Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ : จับตากำไรโค้ง 3 "STGT" โดดเด่น ดีมานด์ถุงมือยางพุ่ง!!

7,964

 

หุ้นอินไซด์----บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT ผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ของไทยและอันดับ 3 ของโลก เข้ามาโลดแล่นในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2563 ที่ผ่านมา ถือเป็นพระเอกขี่ม้าขาวที่เข้ามากอบกู้ศักดิ์ศรี หุ้น IPO ให้กลับคืนมาอีกครั้ง หลังจากที่หุ้น IPO ในระยะหลังๆ ไม่ได้รับความนิยม หมดมนต์ขลัง หมดเสน่ห์ ทำเอานักลงทุนหลายๆคนไม่มีใครอยากได้หุ้นจองเหมือนสมัยก่อน

 

 

ทั้งนี้หุ้น STGT เปิดเทรดวันแรกที่ 55.25 บาท เพิ่มขึ้น 21.25 บาท หรือ 62.5% จากราคาขาย IPO ที่ 34 บาท/หุ้น ก่อนที่จะมาปิดสิ้นวันที่ 60.50 บาท เพิ่มขึ้น 26.50 บาท หรือ 77.94% เรียกได้ว่าเป็นหุ้นIPO ที่ให้ผลตอบแทนนักลงทุนอย่างเป็นกอบเป็นกำ ส่วนราคาปัจจุบัน STGT พุ่งแรง แซงทุกเป้า ฉีกทุกบทวิเคราะห์ที่นักวิเคราะห์ ตีราคาพื้นฐานไว้แบบทะลุ ทะลวง.....

 

 

สิ่งสำคัญที่ทำให้หุ้น STGT ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม คือปัจจัยพื้นฐานธุรกิจ ที่เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางสำหรับใช้ทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ มีทั้งถุงมือธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์ บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 32,619 ล้านชิ้นต่อปี จึงเป็นหุ้นที่ตอบโจทย์ ยุค“New Normal” โดยแท้ เพราะได้ประโยชน์จากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ความต้องการเครื่องมือแพทย์เพิ่มขึ้น

 

 

ปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงงานผลิตทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ โรงงานสาขาหาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โรงงานสาขาสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และโรงงานสาขาตรัง ตั้งอยู่ที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง โดยโรงงานผลิตทั้ง 3 สาขาของบริษัทฯ มีสายการผลิตทั้งหมด 145 สายการผลิต และมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 32,619 ล้านชิ้นต่อปี คิดเป็นอันดับ 3 ของโลก

 



หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ วางแผนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง จาก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 32,619 ล้านชิ้นต่อปี จากโรงงาน 3 แห่ง จะขยายกำลังการผลิตติดตั้งเป็นมากกว่า 50,000ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2567 เป็นมากกว่า 70,000 ล้านชิ้นภายในปี 2571 และเป็นประมาณ 100,000 ล้านชิ้นต่อปีในปี 2575 ตามลำดับ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตรองรับการขยายตลาดทั่วโลก นอกจากนี้มีแผนขยายตลาดใหม่ๆ ในกลุ่มประเทศที่มีโอกาสเติบโตสูง อาทิ ทวีปเอเชียแปซิฟิก แอฟริกา อเมริกาใต้ ฯลฯ ซึ่งกำลังพัฒนาระบบสาธารณสุขและสุขอนามัยและมีแนวโน้มความต้องการใช้ถุงมือยางเพิ่มขึ้น

 

 

 

 


นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) STGT เปิดใจว่าถึงเป้าหมายธุรกิจว่า บริษัทฯตั้งเป้าจะรักษาการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางรายใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก โดยเน้นเพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยางธรรมชาติและรักษาสัดส่วนผลิตถุงมือยางไนไตรล์ที่ใช้น้ำยางสังเคราะห์เป็นวัตถุดิบที่เหมาะสม นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ภายในโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต โดยจะยึดถือการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด ‘Touch of Life’ เพราะทุกสัมผัสนั้นมีความหมายต่อชีวิต และวิชั่นองค์กรที่ต้องการส่งมอบการปกป้องทุกสัมผัสด้วยความห่วงใย สู่ทุกชีวิตทั่วโลก

 

 


พร้อมระบุว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ พร้อมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุน และต่อยอดโอกาสในการขยายธุรกิจ โดยบริษัทมีแผนที่จะนำเงินระดมทุนไปขยายและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้มากกว่า 50,000 ล้านชิ้นต่อปี ในปี 2567 และ 100,000 ล้านชิ้นต่อปี ในปี 2575 เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

 

 


ขณะที่โบรกเกอร์ชั้นนำจากต่างประเทศทยอยออกบทวิเคราะห์หลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง แนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมายหุ้น STGT ไม่ต่ำกว่า 100 บาท โดย CITI ให้ราคาเป้าหมายหุ้นละ 145 บาท Credit Suisse ให้ราคาเป้าหมายหุ้นละ 142 บาท และ CLSA ให้ราคาเป้าหมายหุ้นละ 133 บาท

 

 

ด้านโบรกเกอร์ในประเทศหลายรายปรับราคาประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายอย่างต่อเนื่องพร้อมคาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 จะเติบโตอย่างโดดเด่นและมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมายหุ้น STGT ที่ 90 บาท โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 2,700 ล้านบาท เติบโต 158%จากไตรมาสก่อนหน้า และเติบโตถึง 2,500% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ ซื้อ และคาดการณ์ STGT จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ 2,356 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123%จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 2,150% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย STGT ที่ 109 บาทต่อหุ้น พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 3/2563 จะเพิ่มขึ้นกว่า 200% จากไตรมาสก่อนหน้า

 

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ ซื้อ และปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 เป็น 4,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 664% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 2564 อยู่ที่ 7,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

สำหรับนโยบายการจ่ายปันผล STGT มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและจัดสรรทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามข้อบังคับบริษัทและตามกฎหมาย ทั้งนี้ ต้องไม่เกินกำไรสะสมของ STGT ที่ปรากฎในงบการเงินเฉพาะกิจการ

 

 

----จบ----
By:อณุภา ศิริรวง

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

HotNews: MTC กำไร Q1/67 โต 29.8% ดีกว่าโบรกฯคาด ทั้งปีคาดพุ่ง 22%

MTC ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่ไมโครไฟแนนซ์มาตรฐานระดับโลก เน้นจุดแข็งความยั่งยืน.....

ชมงบ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ช่วงนี้ คงต้องรอชมนก ชมไม้ เอ้ย รอชม ผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ของบริษัทจดทะเบียน เริ่มทยอย...

CFARM จับมือ APM UOBKH และ BYD ประเดิมโรดโชว์ให้ข้อมูลนักลงทุน จ.ชลบุรี

CFARM จับมือ APM UOBKH และ BYD ประเดิมโรดโชว์ให้ข้อมูลนักลงทุน จ.ชลบุรี

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้