ดอกเบี้ยแพงเกินไป

By :  เทวัญ จงกลรอด บรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจ นสพ.สยามรัฐรายวัน

เห็นเถียงมันมาหลายวันแล้ว เรื่อง "ดอกเบี้ยแพง" ที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคน มองต่างจาก "แบงก์ชาติ" โดยมองว่า ดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.50% น่าจะสูงเกินไปสำหรับภาวะการณ์ปัจจุบัน

จริงๆ ถ้าเราดูปัจจัยแวดล้อมที่เกิดขึ้น มองยังไง "เงินเฟ้อ" ไม่น่าจะเป็นปัญหาในช่วงนี้

1.เศรษฐกิจไทย ไม่มีสัญญานอะไรที่แสดงถึง "ความร้อนแรง" ออกมาเลย ไม่มีสัญญานการเก็งกำไร ทั้งในภาคอสังหาริมทรัพย์ แถม "กำลังซื้อ" ของภาคแรงงาน ก็ไม่มีอะไรขยับ จะมีมากจริงๆ ก็ต้องปี 2555 โน่น ในตอนที่ ค่าแรงวันละ 300 บาท มีผล

ทำให้มองได้ชัดเจนว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากภายในประเทศ แทบไม่มี แล้ว "แบงก์ชาติ" ขึ้นดอกเบี้ยอีกทำไม?

2.ระดับราคาน้ำมันในตลาดโลก ดูทิศทางแล้วน่าจะเป็น "ขาลง" ซะมากกว่า เป็นเพราะเศรษฐกิจสหรัฐ และยุโรป ยังหาทางออกไม่เจอ ยังแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ตรงจุด หรืออาจจะแก้ปัญหาไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป และจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ราคาน้ำมัน จึงไม่น่าจะขยับขึ้น

ผลก็คือ ถ้าน้ำมันเป็นขาลงจริงอย่างที่คาดการณ์ เงินเฟ้อ ก็จะลดตามลงมาทันที เผลอๆ อาจจะติดลบให้เห็นเล่นแก้เซ็ง จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำให้ "ดอกเบี้ยสูง"

3.ทิศทางด้านการเงินของโลกเริ่มเปลี่ยน โดย ธนาคารกลางทั่วโลก ต่างหันมาเน้นเรื่องเสถียรภาพทางด้านเศรษฐกิจ มากกว่า "ด้านการเงิน"

ทั้ง ธนาคารกลางยุโรป และ IMF ที่แต่ก่อนทำเป็นเคร่งครัดในระเบียบวินัยทางการเงิน แต่ตอนนี้สถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงไป ทั้ง ธนาคารกลางยุโรป และ IMF ต่างหันมาประกาศให้ประเทศต่างๆ ใช้ "นโยบายการเงิน" เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นประเด็นหลัก

4.การขึ้นดอกเบี้ย มันทำให้ "แบงก์พาณิชย์" รวยเละ เพราะได้เงินฝากมาต้นทุนต่ำ แต่ดอกเบี้ย "เงินกู้" ขยับพรวดๆ รวยกันทั้งระบบ แถมแสดงตัวเลขให้คนทั้งประเทศหมั่นไส้คือ ในปี 2553 แบงก์ทั้งระบบฟันกำไรไปกว่า 1 แสนล้านบาท ส่วนในช่วง 2 ไตรมาส ปี 2554 หันกำไรกันเนื้อๆ ไปแล้ว 7 หมื่นกว่าล้าน...ขูดเลือดขูดเนื้อประชาชนเหมือนเดิม

ผมจึงมองว่า นโยบายแบงก์ชาติ เน้นเอื้อประโยชน์ให้กับ "แบงก์พาณิชย์" มากกว่าระบบเศรษฐกิจ และประชาชน ซึ่งแน่นอนว่า ในอนาคตอาจจะเกิดปัญหาได้

อย่างที่ สหรัฐอเมริกา ตอนนี้ เกิดม็อบ นำโดยนาย Kalle Lasn บรรณาธิการนิตยสาร Adbusters ยุยงคนสหรัฐ โดยใช้โซเชียลมีเดีย ให้มาร่วมปฏิบัติการ "ปลดแอก" จากการเอารัดเอาเปรียบของพวก นายแบงก์, ไฟแนนซ์, พ่อค้าหุ้น ที่มีอยู่แค่ 1% ของพลเมืองสหรัฐ 200 กว่าล้านคน

โดยระบุว่า คนพวกนี้ ขี้โกง ละโมบ กินคอมมิสชั่นมหาศาล ขมือบโบนัสก้อนใหญ่ จนทำให้สถาบันการเงินล้ม แล้วรัฐบาลสหรัฐ ก็เอาเงินภาษีอากรของประชาชนไปอุ้ม "บารัค โอบามา" ถลุงรอบแรกไปแล้วกว่า 800,000 ล้านล้านเหรียญ ยังไม่มีอะไรดีขึ้น คนสหรัฐยังตกงาน 14 ล้านคน หรือ 9.1%

คนกลุ่มนี้ประกาศให้วันเสาร์ 17 ก.ย. 2011 เป็น "วันมะกันโกรธแค้น" United State Day of rage

มีการเรียกร้องให้คนเข้าร่วมปิดล้อม ย่านวอลล์สตรีท แหล่งค้าหุ้นสำคัญของประเทศ

ถ้า "นายแบงก์" กอบโกยมากๆ เดี๋ยวได้เจอม็อบ "ไล่นายแบงก์" แบบที่ สหรัฐอเมริกา กำลังเจออยู่ในขณะนี้!