แม้ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างยูเครน-รัสเซีย ปัญหาเงินเฟ้อและการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยทั่วโลก การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ

 

ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ ความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล และการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศ ยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนยังคงจับตามอง เห็นได้จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีลงไปทดสอบจุดต่ำสุดที่ 1,495.82 จุด ต่ำสุดในรอบ 2 ปี

 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวน จากการรวบรวมข้อมูลผลตอบแทนหุ้นไอพีโอ ที่เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 จำนวน 11 บริษัท พบว่า ปิดตลาดในวันแรกที่เข้าเทรด ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อยู่ที่ระดับ 2.67-150% มีเพียง 1 บริษัท ที่ปิดผลตอบแทนติดลบ

 

ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจ หลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อรองรับแผนการเติบโตในอนาคต

 

เปิดสถิติหุ้น IPO ตลาด mai ปี 66

 

                 

 

 

จับตาหุ้นน้องใหม่ไอพีโอ บริษัทไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) (TPL) หุ้นกรีนโลจิสติกส์ High Growth ที่เตรียมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ mai วันที่ 30 มิถุนายน 2566 นี้ ด้วยราคาไอพีโอ 3.30 บาท/หุ้น จะสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้มากน้อยขนาดไหน

 

TPL ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในประเทศไทย ภายใต้ “จุดเด่น” ที่เหนือกว่าคู่แข่ง มีลูกค้า Nice Market เนื่องจากบริษัทฯสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างลงตัว ในส่วนของส่งสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก หลากรูปทรง ภายใต้สโลแกน “ส่งหนัก ส่งใหญ่ ส่งทั่วไทย ใช้ TP Logistics”

 

บริษัทฯมีพอร์ตลูกค้าที่มีความหลากหลาย ทำให้สามารถฟันฝ่าวิกฤติโควิด-19 และต้นทุนราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง เนื่องจากมีการกระจายพอร์ตลูกค้าเป็น 3 กลุ่ม B2B B2C C2C ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดยปัจจุบันห้บริการจัดส่งสินค้าและสิ่งของประมาณ 350,000-600,000 ชิ้น/เดือน มีจุดให้บริการ 129 แห่งทั่วประเทศ

 

โครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 1/66 แบ่งได้ตามประเภทของการจัดส่ง ได้แก่ 1) การจัดส่งแบบธุรกิจถึงธุรกิจ (Business to Business : B2B) มีสัดส่วนเท่ากับ 31.99 % 2) การจัดส่งแบบบุคคลถึงบุคคล (Customer to Customer : C2C) 29.78% และ 3) การจัดส่งแบบธุรกิจถึงบุคคล (Business to Customer : B2C)33.60%

 

“จุดเปลี่ยน” ที่สำคัญของ TPL หลังการระดมทุนและขายหุ้นไอพีโอ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทฯ จากแผนการลงทุน EV Truck ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าพลังงานได้กว่า 50% นั่นหมายความว่า หลังจากนี้ไปมาร์จิ้นของบริษัทฯจะเพิ่มขึ้นตามค่าใช้จ่ายที่ลดลง

 

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 9.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.41 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.90% จากงวดเดียวกันปีก่อนเท่ากับ 18.04% และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น(D/E) 0.53 เท่า ขณะที่บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ

 

นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPL ให้ความเห็นว่า เงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวนไม่เกิน 120 ล้านหุ้นคิดเป็น 22.90% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 3.30 บาท บริษัทฯจะนำไปใช้ซื้อที่ดินและก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาค (Regional Hub) และลงทุนในยานพาหนะทั้งรถบรรทุก 10 ล้อ และ 6 ล้อ ซึ่งใช้สำหรับการขนส่งในเส้นทางระหว่างภูมิภาค (Line Haul) เป็นหลัก และรถกระบะ 4 ล้อ เพื่อให้บริการได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

 

นอกจากนี้ บริษัทฯจะปรับกองยานพาหนะด้วยการนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในปี 2566 ซึ่งจากการศึกษาทดลองสามารถลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้กว่า 50% จึงมั่นใจว่าการปรับมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งลงทุนสถานีชาร์จไฟฟ้า จะทำให้บริษัทฯมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น และจะสนับสนุนให้เป็นองค์กรก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่หลากรูปทรงด้วยระบบ “Green logistics” โดยวางเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% สูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม โลจิสติกส์ทางบกที่เติบโตเฉลี่ย 3-5% ต่อปี

 

ทั้งนี้ ในส่วนของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (AQUA) หลังเสนอขายหุ้นไอพีโอจะมีสัดส่วนการถือหุ้น 26.73% พร้อมติดไซเรนพีเรียด ขณะที่กลุ่มนักลงทุน VI ทั้ง 2 คน นาย สุระ คณิตทวีกุล และนายพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี เป็นกลุ่มที่มีการถือหุ้นมาตั้งแต่ 2-3 ปีก่อนหน้า โดยเหตุผลที่เข้ามาถือหุ้นเพราะมองว่า TPL มีศักยภาพการเติบโต และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

 

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วง 3 ปีข้างหน้า TPL วางเป้าหมายจะบริษัทจะเป็นผู้นำในการให้บริการโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมตั้งแต่การขนส่ง การจัดการด้านคลังสินค้า การกระจายสินค้า รวมถึงให้บริการในการเชื่อมโยงและรับช่วงต่อการขนส่งในแต่ละรูปแบบของการขนส่งสินค้าและสิ่งของจากต้นทางจนถึงจุดหมายปลายทาง โดยสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันคาดว่าจะเพิ่มขีดความสามารถส่งสินค้าได้เพิ่มขึ้นมาได้เต็มกำลังอยู่ระดับ 1 ล้านชิ้นต่อเดือน

 

จับตา TPL หุ้นจิ๋วแต่แจ๋ว ที่กำลังมุ่งสู่ผู้นำ “กรีนโลจิสติกส์” รับกระแส ESG สอดรับเมกะเทรนด์ จะทะยานไกลได้มากน้อยแค่ไหนในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า ตามแผนระดมทุน คงต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด ในฐานะหุ้น High Growth น้องใหม่ตลาดหลักทรัพย์ฯ mai