สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

สัมภาษณ์พิเศษ :CHOW แก้เกมส์หุ้นต่ำจอง

27 ก.พ. 2555 19:02:08 4,855

ฤกษ์งาม-ยามดี ทีมงานwww.hooninside.com มีโอกาสเข้าสัมภาษณ์ ผู้บริหารหนุ่มไฟเเรง "อนาวิล จิรธรรมศิริ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ หรือ CHOW เพื่อเปิดมุมมองเเผนธุรกิจในปีมังกรทอง-พร้อมปรับกลยุทธ์ รับมือราคาหุ้นบนกระดานต่ำจองที่ 3 บาท หลังบริษัทฯ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ ไปเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.54 เตรียมวางแผนโรดโชว์ โดยโฟกัสนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก ขอประกาศมั่นใจปีมังกรทองรายได้เติบโตกว่า 20% ทิ้งท้ายด้วยประโยชน์เด็ด"จริงๆ เรื่องต่ำกว่าจองเป็นกลไกลของตลาด แต่ถ้ามองในแง่ของธุรกิจบริษัทฯ เราก็ค่อนข้างมั่นใจ และเชื่อมั่นว่าเป็นธุรกิจที่มีอนาคต และที่ผ่านมาก็เติบโตได้โดดเด่น".....เชิญอ่านบทสัมภาษณ์เต็มๆ ได้เลยคะ

***ฉายภาพการเติบโตของ CHOW ในปีมังกรทอง ***

ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการเติบโตเป็นเลขสองหลัก ตั้งแต่ 20-80% ถ้าดูจากฐานเดิมของ CHOW ที่เคยทำได้ ในปีนี้บริษัทฯ คาดจะทำรายได้เติบโตกว่า 20% มาจากการขยายกำลังการผลิตที่ 60,000 ตัน ส่วนยอดขายขึ้นอยู่กับราคาเหล็กในปีนี้ ซึ่งมองว่าบวกลบไม่น่าจะเกิน 10% ถ้าเอาฐานราคาเท่าปีที่แล้ว ก็จะมียอดขายอยู่ที่ 6,500-7,000 ล้านบาทในปี 2555

***ปีที่ผ่านมา CHOW ตั้งเป้ายอดขายเหล็กไว้ที่เท่าไหร่ ***

ปีที่แล้วตั้งเป้ายอดขายเหล็ก ไว้ที่ 5,000 ล้านบาท

***ก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ เป็นเดือนที่สองมีความรู้สึกอย่างไร***

ถ้าจะให้มองในเเง่ของการเข้ามาเป็นหุ้นน้องใหม่ ผมมองว่าบริษัทฯ ก็ได้ประโยชน์ทางด้านของสถาบันการเงินที่เปิดรับบริษัทฯ มากขึ้น ในการที่จะปล่อยสินเชื่อให้ CHOW ขณะที่ต้นทุนภาระทางการเงินของบริษัทฯ ก็ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น อนึ่ง CHOW เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ ไปเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2554

***ราคาหุ้นบนกระดานตอนนี้ หลุดต่ำจองที่3บาท ณ จุดนี้ ผู้บริหารมีมุมมองอย่างไร ? ***

จริงๆ เรื่องต่ำกว่าจองเป็นกลไกลของตลาด แต่ถ้ามองในแง่ของธุรกิจบริษัทฯ เราก็ค่อนข้างมั่นใจ และเชื่อมั่นว่าเป็นธุรกิจที่มีอนาคต และที่ผ่านมาก็เติบโตได้โดดเด่น จากนี้ไปเข้าตลาดยิ่งมั่นใจว่าธุรกิจมีอนาคต ที่ผ่านมาก็เปิดตัวได้ค่อนข้างโดดเด่นหลังจากนี้ไปยิ่งแข็งแรงขึ้นและก็น่าจะมีอัตราการโตได้โดดเด่น ดังนั้นผู้ที่ถือหุ้น CHOW ก็ต้องมองในพื้นฐานของตัวธุรกิจ

***กังวลต่อแรงอาถรรพ์ของหุ้นในกลุ่มเหล็ก หรือไม่ ***

ส่วนตัวมองว่าอาจจะเป็นกระแสของหุ้นเหล็กเดิมที่เคยเข้าเทรดในกระดาน แต่หุ้นเหล็กที่สะท้อนภาพที่ดีก็มีเหมือนกัน

*** CHOW มีแนวคิดจะแก้เกมอย่างไร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในหุ้น CHOWได้อีกครั้ง***

บริษัทฯ ต้องพยายามให้ข้อมูลแก่นักลงทุน เเละเร่งสร้างผลงานของบริษัทให้สะท้อนออกมา ซึ่งจะสามารถทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในบริษัทฯ มากขึ้น

***ในฐานะของผู้บริหาร จะเเก้ไขสถานการณ์ราคาหุ้นตอนนี้ อย่างไรบ้าง***

คงใช้เวลาสักระยะ อย่างที่เคยบอกไว้ว่า เพราะบริษัทก็เพิ่งเข้าตลาดมาประมาณ 1 เดือน ก็ต้องมีข้อมูลให้กับนักลงทุนมากขึ้นให้รู้จักบริษัทฯ มากขึ้น ให้มีความเข้าใจในพื้นฐานบริษัทฯ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ ว่าเป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการสูง รวมถึงอนาคตของบริษัทฯ เราต้องพยายามสื่อให้นักลงทุนรับทราบข้อมูลของเรา

***มีแผนล้างอาถรรพ์หุ้นเหล็กได้มากน้อยแค่ไหน ใช้เวลากี่ปี***

อย่างที่เรียนว่า ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เพราะหุ้นเหล็กก็ไม่ได้มีภาพลบทุกตัว

***นักลงทุนติดภาพลบในหุ้นกลุ่มเหล็ก ส่งผลให้ไม่อยากลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ ***

อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนักลงทุนแต่ล่ะท่าน แต่ที่ทางบริษัทฯ เสนอก็คือ บริษัทสามารถเสนอข้อมูลได้ว่าบริษัทผลิตสินค้าอะไรและอนาคตของบริษัทจะเป็นอย่างไร

*** เเเผนโรดโชว์ในประเทศหรือต่างประเทศ เพื่อเเสดงวิสัยทัศน์***

ตอนนี้เราก็มีการติดต่ออยู่เป็นระยะๆ กับนักลงทุนทั้งในรูปแบบของกองทุนที่มีความสนใจ

***เเล้ววางเเผนการไปโรดโชว์ อย่างไร ***

ตอนนี้กำลังคุยกับทีมที่ปรึกษาการเงิน เเต่ขนาดของบริษัทฯ ยังไม่ใหญ่เพียงพอสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ เราคงโฟกัสนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก

***ถ้าจะไปต่างประเทศ ต้องมีขนาดประมาณขนาดไหน ที่ สามารถเอาเราไปขายได้ เท่าที่คุยกับทาง FA ตอนนี้ ***

FA ก็ให้ความเห็นว่าขนาดมาร์เก็ตแคปที่นักลงทุนต่างชาติจะเริ่มสนใจจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท

***ปัจจุบันมาร์เก็ตแคปอยู่ที่เท่าไหร่?***

ประมาณ 2,000 ล้านบาท

***ทำอย่างไรให้มาร์เก็ตแคปถึงจะเพิ่มขึ้น***

ก็ต้องเร่งตัว E ((EARNING PER SHARE : (EPS) หรือ กำไรสุทธิต่อหุ้น) รวมถึงการมองการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

***จะต้องใช้เวลากี่ปีในการปั๊มตัวE (EARNING PER SHARE : (EPS) หรือ กำไรสุทธิต่อหุ้น) ***

จริงๆ กำไร ก็โตมาโดยตลอด ปีนี้มองว่าจะโตอีกเป็นเลขสองหลัก ในภาวะต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง โดย CHOW ก็มั่นใจว่า กำไรค่อนข้างแข็งแกร่ง

***จุดไหนที่เรียกว่า สร้างผลงานดี และ CHOW มองภาพธุรกิจเหล็กอย่างไร***

ผมย้ำเสมอมาว่า บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลัก โดยสินค้าของบริษัทเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง และมองว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศนำเข้าเหล็กสุทธิในขณะนี้ ซึ่งแปลว่าสินค้าที่บริษัทผลิตมีการตอบรับตลาดค่อนข้างดี และเติบโตเป็นเลขสองหลัก 20-50%โดยตลอด และต่อจากนี้ไปแผนของปี 2555 เราก็มองว่าจะโตเป็นเลขสองหลักอย่างที่เคยเป็นมา บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ถูกลงผ่านทางระดมทุนในครั้งนี้ ทำให้ฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น และเราก็มั่นใจว่าจะสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้ในทิศทางที่ดี

***ปัจจุบันมีความต้องการเหล็กอย่างไร ***

ถ้ามองย้อนหลังในปีที่มีปัญหาเศรษฐกิจ หรือ เศรษฐกิจไม่ปกติ อาทิ วิกฤติต้มยำกุ้ง และวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ แต่ปัจจุบันประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศ นำเข้าสตีล บิลเลท (Steel Billet) สุทธิเกินล้านตัน

***เป็นเหล็กชนิดไหน ***

สตีล บิลเลท (Steel Billet) เป็นสินค้าสตีลที่บริษัทผลิต เพราะในส่วนตัวบริษัทมองว่าแม้ในภาวะเศรษฐกิจไม่ปกติ หรือ วิกฤตทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยก็ยังต้องการสินค้าชนิดนี้ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา ระบบโครงสร้างพื้นฐาน หรือ เหล็กไพน้ำหรือเหล็กทรงยาวทั้งหมดก็ล้วนเริ่มต้นมาจาก นำเข้าสตีล บิลเลท (Steel Billet)เเทบทั้งสิ้น

***รับมืออย่างไรเมื่อ MILL มีโครงการ Green Mill กังวลหรือไม่***

จริงๆ แล้ว มาร์เก็ตแชร์รายใหญ่ของบริษัทฯ มีอยู่ประมาณที่กว่า 30% เเต่อาจจะมองในเเง่ที่ว่า MILL มีโครงการ Green Mill โดยอาจทำให้บริษัทฯ สูญเสียลูกค้า จากเดิมที่เคยใช้สินค้า CHOW

***กระทบมากน้อยขนาดไหน***

สินค้าที่ CHOW ผลิตเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง ที่ผ่านมาเรามีกลยุทธ์ คือ ขายเป็นแบบเงินสด เเละขายให้ลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งเป็นลูกค้าที่เริ่มซื้อกับเรามายาวนานเป็นหลัก ดังนั้นเราจะไปเปิดเสนอลูกค้ารายใหม่ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าพูดถึง MILL ว่าบริษัทฯ มีความกังวลมากน้อยแค่ไหน ก็มีการติดตามอยู่ตลอด และก็รับทราบเหล็กที่ MILL ผลิตเป็นเหล็กคนละเกรด กับที่บริษัทผลิต

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีคำสั่งซื้อจากบริษัทใหญ่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงนี้หมายความว่าจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก แต่ในทางกลับกัน CHOW มีแผนสำรองถ้าเกิดกรณี ไม่ว่าลูกค้ารายใดรายหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลง เพราะเรื่องกำลังซื้อที่ลดลง หรือมีความจำเป็นจะซื้อเหล็กกับ CHOW น้อยลง เราก็ต้องหันไปขายให้กับลูกค้ารายอื่นแทน

***ปิดความเสี่ยง มองหาลูกค้ารายใหม่เสริมทัพ***

บริษัทฯ มีลูกค้าทั้งรายเก่ารายใหม่ เเละมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่นโยบายของบริษัทฯ คือ เสนอสินค้าให้ลูกค้า เพื่อเป็นการทดแทนการนำเข้า เพราะฉะนั้นปริมาณที่เสนอต้องมีนัยพอสมควร เมื่อเทียบกับกำลังผลิตของลูกค้า ยกตัวอย่าง เช่นลูกค้าผลิตเดือนละ 20,000 ตัน แต่แบ่ง Billet ให้ลูกค้า ได้แค่เดือนละ 2,000 ตัน แล้วบอกลูกค้าว่าซื้อเหล็กจากCHOW คุณจะได้ประโยชน์โดยไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ประโยชน์อันนี้ไม่เกิด เพราะว่าเทียบกับความต้องการที่เขาใช้ในรอบ subply ให้เขาได้น้อยมาก ในทางกลับกันถ้าผมไปหาเคลียร์เขา ลูกค้ารายใหญ่ผมสามมารถ subportให้ลูกได้เกินครึ่งกับสิ่งเต็มๆ ที่เขาต้องใช้ทดแทนการนำเข้าจริง

ดังนั้นบริษัทฯ จึงค้นหาลูกค้ารายเก่าที่มีการซื้อขายกับบริษัทยาวนาน ให้ลูกค้ารายเก่าได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยที่ลูกค้าสามารถซื้อในประเทศได้มากจริงๆ ไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้า หลังจากนั้นบริษัทฯ มีโควต้าหรือกำลังผลิตส่วนเกิน บริษัทก็จะมีการพิจารณาให้ลูกค้ารายเก่าหรือจะเปิดลูกค้ารายใหม่

***กำลังการผลิตของ CHOW ปัจจุบันอยู่ที่เท่าไหร่ ***

แผนปีนี้อยู่ที่ 340,000 ตันจากปีที่แล้ว 280,000 ตัน เพิ่มขึ้นมา 60,000ตัน

***อายุการใช้งานของเตาหลอม***

เครื่องจักรเหล่านี้ถูกดีไซน์มา เพื่อให้ทำงานหนักอยู่แล้ว เป็นอุสากรรมหนักเครื่องจักรโรงงานเก่าที่สุดทำมา 50-60 ปี อายุบริษัทเราก็เพิ่งจะ8ปี เพราะฉะนั้นในแง่ของปัญหาเครื่องจักรเขาเรียกว่าวัสดุสิ้นเปลืองเราก็มีการปรับปรุงเครื่องจักรตามเวลาที่ควรจะทำ ซึ่งปัญหาของเครื่องจักรใหญ่ๆไม่มี

***เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเป็นมือหนึ่งหรือมือสอง***

เครื่องจักรของบริษัทฯ เป็นเป็นเครื่องมือหนึ่งซึ่งเป็นเครื่องใหม่ทั้งหมด

***ใช้เงินลงทุนทั้งหมดไปเท่าไหร่***

โรงงานเฟสที่ 1 ลงทุนไป 500 ล้านบาท โรงงานเฟสที่ 2 ลงทุนไป 1,500 ล้านบาท

***สนใจโครงการลงทุนในทวาย หรือไม่ ***

นโยบายของบริษัทฯ อยู่ในจุดที่เป็นฐานวัตถุดิบ การจะไปลงทุนที่ทวายบริษัทไม่ได้กีดกัน เพียงคำนึงว่า อย่าง กลุ่มNIPPON STEEL บริษัทรายใหญ่ที่จะเข้าไปที่ทวายเข้าไปแบบครบวงจรจริงๆ มีทั้งถ่านหิน แร่เหล็กเข้าไปถลุง ซึ่งจะแตกต่างกับ CHOW ที่ใช้เศษเหล็กเป็นวัตุดิบ

ถ้าโครงการที่ทวายเกิดขึ้นเป็นเหล็กครบวงจรจริงๆ ก็จะทำให้พม่าหรือประเทศเองแถบใกล้ๆ จะมีสินค้าป้อนตลาดมากขึ้น ส่วนในแง่ต้นทุนค่าขนส่งก็ต้องมาแข่งขันกัน เพราะว่าเท่าที่ทราบ พม่าเองก็ไม่ได้มีแร่เหล็กเพียงพอ การเกิดโครงการถลุงเหล็กก็มีการพึ่งพาจากต่างประเทศ ซึ่งอันนี้ก็หมายถึง ต้นทุนในการขนส่งวัตุดิบเพื่อให้เข้าเตาหลอมที่ทวาย แล้วพอทวายผลิตเสร็จก็ต้องส่ง มีค่าขนส่ง ส่งมายังประเทศอื่นๆ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็ต้องมีการแข่งขันด้านต้นทุน

*** เเล้วทำยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้หรือไม่ ***

มั่นใจว่าถึงแน่นอน

***เเล้วในเเง่ของกำไร เป็นไปในทิศทางเดียวกันมั้ย ***

ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการปิดงบบัญชี งวดปี 2554 คงต้องรอสักพัก

*** ถ้าเทียบกับปี 2553 กำไรดีกว่ามั้ย ***

ในปี 54 ไตรมาสแรกเราก็ดีกว่า ปี 53

***บริษัทฯ คาดหวังมาร์เก็ตแคปจะถึง 5,000 ล้านบาทเมื่อไหร่***

ผมๆ มองว่าเรื่องมาเก็ตแคป เป็น เรื่องบนกระดาน ซึ่งเป็นกลไกลของตลาด แต่โดยส่วนตัวมองว่ากำลังผลิตในสิ่งที่ได้ลงทุนไปแล้ว ภายใน 3 ปี ผมมองตรงนี้

***ต้องเก็บ cap ไว้ก่อน?***

ไม่ใช่ครับ cap คือสิ่งที่เราลงทุนไป เราจะใช้เป็นกำลังการผลิตได้ภายใน 3 ปี

***แล้วถ้าFull จะประมาณเท่าไหร่***

เรามองช่วงoff peak ที่ คือ 450,000 ตัน Full ที่เราทำได้ประมาณที่400,000 ตัน

***ถ้าภายใน 3 ปี รายได้CHOW เติบโตประมาณเท่าไหร่***

ก็ขึ้นอยู่กับราคาเหล็กในช่วงนั้น ที่ผ่านมาต่ำสุดก็อยู่ที่ 17 - 18 บาท/กิโลกรัม สูงสุดก็ขึ้นไปถึง 40บาท/กิโลกรัม ซึ่งถ้าเอาตัวเลข 400,000 มาคูณ 17 บาทจะตกอยู่ที่ 6,800 ล้านแล้วถ้า 400,000 คูณ 40 บาท ตก16,000 ล้าน ก็ต้องขึ้นอยู่กับราคาเหล็ก

***มีแผนการร่วมร่างกับพันธมติร เพื่อเพิ่มศักยภาพบริษัทฯ หรือไม่***

จริงๆ ต้องบอกว่าเราไม่ได้ปิดกั้นโอกาสแบบนี้ อะไรที่เสนอขึ้นมาแล้วเป็นที่ประโยชน์กับผู้ถือหุ้นกับบริษัทฯ เราก็จะพิจารณาเป้าหมายแรก เราก็ต้องเก็บเกี่ยวจากสิ่งที่เราได้ลงทุนไปแล้ว จากอัตราก็เติบโตเป็นเลข 2 หลัก เราก็ค่อนข้างมั่นใจ เป็นอัตราก็เติบโตที่ค่อนข้างโดดเด่นและไปได้อย่างแข็งแรง

***อนาคตมองการเข้าซื้อกิจการอื่นที่จะช่วยให้ CHOWเป็นยักษ์ขึ้นมาได้บ้างหรือไม่***

ต้องมองว่าเป็นยักษ์ในแง่ไหน ถ้าเป็นยักษ์ในแง่ขาย อันนี้ไม่ใช่เป้าหลักของบริษัทฯ คือ มองว่าไม่ได้ปิดกั้นสิ่งที่มันจะก่อให้เกิดประโยชน์ในแง่ของกำไร มาร์เก็ตแชร์ เปอร์เซ็นต์ ของบริษัทเราไม่ได้ปิดกั้นเลยแต่ถ้าการไปเร่งทำให้เกิดความเสี่ยง อันนี้บริษัทฯ จะไม่ได้อยู่ในแพลน การที่ไปเร่งทำอะไรทำให้เกิดความเสี่ยงกับผู้ถือหุ้น เพราะอย่างที่เห็นเรามีความพึงพอใจ เติบโตมั่นคงแข็งแรงในอัตราตัวเลข 2 หลัก

***ในปีนี้เห็นโอกาสการเข้าซื้อธุรกิจหรือไม่***

คือถ้าวันนี้ก็พูดได้ว่า เราก็ยังมีนโยบายเหมือนเดิม คือไม่ทำธุรกิจที่มีลักษณะแข่งขันกับลูกค้า เพราะฉะนั้นดีลที่จะเกิดจะ หนึ่งต้องเป็นประโยชน์ กับ บริษัท และส่งผลบวกต่อผู้ถือหุ้น

สองคำที่ว่าเป็นประโยชน์ กับ บริษัท และผู้ถือหุ้น คือมันต้องเกิดความร่วมเมื่อระหว่างกัน และสร้างผลตอบแทนที่ดี เช่น CHOW เข้าไปแล้วจะทำให้บริษัทฯ แข็งแรงขึ้น มีมาร์เก็ตแชร์มากขึ้นในสินค้าที่ไม่ได้แข่งกับลูกค้าบริษัทฯ ซึ่งส่วนตัวก็ยังชอบหมวดที่เป็นวัตถุดิบ

***ผู้ประกอบการสตีล บิลเลท (Steel Billet) ในตลาดมีมากแค่ไหน***

สตีล บิลเลท (Steel Billet) มีอยู่ 18 บริษัทนี้แยกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มีเตาหลอมผลิตแล้วใช้เองมีประมาณ 11 บริษัท ที่ผลิตและขายเป็นเหล็กมีอยู่ประมาณ 7 บริษัท

***หากสนใจจะซื้อกิจการ CHOWสนใจ ผู้ประกอบการผลิตขายเอง หรือมีเตาหลอม***

ถ้าทำธุรกิจที่แปรรูปจะเป็นการแข่งขันกับลูกค้าซึ่งก็ยังยืนยันมาตลอดว่าไม่มีแนวคิดนี้ ซึ่งบริษัทก็มีความสุขกับการผลิตวัตถุดิบและขายวัตถุดิบเป็นสินค้าที่ทดแทนการนำเข้า เราก็จะเสริมให้วงการอุตสาหกรรมเหล็กในบ้านเรา มีความแข็งแรงมากขึ้น

***สนใจเป็นเตาหลอมมากกว่า***

ก็ไม่ได้ปิดกั้นดีลอื่น แต่ว่ามีจุดยืน ว่า CHOW จะไม่ไปแข่งขันกับลูกค้า ซึ่งเราจะไม่ทำ

***ถ้าในอนาคตจำเป็นต้องซื้อกิจการจริง จะทับกันหรือไม่ ***

ตลาดมันกว้างมากมันมีหลายตลาด เพียงแต่ว่าอยู่ที่วิธีคิดว่าเราจะมุ่งไปทางมุ่งเน้นไหน ซึ่งเรามีความชำนาญ มีวัตถุดิบ และเห็นช่องทางในการตลาด รวมถึงบริษัทฯ ก็มีนโยบายชัดเจนว่าจะไม่ไปทำธุรกิจแข่งขันกับลูกค้า คือโตมันโตได้หลายช่องทาง

***แผนโรคโชว์ในประเทศ***

ช่วงนี้กำลังคุยๆ เราก็มีแผน ล่าสุดเร็วๆนี้บริษัทก็จะเข้าไปทำของ Opportunity Day ที่ตลาดหลักทรัพย์ แนะนำบริษัทให้กับนักลงทุนทั่วไปรับทราบมากขึ้น

***นอกจากช่องทางออฟเดย์ของตลาดแล้วยังมีช่องทางไหนอีก***

ยินดีหากมีช่องทางใดให้บริษัทเข้าไปเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนได้เราก็ไป

***เราวางตำแหน่งของCHOW ไว้อย่างไร***

ต้องบอกว่าบริษัทมีอัตราการโตที่ค่อนข้างโดดเด่น มาโดยตลอด8 ปีที่ทำมา จากนี้บริษัทก็ยังมองว่าเราเติบโตเป็นเลข 2 หลักได้ ด้วยเหตุผลหลักๆก็คือว่า สินค้ามีความต้องการของตลาดสูงประกอบกับชื่อเสียง และคุณภาพของสินค้าที่บริษัททำออกมาเป็นที่ยอมรับของตลาด เพราะฉะนั้นในแง่การเติบโต บริษัทฯ ก็มองว่าเป็นเลข 2 หลัก ส่วนในแง่ของดีแพนเด็น ต้องเรียนว่าบริษัทได้ผ่านช่วงลงทุนมาแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวงั้นเราก็มีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะทำตามนโยบายของบริษัท คือไม่น้อยกว่า 40%

***ปีนี้มีแผนต้องใช้เงินลงทุน วางแผนต้องใช้เท่าไหร่***

งบลงทุนใหญ่ๆไม่มี มีแต่เล็กๆน้อยๆรับรู้ไปในบอร์ด พูดง่ายๆผู้ถือหุ้นไม่ต้องกังวลใจว่าจะมีบิ๊กดิว ต้องใช้งบลงทุนในการขยายธุรกิจเหมือนถ้ามีเราก็ต้องตามขั้นตอนก็ต้องมีการเสนอผู้บริหารถ้าเป็นนัยยะ

***ปัจจุบันD/Eอยู่ที่ประมาณกี่เท่า***

งวด 9 เดือนแรกเนี่ยก่อนได้รับเงิน IPOเข้ามา อยู่ที่ประมาณ 2.96 เท่า ปัจจุบันนี้เร่งปิดงบอยู่ เข้าใจว่าต่ำกว่าสองเท่า แน่นอน

***ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ***

จริงๆ ก็เป็นสิ่งที่ตั้งเป้าไว้อยู่แล้ว

***แล้วเหล็กในตลาดหุ้นบ้านเรา มีD/Eอยู่ที่เท่าไหร่ (ถ้าตัดรายใหญ่)***

ก็หลากหลายมีตั้งแต่ 1 เท่า ต่ำ 1ถึงสูงกว่า 4 ก็หลักๆ

***แล้ว 9 เดือนมี Book value อยู่ที่เท่าไหร่***

ประมาณ1.14 บาท

***สิ้นปี 2555 Book value ขยับขึ้นเยอะไหม***

ต้องขยับจากปัจจัยที่บริษัทฯ สามารถสร้างกำไรในไตรมาส 4/2555 ที่มีการผลการดำเนินงานที่ดี

ทิ้งท้ายกันที่

***ปีนี้ CHOWจะทำเซอร์ไพส์ จ่ายปันผลปลอบใจที่ราคาหลุดต่ำกว่าจองหรือไม่ ***

บริษัทฯ ก็มีพูดมาตลอดว่า เรายังไม่มีโครงการจะลงทุนอะไรใหญ่ เรามีกระแสเงินสดเหลือเพียงพอจะมีการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40%

***จะมีเซอร์ไพส์มากกว่า 40 % ไหม***

ก็ไม่ได้ปิดกั้นว่า 40% มันน้อยกว่า

***ขึ้นอยู่กับมติคณะกรรมการบริษัท***

ใช่ ครับ เช่น ถ้าเกิดมีดิวระหว่างทางที่จะต้องทำให้ใช้เงิน หรือถ้าระหว่างทางเราไม่มีโปรเจ็กค์ ให้ต้องใช้เงินเยอะก็ไม่มีเหตุผลให้เงินน้อย มันขึ้นอยู่กับภาวะตลาดฯ

BY..ทีมข่าวHOONINSIDE.COM

.adsbygoogle {padding-bottom: 40px;}.google-ads-wrap {overflow-x: hidden;}