สัมภาษณ์พิเศษ คำต่อคำ
ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด

Q: มองตลาดหุ้นไทย หลัง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศนำสหรัฐฯถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านอย่างเป็นทางการ พร้อมเตรียมนำมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกลับมาใช้อีกครั้ง อย่างไรบ้าง

A: แน่นอนว่าคงส่งผลให้ความเสี่ยงในเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศเพิ่มสูงมากขึ้น และความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันก็จะสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ส่วนที่เป็นปัจจัยบวกก็คือบริษัทพลังงานที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ถือเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าราคาในตลาดหลักทรัพย์ที่สูงที่สุดก็คงได้ประโยชน์ไป ซึ่งจะเป็นเชิงบวกต่อตลาดหุ้น แต่ถ้าในเชิงลบราคาน้ำมันมันขึ้นมาต่อเนื่องและเร็ว อาจจะส่งผลลบต่อทางด้านเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวในบางภาคส่วนได้ โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่ง ต้นทุนน้ำมันเป็นต้นทุนที่สำคัญ

ในส่วนที่เป็นเงินเฟ้อก็อาจจะส่งผลให้ในเรื่องของราคาสินค้าต่างๆเพิ่มสูงขึ้นได้ เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นในแง่ของปัจจัยตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องตามดูอย่างต่อเนื่อง และการที่อิหร่านถูกแซงชั่นอีกครั้ง จะส่งผลก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันมากน้อยขนาดไหน ซึ่งในระยะสั้นผลกระทบที่เห็นอย่างชัดเจนมากก็คงต้องตามดูต่อไปในอนาคต

Q: บลจ.ทาลิส จะมีการปรับเป้าหมายของ SET ใหม่หรือไม่ 

A: ตอนนี้ยังไม่มีการปรับเป้าSET ใหม่ เพราะว่าตัวปัจจัยที่ว่ามา ยังไม่มีนัยยะอะไรที่สำคัญมากมาย แล้วเราก็ยังมองกรอบดัชนีหุ้นไทยว่าในปีนี้ก็ยังคงคล่องตัวอยู่ในกรอบประมาณ 1700 ถึง 1900 กว่าจุดถึง 2000 จุดได้

Q: ในสภาวะตลาดหุ้นแบบนี้ คิดว่าหุ้นตัวไหนกลุ่มไหน น่าสนใจลงทุน

A: หุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์ของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวในระยะยาวคงเป็นกลุ่มบริโภคต่างๆ หรือกลุ่มที่ได้อานิสงส์จากธุรกิจการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวธุรกิจการท่องเที่ยวเอง ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการบิน หรือการให้บริการเกี่ยวกับการบินต่างๆ อันนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว 

Q: ปี 2029 ทำไมมอง SET 4,000 จุด

A: เป็นภาพที่เรามองในระยะยาวผลประกอบการของตลาดหุ้นไทยที่สิ้นปีที่แล้วอยู่เกือบ 1 ล้านล้านบาท น่าจะเติบโตไปถึงตัวเลข 3 ล้านล้านได้ ซึ่งบนตัวเลขบนสามล้านล้าน ถ้าเราคิดกลับมาบน P/E Ratio ของตลาดหุ้นไทย 14 เท่า มันก็จะแปลงเป็นดัชนีตลาดหุ้นได้ 4000 กว่าจุด นั่นคือที่มาที่ไป เพราะฉะนั้นตัวหลักคือ เป็นเรื่องของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะเพิ่มขึ้นจาก 1 ล้านล้าน เป็น 3 ล้านล้าน

Q: แผนงานปีนี้ บลจ.วางไว้อย่างไรบ้าง

A: ทางเรายังคงเน้นย้ำสิ่งที่เราเชี่ยวชาญ คือ ในเรื่องของการบริหารกองทุนหุ้นไทย อันนี้ก็จะเป็นกลยุทธ์หลักของเราที่เรา จะสื่อสารกับผู้ลงทุนได้ว่า ถึงแม้ตลาดหุ้นมันอาจจะมีความผันผวนในระยะสั้น แต่ในระยะยาวถึงสิ้นปีนี้เรายังมองภาพในเชิงบวกว่า ตลาดหุ้นน่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระดับหนึ่งได้

Q: สรุปผลงานในรอบ 2 ปีของ บลจ.ทาลิส

A: ถ้าเป็นกองทุน private fund ซึ่งเป็นกองแรกที่เปิดตัวมา ซึ่งผู้ลงทุนรายแรกที่ลงทุนกับเราในวันที่ 17 มีนาคม 2016 ถึงสิ้นปี 2016 ก็ได้ผลตอบแทนเป็นบวก 22% ส่วนปีที่แล้วก็เป็นบวกประมาณ 14% ส่วนปีนี้ก็ยังติดลบอยู่ประมาณ 4 ถึง 5% ฉะนั้นแล้วรวมที่ผ่านมา 2 ปี ก็ให้ผลตอบแทนเป็นบวกประมาณ 39% อันนั้นเป็นผลการดำเนินงานของเราเมื่อสองปีที่ผ่านมา ส่วนในกองทุนรวม ก็มีหลากหลายกองทุนโดยส่วนใหญ่ก็จะเปิดปลายปี 2016 แล้วมีบางส่วนเปิดปี 2017 โดยภาพรวมปีที่ผ่านมาและตอบแทนอยู่ประมาณ 14 - 19% ขึ้นอยู่กับสไตล์กองทุนต่างๆ
________________________________________
By..ธาราทิพย์ พิพัฒน์

คำค้นหา
   บลจ.ทาลิส        สัมภาษณ์พิเศษ