างแห่งใหม่บน พื้นที่ขนาด 3,500 ตารางเมตร ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และสามารถดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ได้แล้ว  ซึ่งจะช่วยเสริมกำลังการผลิตในส่วนงานท่อร้อยสายไฟได้ประมาณ 20% และท่อก่อสร้างได้อีกประมาณ 12%   หรือคิดเป็นกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นประมาณ 30%  เนื่องจากเครื่องจักรมาพร้อมกับประสิทธิภาพในการผลิตที่ทำความเร็วได้กว่า 50%  ทำให้สามารถป้อนวัตถุดิบส่งให้กับโรงงานในเครือจำนวน 4 แห่ง และรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้อย่างเต็มที่  ยิ่งทำให้ธุรกิจของ ARROW ในขณะนี้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

***ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง***

เห็น ได้จากผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยตามงบการเงินรวม สำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 ที่ผ่านมาพบว่า มีกำไรสุทธิ 105.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลกำไรสุทธิ 97.58 ล้านบาท  โดยเพิ่มขึ้นจำนวน  7.71 ล้านบาท  หรือเพิ่มขึ้น  7.9%  ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3/2557 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 ของ บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 40.32 ล้านบาท  เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 36.08 ล้านบาท  หรือเพิ่มขึ้น 11.75%

*** 9 เดือนทำกำไรได้ดีมาจากเหตุผลใดบ้าง ***

สาเหตุ หลักที่ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เนื่องจากมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจาก 229.78 ล้านบาท ในงวดไตรมาส3/2556 เป็น 272.30 ล้านบาท ในงวดไตรมาส3/2557 หรือเพิ่มขึ้น 18.50 % สาเหตุมาจากปริมาณการขายที่เพิ่ม ขึ้น  ขณะที่ดอกเบี้ยจ่ายลดลงจาก 1.81 ล้านบาท ในงวดไตรมาส3/2557 เป็น 0.93 ล้านบาทในงวดไตรมาส3/2557

​ 

ผล ประกอบการงวด 9 เดือน ของ ARROW ถือว่าเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากตัวเลข รายได้จากการขายปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น ภาคอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่  อีกทั้งเป็นช่วง High season ของธุรกิจ และการปรับนโยบายในการขาย  โดยหันมาแข่งขันด้านราคามากขึ้น รวมถึงการหันมารับงานติดตั้งงานท่อลมในระบบปรับอากาศ และเพิ่มกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ท่อร้อยสายไฟใต้ดิน เพื่อเทรดดิ้งให้กับกลุ่มลูกค้าโครงการ ต่างๆ จึงทำให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

***ปันผลระหว่างกาลเอาใจผู้ถือหุ้น ***

​

จาก ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้ง4/2557 มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งที่2/2557 (กรณี พิเศษ) ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท  จำนวน 200 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินปันผล 10 ล้านบาท โดยเงินปันผลที่จ่ายในครั้งนี้ เป็นการจ่ายจากผลกำไรของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ทั้งจำนวน โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2557 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราช บัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551 โดยประกาศปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวัน ที่ 28 พฤศจิกายน 2557   วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD)  และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 11 ธันวาคม 2557 

​***ทิศทางธุรกิจยังโตต่อ***

เขา กล่าวถึง ภาพรวมธุรกิจของบริษัทในช่วงที่เหลือ รวมถึงทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2557 ยังมีแนวโน้มสดใส  โดยปัจจุบัน ARROW มีใบสั่งซื้อสินค้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการผลิตคิดเป็น จำนวนมากกว่า 94 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้  และมีงานในมือ (Backlog) แล้วกว่า 200 ล้านบาท   และเตรียมเสนองานอีกหลายโปรเจ็กต์ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิส่วนต่อขยาย ,รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ, อาคาร อสท.,สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งวัฒนะ 6 อาคาร  และโรงพยาบาลภาครัฐบาลหลายโครงการ เป็นต้น   ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่า รายได้รวมในปีนี้จะเติบโตตามเป้าเพิ่ม 20% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะรักษา ให้อยู่ที่ระดับสูงกว่า 23%

By:ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์